ขวัญใจสาวกรี๊ด MINI Cooper Gen.1 “R50 – R53” ระวัง “เกียร์พัง – ซูเปอร์ชาร์จเหี่ยว – ช่วงล่างสะเทือนถึงหัวใจ”
สำหรับ MINI Cooper ใน Gen.1 ที่เข้าขั้นยอดฮิต หลังจากที่เข้ามาสู่หลังคาของ BMW นั้น ดูจะถูกใจ “วัยรุ่นเงินถึง” อยู่มาก ด้วยทรวดทรงที่ “คุณหนู” หรูหราน่ารัก เรียกว่า “สาวชอบ” ถ้าหนุ่มๆ ขับมารับ หรือสาวๆ จะ “ขับเอง” ก็ดูชิคๆ คูลๆ ดีเหมือนกัน เป็นรถที่ออกมาในยุค “มิลเลนเนียม” ซึ่งก็อยู่ราวๆ ปี 2001 – 2002 ตอนนี้ก็เป็น Used Car ในเรตราคาแถวๆ 5 – 6 แสนบาท เอาเข้าจริงก็ “ไม่ถูก” เหมือนกัน เพราะราคาเท่านี้ สามารถซื้อรถยุโรปสายหรูปีใกล้เคียงกันได้อีกเยอะ เผลอๆ จะถูกกว่าด้วย แต่สำหรับคนชอบ “ความมีสไตล์” ก็ต้องศึกษาไว้หน่อย ว่าถ้าจะเล่นต้อง “พิจารณาอะไรบ้าง” จะขอพูดถึง Gen.1 ทั้ง 3 เวอร์ชัน แบบรวบรัดตัดความนะครับ…
Cooper R50 – R52
- เครื่องยนต์ไม่มีซูเปอร์ชาร์จ มีความทนทานดี ไม่ค่อยมีปัญหา บำรุงรักษาง่าย เหมาะสำหรับคนที่ชอบ “ลุคหล่อๆ” ไม่ได้ชอบความแรง…
- ปั๊มเพาเวอร์ไฟฟ้ามักจะเสียบ่อย จริงๆ ปั๊มไม่ได้คุณภาพต่ำ แต่ตัวการ คือ “พัดลมไฟฟ้าระบายความร้อนปั๊มเพาเวอร์” จะชอบเสีย เนื่องจากมันอยู่ด้านล่าง สังเกตได้ยาก โอกาสที่โดนน้ำ ฝุ่น ฯลฯ มีสูง และพอเสียแล้วก็ไม่รู้ ทำให้ปั๊มเพาเวอร์ Overheat เสียหายในที่สุด พวงมาลัยจะหนักผิดปกติและควบคุมรถได้ยาก…
- เกียร์ CVT รุ่นนี้ไม่ค่อยทนทาน รวมถึงตัว R52 Convertible เปิดประทุน ที่เป็นเครื่องเดียวกันด้วย สำหรับทางเลือก คือ ซื้อเกียร์ Used ทั้งลูก ราคาประมาณ “หมื่นกว่าบาท” (ราคาแล้วแต่ร้านและช่วงเวลาที่จำหน่ายด้วยนะครับ) อันนี้มีความเสี่ยง เพราะเราไม่รู้สภาพภายในจริงๆ ว่ามันใกล้จะ “เจ๊งบ๊ง” ซ้ำรอยเดิมหรือเปล่า ถ้าเจอดีก็ดีไป ถ้าดวงจู๋ ใช้ไปไม่นานก็พังอีก เสียเวลาและค่าใช้จ่ายบานเบิก อีกทาง “โอเวอร์ฮอล” จ่ายประมาณ “สามหมื่นห้า – สี่หมื่น” แต่ชัวร์กว่าเพราะได้อะไหล่ใหม่และเห็นสภาพจริงแน่ๆ…
- ภายในค่อนข้าง “กรอบแตก” รุ่นแรกๆ วัสดุไม่ค่อยทนอากาศร้อนของไทยแลนด์ ก็ต้องหารถที่สภาพภายในสวยเดิม แสดงว่าเจ้าของรักษามาดี และไม่ค่อยจอดตากแดด…
- สำหรับงบประมาณในการซ่อมบำรุง อยู่ราวๆ “ห้าหมื่น” อย่างต่ำ แล้วแต่สภาพรถ แต่เราพูดถึงเฉพาะรถสภาพดีนะครับ (สภาพไม่ดีก็ไม่ต้องซื้อมาหรอกครับ ซ่อมบานเบิก ไปๆ มาๆ จะแพงกว่าซื้อรถสภาพดีอีก) ในรุ่น R50 – R52 ไม่ซุป จุดอ่อนหลักๆ ก็เรื่องเกียร์ CVT ส่วน R52 ที่เป็น Convertible ก็จะมีเรื่องของ “กลไกหลังคา” ที่อาจจะเสื่อมหรือเสีย ส่วนใหญ่แล้วจะเปลี่ยน “ยกหลังคา” ทั้งชุดกลไกไฮดรอลิค ราคาประมาณ “หมื่นต้นถึงหมื่นกลาง” คุ้มกว่า แต่ค่าแรงจะแพงหน่อย เพราะต้องรื้อด้านหลังหมดเลย…
Cooper S R52 – R53
- มี S ก็คือ “Supercharge” ปกติแล้ว เครื่องจะทนทานดีมาก ถ้าบำรุงรักษาดีๆ และขับแบบ “เป็นคนปกติ” ตัว Supercharge ก็จะมีปัญหาเรื่อง “กลไกด้านในสึกหรอ” ตัวอัดอากาศจะเคลือบด้วย “เทฟลอน” พออายุมากมันก็เริ่ม “หลุดร่อน” ทำให้ Clearance เพิ่ม มีผลให้แรงอัดต่ำลง หรือ “บูสต์หาย” กำลังเครื่องตก หนทางแก้ “เปลี่ยนยกลูก” แน่นอน ในต่างประเทศซ่อมได้ แต่ในบ้านเราเปลี่ยนเลยคุ้มกว่า…
- ในรุ่น John Cooper Works หรือ JCW เครื่องยนต์มีความแรงกว่า S ปกติ Supercharge บูสต์สูงกว่า ฝาสูบโมดิฟายพอร์ตเพิ่ม รถแท้ก็มีน้อยในบ้านเรา…
- เกียร์ Auto จะเป็นแบบ “เฟือง” ที่มีความทนทานพอสมควร ไม่ค่อยมีปัญหาเหมือน CVT การซ่อมบำรุงก็เหมือนทั่วไป…
- จุดที่ต้องดูใน 1 ทุกรุ่น คือ “ชุดสายไฟ” ด้วยอายุกว่า 20 ปี ปลั๊กไฟหน้าและไฟท้ายแตกบ่อย บางคันละลาย ปลั๊กสายไฟในห้องเครื่องแตก ก็จะมีแยกขายเป็นชุดๆ สายไฟห้องเครื่อง อันนี้จะเสื่อมเร็วกว่าเพื่อน เพราะโดนเรื่องความร้อนตลอดเวลา ราคาต่อชุดก็อยู่ที่ “สามพันกว่าบาท” ส่วนชุดสายไฟในห้องโดยสารไม่ค่อยเสีย…
- กล่อง ECU มีโอกาสจะ “เสีย” ตามอายุ ก็จะมีอาการผิดปกติ เช่น สั่งคอยล์จุดระเบิดผิดจังหวะ รถจะวิ่งสะดุดปุกๆ ปักๆ, ไม่จุดระเบิดเลย, ไม่สั่งปั๊มติ๊กทำงาน (อันนี้เจอเยอะ) ทำให้รถสตาร์ทไม่ติด ไปไล่สายไฟหรือเปลี่ยนคอยล์ก็ไม่หาย ก็ต้องเปลี่ยนกล่องเอา กล่อง ECU เครื่องใบเดี่ยวๆ ประมาณ “สามพันห้า” แต่ต้องเสียเงินค่า Key Code เปลี่ยนรหัสกุญแจใหม่ ถ้าครบชุด จะมีกล่องกุญแจ “Immobilizer” มาด้วย ก็ใช้ได้เลย บวกเพิ่มไปอีก “สองพัน” โดยประมาณ แนะนำว่า เรื่องกล่อง ECU มันมีหลายเบอร์ “ควรให้ช่างเป็นคนจัดการ” จะดีที่สุด เพราะถ้าเราซื้อไปเอง เกิด “ผิดรุ่น” ขึ้นมา เดี๋ยวมันจะวุ่นวายคุณนั่นแหละครับ อุปกรณ์ไฟฟ้าซื้อแล้วเขาไม่รับคืนกันเสียด้วย…
- ช่วงล่างเป็นสิ่งที่รู้กันว่า “แข็งกระด้าง” ใช้งานทุกวันมันสะเทือนแบบ “เหนื่อยชีวิต” ยิ่ง Cooper S ละรู้เรื่อง !!! เพราะเขาเซ็ตช่วงล่างสไตล์กึ่งๆ “โกคาร์ท” ที่คุณต้องเหนื่อยในการควบคุม แต่ “ได้มันส์” บนทางเรียบและโค้งต่อเนื่อง ถ้ารับความแข็งมันไม่ได้ แนะนำซื้อรุ่นอื่นเถอะครับ…
สำหรับ MINI Cooper Gen.1 โดยภาพรวมถ้าจะถามว่า “น่าใช้ไหม” ดูตามรูปการณ์แล้ว บอกเลยว่า “ไม่ค่อยเหมาะกับการเป็นรถใช้งานคันเดียว” ไอ้ตัวรถไม่มีปัญหาหรอก แต่ประการแรก รถมีขนาดเล็ก นั่งแล้วอึดอัด ประการที่สอง “สะเทือน” อยู่ที่ว่าคุณ “รับสภาพได้ไหม” แต่ถ้าเป็นรถคันที่ 2 เป็นต้นไป เอาไว้ “ขับจุ๊ยในบางโอกาส” ไม่ได้ใช้งานทุกวัน อันนี้ “เหมาะสมกว่า” ส่วนในเกณฑ์การซื้อรถ ต้องพิจารณา “เป็นพิเศษ” หน่อย รุ่น Cooper ไม่ค่อยเท่าไร แต่ถ้าเจอ Cooper S ที่ส่วนใหญ่จะเจอ “สาย Teen หนัก” แน่ๆ คงไม่มีใครซื้อรุ่นนี้มาขับคลานด๊อกแด๊ก โอกาสเจอ “รถช้ำ” หรือ “รถชนหนัก” ก็มีสูง ตอนซื้อแนะนำรถที่ “เช็คประวัติ” ได้ และมาสภาพเดิมๆ หรือแต่งนิดหน่อยแบบ “แต่งเป็น ใช้ของดี” ก็ได้ จะอุ่นใจกว่าครับ…
เรื่อง : อินทรภูมิ์ แสงดี
ข้อมูล : SSC Autopart
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th