Mini Hopkirk Edition แต่งพิเศษเป็นเกียรติแก่ชัยชนะมอนติคาร์โลแรลลีในอดีต
หลายคนอาจมองรถ Mini ว่าเป็นรถขนาดเล็กที่มีความคลาสสิก โดยเป็นเหมือนรถรุ่นหนึ่งที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้มีความคล่องตัวในการใช้งาน โดยที่ไม่รู้ว่าในอดีต Mini เคยสร้างชื่อด้วยการชนะการแข่งขันมอนติคาร์โลแรลลีมาแล้วในปี 1964 และเพื่อเป็นเกียรติต่อเหตุการนั้นทาง Mini จึงนำเอารุ่น Cooper S แฮทช์แบ็ก 3 ประตูมาทำเป็นรุ่นพิเศษชื่อ Hopkirk Edition ตามชื่อของ Patrice ‘Paddy’ Hopkirk ซึ่งเป็นผู้พา Mini คว้าชัยในการแข่งขัน
Mini Hopkirk Edition มาพร้อมกับภายนอกของรถที่ให้ความรู้สึกถึงสไตล์รถแข่งแรลลีที่คลาสสิกในอดีต ด้วยการใช้สีแดงกับตัวรถส่วนหลังคาของรถมีสีขาว พร้อมกับมีหมายเลข 37 ที่ประตูรถ ขณะที่บนฝากระโปรงหน้ามีทั้งลายเซ็นของ Patrice Hopkirk และ ตัวหนังสือ 33 EJB ซึ่งเป็นป้ายทะเบียนของรถแรลลีในลักษณะกราฟฟิก 3 มิติสีขาวบนแถบสีขาว ป้าย Paddy Hopkirk พร้อมหมายเลขรถและปีที่ชนะการแข่งแรลลี นอกจากนี้ภายนอกของรถยังเต็มไปด้วยลายเซ็นของผู้พา Mini คว้าชัยชนะแรลลีในอดีตตามส่วนต่างๆ ของรถทั้งที่ประตูท้าย คิ้วประตู และแผงแดชบอร์ดฝั่งผู้โดยสาร
สำหรับอุปกรณ์มาตรฐานอื่นๆ ที่มาพร้อมกับ Mini Cooper S รุ่นพิเศษมีทั้งล้ออัลลอยน้ำหนักเบา John Cooper Works สีดำขนาด 17 นิ้ว การแต่งด้วยสีดำทั้งที่กระจังหน้า ที่เปิดประตู ฝาปิดถังน้ำมัน รวมทั้งรอบไฟหน้าและไฟท้าย ในขณะที่โลโก้ Mini ก็มาในสีดำด้วย นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์มาตรฐานอื่นอย่างไฟหน้า LED ไฟท้ายรูปธง Union Jack อุปกรณ์เสริม Excitement Package และ Comfort Access
ในส่วนของเครื่องยนต์ไม่ต่างกับ Mini Cooper S ปกติที่ใช้เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 189 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 281 นิวตัน-เมตร โดยใช้เวลา 6.5 วินาทีเพื่อทำความเร็วจาก 0-96 กม./ชม. และทำความเร็วสูงสุดได้ 235 กม./ชม.
Mini จะส่ง Hopkirk Edition ขายทั้งที่สหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา โดยในถิ่นกำเนิดของ Mini มีการตั้งราคาไว้ที่ 27,405 ปอนด์ และผลิตจำกัด 100 คัน
เรื่อง: กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th