MINI Aceman SE ครอสโอเวอร์ไฟฟ้า สุดจัดจ้านด้านฟังก์ชั่น
![](https://www.grandprix.co.th/wp-content/uploads/2025/02/MINI-Aceman-Night-Drive_040225-32_result-660x400.jpg)
ในบรรดารถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบัน ถึงแม้ว่าภาพลักษณ์และการออกแบบภายนอกจะดูหวือหวา มีความโดดเด่นสะดุดตาที่แตกต่างกันออกไป หรือบางค่ายอาจจะดูมีความคล้ายคลึงกันบ้าง แต่เรื่องที่ต่างกันที่สุดมักเป็นเรื่องของการปรับจูนอัตราเร่ง ระบบบังคับเลี้ยว และระบบช่วงล่าง ซึ่งนั่นทำให้คาแรกเตอร์ของรถมีความต่างกัน เรื่องแบบนี้ต้องลองขับถึงจะรู้!
สำหรับ MINI Aceman SE เช่นเดียวกัน ต้องยอมรับว่ายังคงมีคาแรกเตอร์ในการขับสไตล์โกคาร์ทอยู่เต็มเปี่ยม ขับสนุกและแตกต่างจากรถยนต์ไฟฟ้าอื่นๆ ในตลาด และมีสิ่งที่เพิ่มเติมขึ้นมาคือ “อารมณ์” และ “ความรู้สึก” ที่มันเป็น “Feeling” ที่ “โดนใจ” ของคนที่บ้ากับการขับรถมากๆ ซึ่งต้องยอมรับว่าส่วนตัวแล้วไม่ค่อยพิศวาสอะไรมากมายกับรถยนต์ไฟฟ้า จะมีแค่บางรุ่นเท่านั้นที่รู้สึกว่า “มันใช่” และ MINI Aceman SE คันนี้มันใช่!!
ด้วยขุมพลังขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้พละกำลังสูงสุด 218 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 330 นิวตันเมตร อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ที่ 7.1 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 170 กม./ชม. พลังงานจากแบตเตอรี่ขนาด 54.2 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ให้ระยะทางขับขี่สูงสุดตามมาตรฐาน WLTP ที่ 405 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง สามารถชาร์จ จาก 0-100% ด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) ที่กำลังไฟ 11 กิโลวัตต์ ในเวลา 5 ชั่วโมง 45 นาที และชาร์จความเร็วสูงด้วยไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ที่กำลังไฟ 95 กิโลวัตต์ จาก 10-80% ในเวลาเพียง 31 นาที
ในด้านของการขับต้องยอมรับว่าปรับจูนช่วงล่างมาดีมากๆ ไม่ได้นุ่มมาก มีความกระด้างเล็กน้อย ขับสบายกว่า MINI Cooper SE เรื่องของอัตราเร่งไม่ต้องคุยเยอะ ขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าแรงจัดจ้านอยู่แล้ว โดยเฉพาะเมื่อเปลี่ยนเข้าสู่โหมด Go-Kart การตอบสนองของคันเร่งฉับไว พวงมาลัยแม่นจัดๆ และด้วยความเร็วที่กดไปถึง 170 กม./ชม. ตัวรถยังนิ่ง พวงมาลัยน้ำหนักกำลังดี ทำให้เรื่องของการใช้ความเร็วสูงทำได้สบายมากๆ แต่ช่วงความเร็วที่รู้สึกว่าทำให้การขับใช้งานจริงในชีวิตประจำวันมีความคล่องตัวและสบายมากที่สุดจะอยู่ในช่วง 60-100 กม./ชม. สำหรับมือใหม่จะรู้สึกว่าความเร็วช่วงนี้ จะควบคุมรถได้ง่ายขับสบาย
แต่สิ่งที่อยากจะเน้นมากที่สุดคือเรื่องของฟังก์ชั่นการใช้งานในรถ ที่ทำให้เพลิดเพลินมากๆ ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ OLED ทรงกลมบนคอนโซลหน้าที่ทั้งบางเฉียบและใหญ่เต็มตา ด้วยความกว้าง 240 มม. เป็นทั้งจอแสดงผลข้อมูลสำหรับผู้ขับขี่และแผงควบคุมระบบต่างๆ ยังเป็นศูนย์กลางของฟังก์ชัน MINI Experience Modes ที่สามารถปรับแต่งบรรยากาศภายในรถให้ตรงกับคาแรกเตอร์ของเจ้าของรถ หรือจะเลือกคุมโทนตามอารมณ์ของการเดินทาง ด้วย 8 โหมดสุดพิเศษที่ไม่ได้ปรับเพียงแค่โทนสีและข้อมูลที่แสดงผลบนหน้าจอเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสีสันจากระบบไฟ Ambient Lighting ในห้องโดยสาร ซึ่งส่องสว่างออกมาจากทั้งบริเวณใต้แผงคอนโซลหน้า กระจกข้าง และกรอบหลังคา Panorama Glass Roof ขณะที่เสียงเครื่องยนต์แบบจำลองก็จะปรับเปลี่ยนไปตามแต่ละโหมดเช่นกัน ซึ่งโทนเสียงที่กระหึ่มสมจริงมาจากชุดเครื่องเสียงระบบเซอร์ราวด์โดย Harman Kardon ที่ทำได้ดีมากๆ
ยังไม่พอ ยังมีลูกเล่นอื่นที่ว้าวมาก ที่จะมีอยู่ใน MINI Aceman SE และ MINI รุ่นใหม่ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ MINI Operating System 9 คือโหมดลับสำหรับสายปาร์ตี้ เพียงเปิดเพลงผ่านหน้าจอ OLED แล้วปาดนิ้วมือ 4 นิ้วบนหน้าจอจะเข้าสู่โหมด DJ ให้สแครชแผ่นกันได้แบบไม่ต้องมีอุปกรณ์เสริม
โดยฟีเจอร์ต่างๆ เหล่านี้ เป็นส่วนหนึ่งของนวัตกรรมดิจิทัลมากมายที่ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ของ MINI Aceman SE ในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นบริการ MINI Connected ครบชุด รองรับการติดตั้งแอปพลิเคชันจาก MINI Connected Store แท่นชาร์จไร้สายสำหรับสมาร์ทโฟน และระบบ MINI head-up display ที่แสดงข้อมูลสำคัญให้ผู้ขับขี่เห็นโดยไม่ต้องละสายตาจากถนนข้างหน้า ส่วนระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ Driving Assistant Plus เสริมทั้งความสะดวกและปลอดภัยด้วยตัวช่วยคุมรถให้อยู่ในเลน พร้อม Adaptive Cruise Control ที่ติดตั้งมาให้เป็นฟังก์ชันมาตรฐาน ช่วยควบคุมความเร็วและรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าแบบอัตโนมัติ และยังสามารถปรับความเร็วให้รับมือกับทางโค้งและทางชันอย่างมั่นใจและปลอดภัยยิ่งขึ้นอีกด้วย
ถือว่า MINI Aceman SE เป็นรถยนต์ไฟฟ้าในสไตล์ครอสโอเวอร์ที่คาแรกเตอร์ชัดเจน ตัวรถยาว 4.07 ม. เวลาที่นั่งอยู่ในรถอาจจะรู้สึกว่ารถคันใหญ่ แต่จริงๆ แล้วดูพอดีและไม่เล็ก พื้นที่ใช้สอยมากมาย เมื่อพับเบาะแถวหลังมีพื้นที่สัมภาระมากถึง 1,005 ลิตร ขับสนุกจัดจ้านสไตล์ Go-Kart เครื่องเสียงระดับตัวท๊อป เพียงเท่านี้ก็ทำให้เป็นรถที่พร้อมในทุกด้าน ยิ่งเสริมด้วยฟังก์ชั่นที่เสริมให้อารมณ์และความรู้สึก ฟินไปกับรถได้อีกเพียบ นี่คือความแตกต่างที่เลือกเป็นเจ้าของได้ด้วยค่าตัว 1,999,000 บาท เพราะคุณจะไม่ได้ซื้อแค่รถยนต์ไฟฟ้า แต่คุณได้ซื้อ “MINI” นั่นเอง
เรื่อง : พุทธิ ผาสุข
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th