ส่องความลิมิเต็ด Mini Ice Blue Edition ที่มีเพียง 20 คันในประเทศไทย
เพื่อร่วมฉลองครบรอบ 60 ปีของ Mini แบรนด์รถยนต์สไตล์บริติชสุดคลาสสิก มินิ ประเทศไทย ประเดิมนำรุ่นพิเศษ MINI Hatch 3-Door และ 5-Door Ice Blue Edition ที่เป็นการนำสียอดฮิตในดวงใจของแฟนๆ กลับมาให้มีโอกาสจับจองเป็นเจ้าของอีกครั้งในจำนวนจำกัดเพียงแค่ 20 คัน โดยสามารถสั่งจองทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.mini.co.th ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
กลับมาให้เป็นเจ้าของกันอีกครั้งกับสีสุดคลาสสิก Ice Blue ของมินิ ที่เคยครองใจแฟน ๆ ในเจเนอเรชั่นที่ผ่านมา โดย Mini Cooper S Ice Blue Edition ที่มาในลุคเรโทรย้อนยุค แต่พกเทคโนโลยีล้ำสมัย และสมรรถนะล่าสุดของมินิมาอย่างเต็มเปี่ยม สะกดทุกสายตาบนท้องถนนด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์รอบคันสไตล์มินิ ในตัวถังสีฟ้า Ice Blue ตัดกับฝาครอบกระจก และเส้นสายบนฝากระโปรงหน้าสีส้ม Solaris Orange สร้างความโดดเด่นเฉพาะตัวให้กับ Mini รุ่นพิเศษนี้
(คลิก) มินิ ประเทศไทย ร่วมฉลอง 6 ทศวรรษจัดเซอร์ไพรส์พิเศษตลอดปี
• ราคาจำหน่าย MINI Ice Blue Edition
>>มินิ คูเปอร์ เอส แฮทช์ 3 ประตู Ice Blue Edition: ราคาจำหน่าย 2,880,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา MSI Standard)
>>มินิ คูเปอร์ เอส แฮทช์ 5 ประตู Ice Blue Edition: ราคาจำหน่าย 2,920,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา MSI Standard)
Mini Cooper S Ice Blue Edition เสริมความปราดเปรียวด้วยชุดแต่ง John Cooper Works รอบคัน ไม่ว่าจะเป็นสปอยเลอร์หลังคาสีฟ้า Ice Blue ล้ออัลลอย John Cooper Works ลาย Track Spoke ขนาด 17 นิ้ว สีดำพร้อมยาง Runflat
ดีไซน์ภายในมาในลุคสปอร์ตโฉบเฉี่ยวด้วยชุดแต่ง John Cooper Works ไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัยหนังแท้, เบาะนั่งบุผ้า Dinamica แบบสปอร์ตโทนสีดำ Carbon Black ที่รับกับการตกแต่งห้องโดยสารในสไตล์ MINI Yours Piano Black Illuminated พื้นผิวห้องโดยสารสีดำมันวาว พร้อมติดตั้งระบบแสงไฟสร้างบรรยากาศที่บริเวณมือจับประตู ที่สามารถเลือกได้ถึง 12 สี เข้ากับทุกอารมณ์และบรรยากาศ
นอกจากนี้ Mini Cooper S Ice Blue Edition ยังตอกย้ำคาแร็คเตอร์สไตล์อังกฤษที่โดดเด่นของมินิรุ่นล่าสุด ด้วยไฟท้ายในรูปทรง และเส้นไฟ LED ลายธงยูเนียนแจ็กแห่งสหราชอาณาจักร และไฟหน้าแบบวงแหวนเต็มวงในดีไซน์ใหม่ที่ให้ความสว่างมากขึ้นทั้งในโหมดไฟต่ำ และไฟสูงด้วยไฟหน้า LED พร้อมด้วยไฟ LED Daytime Running Light ฟังก์ชันไฟเลี้ยวภายในวงแหวนเดียวกัน โดยไฟจะเปลี่ยนสีจากสีขาวเป็นสีส้มขณะที่ทำการเปิดไฟเลี้ยว
รวมทั้งความพิเศษของแพ็คเกจ MINI Excitement ด้วย Logo Projection ที่สร้างเอกลักษณ์สะดุดตาด้วยการฉายโลโก้มินิลงบนพื้นนอกตัวรถบริเวณฝั่งคนขับเมื่อเปิดหรือปิดประตูรถ และรุ่นพิเศษนี้ยังมาพร้อมเทคโนโลยีล่าสุดอย่างแท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย (Wireless Charging) ติดตั้งบริเวณช่องในที่วางแขนกึ่งกลางตัวรถ โดยสามารถวางโทรศัพท์รุ่นที่รองรับระบบการชาร์จไร้สายบนแท่นเพื่อชาร์จได้เลย
อีกหนึ่งไฮไลต์เพื่อสร้างความพิเศษให้กับลูกค้าและเพิ่มเอกลักษณ์หนึ่งเดียวให้กับตัวรถเฉพาะรุ่นนี้เท่านั้น ลูกค้าที่จอง Mini Ice Blue Edition ทุกท่านจะสามารถออกแบบกรอบไฟเลี้ยวด้านข้าง (MINI Side Scuttles) ได้ด้วยตนเอง ซึ่งมินิ จะใช้เทคโนโลยีเครื่องพิมพ์สามมิติในการสร้างสรรค์กรอบไฟเลี้ยวด้านข้างของตัวรถตามความต้องการของลูกค้า โดยสามารถเลือกสี ดีไซน์ และใส่ชื่อตนเองหรือตัวอักษรได้ผ่านทางเว็บไซต์ ซึ่งจะใช้เวลาผลิตประมาณ 6 สัปดาห์หลังจากได้รับการยืนยันแบบ และส่งให้กับลูกค้า
Mini Cooper S Hatch 3-Door และ 5-Door Ice Blue Edition ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเบนซิน 4 สูบ ให้พละกำลังสูงสุด 141 กิโลวัตต์/192 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตรที่ 1,350–4,600 รอบต่อนาที ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Steptronic คลัทช์คู่ 7 จังหวะ ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 235 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลา 6.7 วินาที สำหรับ Mini Cooper S Hatch 3-Door และ 6.8 วินาทีในรุ่น Mini Cooper S Hatch 5-Door พร้อมด้วยเทคโนโลยีการขับขี่ และระบบความปลอดภัยล้ำสมัยเพื่อมอบความสะดวกสบายให้แก่ผู้ขับขี่ในทุกเส้นทาง
สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถทำการจอง และสั่งซื้อ Mini Cooper S Ice Blue Edition ผ่านช่องทางออนไลน์ทางเว็บไซต์ www.mini.co.th เพียงแค่เลือกรุ่นที่ต้องการ ระบุสาขาของผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ กรอกข้อมูลส่วนตัว และชำระค่าจองเป็นจำนวน 100,000 บาท หลังจากนั้นจะได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ภายในเวลา 48 ชั่วโมง โดยจะเปิดให้ทำการจองผ่านช่องทางออนไลน์อย่างเป็นทางการในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2562 เป็นต้นไป
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: มินิ ประเทศไทย
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th