MITSUBISHI คว้า 5 รางวัล รถยอดเยี่ยมแห่งปี 2019
BEST MPV UNDER 1,600 c.c.
MITSUBISHI XPANDER GT
กลับมาสร้างกระแสอีกครั้งกับค่ายมิตซูบิชิ ที่ได้นำรถครอบครัวอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง พิกัดกลาง ในรูปแบบครอสโอเวอร์ อย่าง MITSUBISHI XPANDER มาทำตลาดในเมืองไทย ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากกับคนที่ชีวิตมีหลายไลฟ์สไตล์ โดยมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 1,500 ซี.ซี. เน้นการใช้งานที่คล่องตัว และตอบรับหลากหลายสไตล์ในการเดินทาง จนทำให้ได้รับการโหวตจากเหล่าคณะกรรมการให้เป็น BEST MPV UNDER 1,600 c.c. ซึ่งความพิเศษจะมีอะไรบ้าง มาติดตามกัน…
ภายนอกโฉบเฉี่ยว โดดเด่นดึงดูดทุกสายตา
ดูล้ำสมัยไม่น้อยสำหรับ MITSUBISHI XPANDER ที่ได้รับการดีไซน์แบบ “ Advanced ‘Dynamic Shield” ที่ทางมิตซูบิชิได้ออกแบบ เพื่อปกป้องทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสารและผู้ร่วมใช้เส้นทาง โดยตำแหน่งไฟหน้าติดตั้งในกันชนหน้าเพื่อเลี่ยงไม่ให้แสงจากไฟหน้ารบกวนสายตาผู้ขับขี่ยานพาหนะที่สวนมา ขณะที่ไฟหรี่แบบ Crystal LED ถูกติดตั้งอยู่ด้านบนของฝากระโปรงและเยื้องมาด้านหน้าซุ้มล้อ จึงช่วยให้ผู้ใช้ทางเท้าและยานพาหนะอื่นๆ สังเกตเห็นได้ง่ายขึ้น ส่วนด้านหลังก็ดูมีมิติ มีการเล่นระดับจับคู่กับไฟท้ายเป็นแบบ LED ดีไซน์เป็นรูปตัว L ซึ่งทำให้รถดูกว้างและสะดุดตา
ภายในกว้าง ตอบรับการใช้งานทุกรูปแบบ
จากการที่คณะกรรมการได้นั่งขับและสำรวจ MITSUBISHI XPANDER ภายในห้องโดยสารมีการออกแบบให้มีความกว้าง ไม่อึดอัด สามารถปรับเบาะที่นั่งที่ได้อย่างอเนกประสงค์ รองรับผู้โดยสาร 7 คน มีพื้นที่ช่วงขาและช่วงไหล่ ที่ไม่แออัด เบาะแถว 2 และแถว 3 สามารถพับเบาะราบได้เพื่อเพิ่มพื้นที่การบรรทุกสัมภาระได้เพิ่มขึ้น ซึ่งสามารถดีไซน์ได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการพับเบาะแถวที่ 3 แบบ 50:50 โดยแยกการพับได้ทั้งด้านซ้ายและขวา ในส่วนแถวที่ 2 เบาะนั่งยังสามารถพับต่อเนื่องในรูปแบบ 60:40 ได้อีกด้วย ซึ่งแบ่งแยกซ้ายขวาได้เช่นเดียวกัน ทำให้สามารถเลือกการพับเบาะได้ตามความต้องการในทุกรูปแบบการใช้งาน
ทางด้านอุปกรณ์อำนวยความสะดวก มีทั้งกุญแจอัจฉริยะและปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ แผงควบคุมระบบปรับอากาศด้านหลัง พวงมาลัยปรับระดับสูง-ต่ำ และปรับเข้า-ออก และสวิตช์ควบคุมระบบเครื่องเสียงบนพวงมาลัย พร้อมหน้าจอ
แสดงผลข้อมูลอเนกประสงค์แบบสามมิติ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว พวงมาลัยและ
หัวเกียร์หุ้มหนัง มีระบบล็อกความเร็วบนพวงมาลัย จอภาพระบบสัมผัสขนาด 6.2 นิ้ว และเบาะที่นั่งหุ้มหนังและวัสดุหนังสังเคราะห์ทั้ง 3 แถว
ขุมพลัง 1,500 ซี.ซี. ช่วงล่างเซตนุ่มตามการใช้งานคนไทย
สำหรับ MITSUBISHI XPANDER มาพร้อมกับเครื่องยนต์อะลูมินัมอัลลอย เบนซิน ขนาด 1.5 ลิตร DOHC MIVEC 16 วาล์ว 105 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 141 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด พร้อมด้วยพวงมาลัยแบบไฟฟ้า ที่เพิ่มความหน่วงตามความเร็ว ซึ่งสั่งการผ่านกล่องอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้มีความละเอียดและแม่นยำในการควบคุม
อีกจุดที่ไม่น่ามองข้ามของระบบเกียร์ 4 สปีด พ่วงโอเวอร์ไดร์ฟ (O/D) คือ ช่วยเรียกรอบเครื่องยนต์ในขณะเร่งแซง เพียงกดปุ่มโอเวอร์ไดร์ฟ (O/D) ที่อยู่ด้านข้างของหัวเกียร์ ระบบเกียร์จะทดลงโดยทันที ทำให้รอบเครื่องยนต์สูงขึ้น สามารถเติมคันเร่งเพิ่มความเร็วได้โดยทันที ที่สำคัญ ถ้าไม่เหยียบคันเร่ง ระบบโอเวอร์ไดร์ฟ (O/D) ยังช่วยฉุดความเร็วสร้างเอนจิ้นเบรก (Engine Brake) ทำให้เราสามารถควบคุมเบรกได้ง่ายขึ้น
ทางด้านระบบช่วงล่างแบบแมคเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริงและเหล็กกันโคลงที่ด้านหน้าและทอร์ชันบีมที่ด้านหลัง นับว่ามีความนุ่มนวล ใช้ได้ใกล้เคียงกับรถซีดาน 4 ประตู ไม่ยวบย้วยเวลาใช้ความเร็วในการเดินทาง ซึ่งถ้ามองรวมๆ แล้ว MITSUBISHI XPANDER เป็นรถครอบครัวที่ตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดี อีกจุดที่น่าสนใจ คือ ความสูงจากพื้นถึงชายล่างรถอยู่ที่ 205 มม. สามารถลุยน้ำหรือพื้นขรุขระได้ระดับหนึ่งเลยทีเดียว
ระบบความปลอดภัยเต็มรูปแบบ
MITSUBISHI XPANDER อัดแน่นด้วยระบบความปลอดภัยทั้งในเชิงป้องกันและปกป้อง ได้แก่ ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ASC- Active Stability Control) ระบบป้องกันการลื่นไถล (TCL- Traction Control System) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA- Hill Start Assist System) ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS- Anti Lock Braking System) และระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD- Electronic Brake Force Distribution) พร้อมระบบเสริมแรงเบรก (BA- Brake Assist) ระบบไฟกะพริบฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS- Emergency Stop Signal System) ถุงลมนิรภัยด้านคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับและระบบผ่อนแรงอัตโนมัติ ELR 3 จุด 2 ตำแหน่ง และเข็มขัดนิรภัยแบบ ELR 3 จุด 5 ตำแหน่ง สำหรับผู้โดยสารทุกที่นั่ง รุ่นสูงสุดยังมาพร้อมกับกล้องมองภาพด้านหลัง
BEST PICKUP 4WD UNDER 2,500 c.c.
MITSUBISHI TRITON 2.4 GT Premium 4WD
MITSUBISHI TRITON 2.4 GT PREMIUM 4WD หนึ่งในรถปิกอัพสายพันธุ์แกร่งที่โดดเด่นเหนือคู่แข่ง ด้วย
รูปลักษณ์ที่สะดุดตาและเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Super-Select 4WD II ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นเพื่อสมรรถนะที่เหนือกว่า ในการขับขี่ไปบนเส้นทางออฟโรด โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยล้ำสมัยที่ช่วยปกป้องทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร ตลอดจนผู้ใช้ถนน ซึ่งเป็นเหตุผลให้ MITSUBISHI TRITON สามารถคว้ารางวัล BEST PICKUP 4WD UNDER 2,500 c.c. มาครองได้สำเร็จ ซึ่งความยอดเยี่ยมจะมีอะไรบ้าง สามารถติดตามได้ใน Car of The Year 2019
การออกแบบสู่อนาคต
ภายนอก MITSUBISHI TRITON 2.4 GT Premium 4WD ได้รับการปรับโฉมให้สะท้อนถึงจิตวิญญาณของความ ‘แกร่งพร้อมลุยทุกอุปสรรค’ ที่ต่อยอดจากความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมยานยนต์ที่มีมาอย่างยาวนาน ดีไซน์ด้านหน้าโดดเด่นด้วยดีไซน์ใหม่แบบ “Advanced Dynamic Shield” ผสานเข้ากับเส้นสายอันดุดันของฝากระโปรงหน้า พร้อมไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ BI-LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED ดีไซน์ใหม่ติดตั้งอยู่บนตำแหน่งที่สูงขึ้น ส่งผลให้ MITSUBISHI TRITON มีรูปลักษณ์ที่สง่างามและทรงพลัง ด้านข้างและด้านหลัง ตัวถังดีไซน์ใหม่ ผสานกันอย่างลงตัวด้วยส่วนโค้งมนตัดกับเส้นสายอันโฉบเฉี่ยว พร้อมซุ้มล้อขนาดใหญ่เน้นความแกร่งและความทันสมัย รวมถึงไฟท้ายและไฟเบรกแบบ LED พร้อม LED Light Guide และชุดกันชนดีไซน์ใหม่ช่วยเพิ่มความบึกบึน นอกจากนี้ ยังเพิ่มความสะดวกด้วยกระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้า พร้อมระบบไล่ฝ้า
ภายในห้องโดยสารของ MITSUBISHI TRITON 2.4 GT Premium 4WD มีดีไซน์ใหม่ที่ทันสมัยและสะท้อนถึงอนาคตได้เป็นอย่างดี ด้วยลักษณะการออกแบบแผงควบคุม ตลอดจนช่องแอร์ที่สามารถสัมผัสได้ถึงความประณีตและคุณภาพของวัสดุบุนุ่มและการตัดเย็บที่บริเวณกล่องคอนโซลข้างคนขับ ที่วางแขนและเบรกมือ ซึ่งผลิตขึ้นอย่างพิถีพิถัน พื้นที่กว้างขวาง สะดวกสบาย การออกแบบห้องโดยสารโทนสีเข้ม ดุดัน อุปกรณ์ทุกชิ้นออกแบบให้สะดวกต่อการใช้งาน เบาะที่นั่งโอบกระชับรับกับทุกสรีระ พร้อมระบบปรับตำแหน่งด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทางด้านคนขับ พื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง สามารถยืดขาผ่อนคลายได้ระหว่างทาง เบาะนั่งถูกออกแบบตามสรีระเพื่อความลงตัวในการขับขี่ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน ควบคุมการสั่งงานด้วยเสียง พร้อมปุ่มรับ-วาง สายโทรศัพท์, ระบบล็อกความเร็วบนพวงมาลัย (Cruise Control) ลดความเมื่อยล้าเมื่อขับขี่ทางไกล, ควบคุมการสั่งงานวิทยุได้ด้วยเสียง พร้อมปุ่มรับสาย วางสายโทรศัพท์ที่พวงมาลัย ใช้งานง่ายเพียงปลายนิ้ว อีกความพิเศษที่ขาดไม่ได้ คือ ระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง พร้อมแผงควบคุม และช่องระบายความเย็น ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่รถปิกอัพได้นำระบบนี้มาใช้
ขุมพลัง 181 แรงม้า เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ในมาตรฐาน EURO 4
MITSUBISHI TRITON 2.4 GT Premium 4WD มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร 181 แรงม้า MIVEC (Mitsubishi Innovation Valve Timing Electronic Control) อัจฉริยภาพแห่งเครื่องยนต์ ลิขสิทธิ์เฉพาะจากมิตซูบิชิ กับระบบควบคุมการเปิด-ปิด วาล์วไอดีแปรผัน ทำงานสอดคล้องกับความเร็วรอบของเครื่องยนต์ ควบคุมการทำงานด้วยสมองกลอัจฉริยะ ช่วยให้เครื่องยนต์มีแรงดีขึ้นในรอบต่ำและได้แรงม้ามากขึ้นในรอบสูง อัตราเร่งดี ความเร็วสูงสุด เผาไหม้หมดจด ลดมลพิษในอากาศ โดยมี VG Turbo (Variable Geometry Turbo) เพิ่มประสิทธิภาพแรงอัดอากาศด้านไอดีให้สัมพันธ์กับเครื่องยนต์ ด้วยเทอร์โบแปรผันที่สามารถควบคุมปริมาณไอเสีย เพื่อช่วยสร้างแรงอัดอากาศด้านไอดีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เครื่องยนต์มีแรงบิดสูงทั้งในรอบต่ำ รอบปานกลาง และรอบสูงอย่างต่อเนื่อง ทำงานร่วมกับอินเตอร์คูลเลอร์ขนาดใหญ่ ช่วยลดความร้อนไอดีได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ไอดีมีความหนาแน่นมากขึ้น เพิ่มความแรงให้กับเครื่องยนต์ ตอบสนองอัตราเร่งได้ทันใจ ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม SPORT MODE ช่วยให้ทุกการเปลี่ยนเกียร์เป็นไปอย่างต่อเนื่อง นุ่มนวล มาพร้อมสปอร์ตโหมดให้คุณควบคุมได้อย่างใจ และยังมีรัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.9 ม. ช่วยให้คุณเลี้ยวกลับรถได้อย่างมั่นใจ
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super-Select 4WD II เทคโนโลยีเพื่อการลุยในทุกพื้นที่
MITSUBISHI TRITON 4WD 2.4 GT PREMIUM มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (Super Select 4WD II) เทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อ เอกลักษณ์เฉพาะของมิตซูบิชิ ให้ความมั่นใจในการขับขี่ทุกสภาพถนน โดยให้คุณสามารถเปลี่ยนโหมดจากระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ (2H) เป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (4H) แบบ Full-time All Wheel Control เพื่อเพิ่มความปลอดภัยบนถนนลื่น และเมื่อต้องการขับขี่บนเส้นทางแบบ Off Road คุณยังสามารถเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนเป็น 4HLc หรือ 4LLc สำหรับพื้นที่ลาดชัน หรือลุยโคลนได้ตามต้องการ
นอกจากนี้ยังมี Off-Road Mode สามารถปรับรูปแบบการส่งกำลังเครื่องยนต์ให้เหมาะสมกับสภาพพื้นผิว และเส้นทางในการขับขี่มากยิ่งขึ้น เช่น พื้นกรวด พื้นโคลน พื้นทราย (ใช้งานควบคู่กับระบบ 4HLc และ 4LLc) และพื้นหิน (ใช้งานควบคู่กับระบบ 4LLc) เพิ่มความแข็งแกร่งในการลุยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย ระบบล็อกเฟืองท้ายหลัง ควบคุมการทำงานด้วยระบบไฟฟ้า เพื่อให้เครื่องยนต์ส่งกำลังไปยังล้อหลัง ทั้งซ้ายและขวาหมุนเท่ากันตลอดเวลา ทำงานร่วมกับระบบ Center Differential Lock ช่วยให้ขับผ่านเส้นทางที่วิบากไปได้อย่างง่ายดาย
ส่วนระบบกันสะเทือนด้านหน้า แบบอิสระ ปีกนก 2 ชั้น คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลงขนาดใหญ่ เพื่อให้เกาะถนนได้ดียิ่งขึ้น ด้านหลัง
แบบแหนบแผ่นซ้อน ติดตั้งเหนือเสื้อเพลา พร้อมโช้คอัพไขว้ขนาดใหญ่ ออกแบบจุดยึด และปรับตั้งแหนบใหม่ ให้การขับขี่ที่นุ่มนวลและยึดเกาะถนนดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทางธรรมดาที่ต้องการความคล่องตัวสูง และทางออฟโรดที่สมบุกสมบัน
ที่สุดของเทคโนโลยีความปลอดภัยในรถปิกอัพ
MITSUBISHI TRITON 2.4 GT Premium 4WD มาพร้อมกับระบบความปลอดภัยอันชาญฉลาด ที่ทำให้ผู้ขับและผู้โดยสารปลอดภัยมากยิ่งขึ้น อาทิ ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา พร้อมระบบเตือนขณะเปลี่ยนเลน (Blind Spot Warning with Lane Change Assist – BSW with LCA) ระบบจะตรวจจับรถคันอื่นที่วิ่งอยู่ในเลนถัดไปทางด้านหลัง ในระยะประมาณ 70 ม. และส่งสัญญาณไฟเตือนบนกระจกมองข้าง ให้ผู้ขับขี่ทราบว่ามีรถอยู่ในจุดอับสายตา
ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง (Forward Collision Mitigation System- FCM) พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว ระบบจะทำงานโดยใช้เรดาร์ประเมินระยะห่างจากรถคันหน้า หากพบว่ามีความเสี่ยงที่จะชนรถคันหน้าในช่องทางเดียวกัน ระบบจะทำการเตือนและช่วยชะลอความเร็ว พร้อมเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรก เพื่อให้ประสิทธิภาพในการเบรกที่ดียิ่งขึ้น และบรรเทาความเสียหายจากการชน
ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะ เมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว (Ultrasonic Misacceleration Mitigation System- UMS) ระบบทำงานโดยใช้คลื่น Ultrasonic ตรวจจับวัตถุด้านหน้าหรือด้านหลังในระยะไม่เกิน 4 เมตร ในขณะที่เกียร์อยู่ตำแหน่ง “D” หรือ “R” หากมีการเหยียบคันเร่งผิดพลาดอย่างรุนแรง และรวดเร็ว ระบบจะทำการตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะอัตโนมัติ และทำงานที่ความเร็วต่ำกว่า 10 กม./ชม. เพื่อช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการชน
ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (Rear Cross Traffic Alert- RCTA) ในขณะที่รถกำลังถอยหลัง หากเซนเซอร์ด้านหลังตรวจพบรถคันอื่นเข้ามาภายในรัศมีการตรวจจับ ระบบจะส่งเสียงเตือนและสัญญาณไฟกะพริบบนกระจกมองข้างทั้ง 2 ด้าน พร้อมแสดงข้อความเตือนบนหน้าจอแสดงผล
กล้องมองภาพรอบคัน (Multi Around Monitor) ระบบทำงานผ่านกล้อง 4 ตำแหน่งรอบตัวรถ เพื่อประมวลผลและแสดงภาพแบบ Bird’s Eye View ผ่านหน้าจอมอนิเตอร์ ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นภาพได้รอบตัวรถ เพิ่มความปลอดภัย และความสะดวกสบายในการจอดรถได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น
ระบบปรับระดับไฟสูง-ต่ำ อัตโนมัติ (Automatic High-Beam- AHB) เพื่อความสะดวกสบาย และความปลอดภัยสำหรับการขับขี่ในยามค่ำคืน ระบบจะตรวจจับแสงไฟจากด้านหน้ารถ เพื่อปรับการทำงานของไฟสูงและไฟต่ำโดยอัตโนมัติ
ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง เสริมความปลอดภัยด้วยถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง บริเวณหัวเข่าด้านคนขับ และม่านถุงลม
นิรภัย ช่วยลดความรุนแรงที่เกิดจากการชนทั้งด้านหน้าและด้านข้าง ทำงานร่วมกันกับเข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับอัตโนมัติ
ระบบเบรกแบบป้องกันล้อล็อก (Anti-Lock Braking System- ABS) จะทำงานทันทีเมื่อเหยียบเบรกกะทันหัน ช่วยให้คุณหักหลบสิ่งกีดขวางได้อย่างทันท่วงที
ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Brake Force Distribution- EBD) ทำงานประสานกับระบบเบรก ABS เพื่อให้เกิดการกระจายแรงเบรกอย่างเหมาะสมทั้ง 4 ล้อ ช่วยลดระยะเบรกให้สั้นลง
ระบบเสริมแรงเบรก (Brake Assist- BA) จะทำงานทันทีที่เหยียบเบรกกะทันหัน ระบบนี้จะช่วยเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรกให้มากขึ้น เพื่อช่วยให้การหยุดรถเป็นไปอย่างรวดเร็ว
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (Hill Start Assist System- HSA) ช่วยป้องกันรถไหล เมื่อต้องออกตัวบนทางลาดชัน
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Active Stability Control- ASC) ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวของรถ ในสภาวะที่รถเสียสมดุล เพื่อป้องกันการลื่นไถลออกนอกเส้นทาง เช่น กรณีหลุดโค้งเมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ถนนลื่น หรือหักหลบกะทันหัน
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล (Active Traction Control – TCL) ระบบจะช่วยควบคุมการหมุนของล้ออย่างสมดุลในสภาวะถนนลื่น ขรุขระ หรือทางลาดชัน เพื่อไม่ให้รถสูญเสียการยึดเกาะถนน
ซึ่งทั้งหมดนี้คือความพิเศษของ MITSUBISHI TRITON 2.4 GT Premium 4WD ที่เหล่าคณะกรรมการต่างลงความเห็นว่า นี่คือรถปิกอัพขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ตอบโจทย์การใช้งานได้ลงตัวที่สุด
BEST PPV DIESEL 4WD UNDER 2,500 c.c.
MITSUBISHI PAJERO SPORT 2.4 GT Premium 4WD
นับว่าเป็นอีกหนึ่งรถ PPV ขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ตอบโจทย์การใช้งานได้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้มากที่สุด เพราะนอกจากการใช้งานที่หลากหลายในทุกเส้นทางและความสะดวกสบายจากห้องโดยสารขนาดใหญ่ แถมยังพ่วงเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัย จนทำให้ MITSUBISHI PAJERO SPORT 2.4 GT Premium 4WD ได้รับการโหวตอย่างต่อเนื่องจากคณะกรรมการว่า นี่คือ…BEST PPV DIESEL 4WD UNDER 2,500 c.c.
การออกแบบล้ำสมัย อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยที่เหนือชั้น
MITSUBISHI PAJERO SPORT 2.4 GT Premium 4WD ยนตรกรรมแห่งผู้นำ สะท้อนภาพลักษณ์ที่เหนือกว่า ด้านหน้า Dynamic Shield เอกลักษณ์เฉพาะของมิตซูบิชิ ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ Bi-LED พร้อมระบบปรับลำแสงไฟหน้าอัตโนมัติ, ไฟวิ่งกลางวันแบบ Spectrum LED Daytime Running Light, ไฟท้ายแบบ Spectrum LED
MITSUBISHI PAJERO SPORT 2.4 GT Premium 4WD ยังมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยแบบเหนือชั้น อาทิ ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning-BSW) เพื่อความปลอดภัยในการเปลี่ยนช่องจราจร ระบบจะส่งสัญญาณไฟเตือนบนกระจกมองข้างให้ผู้ขับขี่ทราบว่ามีรถอยู่ในจุดอับสายตา ซึ่งระบบจะทำงานที่ความเร็ว 20-140 กม./ชม. ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง (Forward Collision Mitigation System-FCM) พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว ระบบจะทำงานโดยใช้เรดาร์ประเมินระยะห่างจากรถคันหน้า หากพบว่ามีความเสี่ยงที่จะชนรถคันหน้าในช่องทางเดียวกัน ระบบจะทำการเตือนและช่วยชะลอความเร็ว พร้อมเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรกเพื่อให้ประสิทธิภาพในการเบรกที่ดียิ่งขึ้น และบรรเทาความเสียหายจากการชน
เพิ่มเติมความปลอดภัยด้วยระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะ เมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว (Ultrasonic isacceleration Mitigation System-UMS) ระบบทำงานโดยใช้คลื่น Ultrasonic ตรวจจับวัตถุด้านหน้าหรือด้านหลังในระยะไม่เกิน 4 เมตร ในขณะที่เกียร์อยู่ตำแหน่ง “D” หรือ “R” หากมีการเหยียบคันเร่งผิดพลาดอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ระบบจะทำการตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะอัตโนมัติ และทำงานที่ความเร็วต่ำกว่า 10 กม./ชม. เพื่อช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการชน ระบบกล้องมองภาพรอบคัน (Multi Around Monitor) ระบบทำงานผ่านกล้อง 4 ตำแหน่งรอบตัวรถ เพื่อประมวลผลและแสดงภาพแบบ Bird’s Eye View ผ่านหน้าจอมอนิเตอร์ ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นภาพได้รอบตัวรถ เพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการจอดรถได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น
MITSUBISHI PAJERO SPORT 2.4 GT Premium 4WD ยังมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยที่สร้างความมั่นใจในการขับขี่ทุกเส้นทาง ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Active Stability Control-ASC) ในสภาวะที่รถเสียสมดุล เพื่อป้องกันการลื่นไถลออกนอกเส้นทาง ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (Active Traction Control-ATC) จะช่วยควบคุมการหมุนของล้อทั้ง 4 อย่างสมดุล ในสภาวะถนนลื่น ขรุขระ หรือทางชัน เพื่อไม่ให้รถสูญเสียการยึดเกาะถนน ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (Hill Start Assist System-HSA) ช่วยป้องกันรถไหลเมื่อต้องออกตัวบนทางลาดชัน ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (Hill Descent Control-HDC) เพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น
ขุมพลังดีเซลเทอร์โบแบบแปรผัน ประหยัด ขับสนุกทุกสถานการณ์
MITSUBISHI PAJERO SPORT 2.4 GT Premium 4WD มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบขนาด 2,400 ซี.ซี. MIVEC Clean Diesel ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร
ที่ 2,500 รอบ/นาที ทำงานคู่กับเทอร์โบชาร์จแบบแปรผัน VG Turbo จะช่วยให้เครื่องยนต์มีกำลังสูง ทั้งในรอบต่ำ รอบกลาง และรอบสูง ทันใจในทุกรอบความเร็ว โดยส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด
พร้อมสปอร์ตโหมด ผู้ขับสามารถปรับเปลี่ยนเกียร์ได้ตามความต้องการ จากทั้งคันเกียร์ หรือ Paddle Shift
นอกจากนี้ ยังมีระบบช่วยควบคุมและตัดกำลังไปยังเพลาขับโดยอัตโนมัติเมื่อเหยียบเบรก (Idle Neutral Control) เพื่อลดภาระการทำงานของเครื่องยนต์ และลดการสูญเสียเชื้อเพลิงในขณะรถหยุดนิ่ง เมื่อเกียร์อยู่ในตำแหน่ง D ท่ามกลางสภาพการจราจรที่แออัด ส่งผลให้ประหยัดการใช้เชื้อเพลิง และลดการสึกหรอของระบบเกียร์ ยืดอายุการใช้งานของเกียร์ ส่วนระบบ G-SENSOR จะช่วยควบคุมการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ให้มีความแม่นยำมากขึ้นในทางลาดชัน
เทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อ เอกลักษณ์เฉพาะของมิตซูบิชิ ให้ความมั่นใจในการขับขี่ทุกสภาพถนน ให้คุณสามารถเปลี่ยนโหมดเป็นระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ แบบ Full-time All Wheel Control เพื่อเพิ่มความปลอดภัยบนถนนลื่น และเมื่อต้องการขับขี่บนเส้นทางแบบ Off Road คุณยังสามารถเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนเป็น 4HLc หรือ 4LLc ได้ตามต้องการ พร้อมปุ่ม Off Road ที่ให้คุณสามารถเลือกรูปแบบการส่งกำลัง
เครื่องยนต์ให้เหมาะสมกับสภาพพื้นผิวและเส้นทางในการขับขี่
…และนี่คือความโดดเด่นเหนือใคร ที่ทำให้ MITSUBISHI PAJERO SPORT 2.4 GT Premium 4WD ได้รับการคัดเลือกให้เป็น BEST PPV DIESEL 4WD UNDER 2,500 c.c. ประจำปี 2019 จากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
BEST TECHNOLOGY ECO CAR
MITSUBISHI ATTRAGE
นับว่าเป็นรถที่ตอบโจทย์การใช้งานในเมืองได้อย่างคุ้มค่าในรูปแบบ ECO CAR ซีดานอย่างแท้จริง สำหรับ
MITSUBISHI ATTRAGE ทั้งด้านความประหยัด การออกแบบและเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ตอบโจทย์ได้ทุกความต้องการ จนทำให้ได้รับผลโหวตมากที่สุดจากคณะกรรมการให้เป็น BEST TECHNOLOGY ECO CAR
เทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัยเหนือคลาสเดียวกัน
MITSUBISHI ATTRAGE มาพร้อมกับระบบเทคโนโลยีความปลอดภัยที่เหนือชั้น อาทิ ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (ที่ความเร็วต่ำ) Forward Collision Mitigation System – Low Speed Range (FCM-LS) เป็นระบบเสริมความปลอดภัย โดยระบบจะประเมินระยะห่างจากรถยนต์คันหน้า หากพบว่ามีความเสี่ยงที่จะชนรถยนต์คันหน้าในช่องทางเดียวกัน ระบบจะทำการเตือนและช่วยชะลอความเร็ว ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะ เมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว (เฉพาะด้านหน้า) Radar Sensing Misacceleration Mitigation System-Forward (RMS-Forward) เป็นระบบเสริมความปลอดภัย โดยระบบจะตรวจจับวัตถุด้านหน้า หากมีการเหยียบคันเร่งผิดพลาดอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ระบบจะทำการเตือนและตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะอัตโนมัติ เพื่อให้ผู้ขับขี่เบรกรถได้ทัน ช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการชน
พ่วงด้วยระบบความปลอดภัยเต็มรูปแบบ อาทิ ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวในสภาวะที่รถเสียสมดุล (Active Stability Control-ASC) เพื่อช่วยควบคุมกรณีที่เกิดการลื่นไถลออกนอกเส้นทาง เช่น กรณีหลุดโค้ง เมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ถนนลื่น หรือหักหลบกะทันหัน ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (Traction Control System-TCL) และควบคุมการลื่นไถล ระบบจะช่วยควบคุมการหมุนของล้ออย่างสมดุลในสภาวะถนนลื่น เพื่อไม่ให้รถสูญเสียการยึดเกาะถนน ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ช่วยป้องกันรถไหล เมื่อต้องออกตัวบนทางลาดชัน (Hill Start Assist-HSA) ระบบช่วยป้องกันล้อล็อก (Antilock Braking System-ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Brake-force Distribution-EBD) จะทำงานประสานกับระบบเบรก ABS เพื่อการกระจายแรงเบรกอย่างเหมาะสมทั้ง 4 ล้อ ช่วยให้การหยุดรถสั้นลง ถุงลมนิรภัยด้านคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า และเข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบ ELR 3 จุด พร้อมระบบดึงกลับอัตโนมัติแบบคู่ด้านคนขับ ซึ่งช่วยลดแรงกระแทกจากการชนจากด้านหน้า รวมทั้งลดอาการบาดเจ็บที่หน้าอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การออกแบบเน้นความคุ้มค่า ลงตัวทุกการใช้งาน
MITSUBISHI ATTRAGE ได้ถูกออกแบบให้ตอบรับทุกการใช้งานและให้ความประหยัดทุกเส้นทาง ซึ่งสามารถทำตัวเลขได้สูงสุด 23.3 กม./ลิตร ซึ่งขุมพลังความประหยัดขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร แบบ 3 สูบ DOHC MIVEC 12 Valve รองรับทั้งเบนซิน 91 และ 95 แก๊สโซฮอล์ 91, 95 และ E20 โดยปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสียอยู่ที่ 99 กรัมต่อกิโลเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT ควบคุมการทำงานด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้การปรับเปลี่ยนเกียร์เป็นไปอย่างนุ่มนวล แม่นยำ เพิ่มประสิทธิภาพการขับเคลื่อน ช่วยรักษารอบเครื่องไว้อย่างต่อเนื่อง ตอบสนองทุกอัตราเร่ง, ประหยัดน้ำมัน และระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์อัจฉริยะ INVECS-III (Intelligent & Innovative Vehicle Electronic Control System III) วิเคราะห์ลักษณะนิสัยการขับขี่ของผู้ขับแต่ละคน เพื่อนำไปประมวลผลในการเปลี่ยนเกียร์
นอกจากนี้ MITSUBISHI ATTRAGE ยังมีรัศมีวงเลี้ยวที่แคบสุดเพียง 4.8 เมตร คล่องตัวในการขับขี่ ง่ายต่อการเลี้ยว กลับรถ หรือถอยจอดในพื้นที่จำกัด นอกจากนี้ พื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถยังมีความจุมากถึง 450 ลิตร ทำให้สะดวกต่อการเก็บของหรือใช้ชีวิตไลฟ์สไตล์ในเมืองได้เป็นอย่างดี
ซึ่งทั้งหมดนี้คือความคุ้มค่าแบบเหนือชั้น ที่ทำให้เหล่าคณะกรรมการผู้ทดสอบได้ลงความเห็นให้ MITSUBISHI
ATTRAGE คว้ารางวัล BEST TECHNOLOGY ECO CAR มาครองได้สำเร็จ
BEST FUEL ECONOMY ECO CAR
MITSUBISHI MIRAGE
นับเป็นอีกหนึ่งรถยนต์ ECO CAR ที่มีความคุ้มค่าและลงตัวมากที่สุดสำหรับ MITSUBISHI MIRAGE ที่โดดเด่นในด้านความประหยัด สามารถทำตัวเลขได้ถึง 23.8 กิโลเมตรต่อลิตร ด้วยบล็อกเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร ซึ่งพ่วงเทคโนโลยีความประหยัดด้วยระบบเกียร์ CVT อัจฉริยะ INVECS-III ที่ช่วยจำพฤติกรรมการขับให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด จนทำให้คณะกรรมการต่างลงความเห็นว่า นี่คือ…BEST FUEL ECONOMY ECO CAR
ขุมพลังแบบประหยัด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
สำหรับขุมพลังเครื่องยนต์ MITSUBISHI MIRAGE มาพร้อมกับขุมพลังความประหยัดในรูปแบบเครื่องยนต์เบนซิน DOHC MIVEC 1.2 ลิตร 78 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 100 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที พร้อมระบบวาล์วแปรผันด้านไอดี MIVEC (Mitsubishi Innovative Value Timing Electronic Control System) ช่วยให้เครื่องยนต์มีแรงบิดดีขึ้นในรอบต่ำ ทำให้เครื่องยนต์มีอัตราเร่งดีเยี่ยม ให้การเผาไหม้หมดจด ลดมลพิษ รักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสีย 98 กรัมต่อกิโลเมตร
นอกจากนี้ MITSUBISHI MIRAGE ยังมาพร้อมกับระบบเกียร์ CVT (Continuously Variable Transmission)
With INC (Idle Neutral Control) & G-SENSOR ระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ควบคุมการทำงานด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ช่วยให้ทุกการเปลี่ยนเกียร์เป็นไปอย่างต่อเนื่องและนุ่มนวล ทำงานควบคู่กับระบบ INC ที่ช่วยควบคุมและตัดระบบส่งกำลังไปยังเพลาขับอัตโนมัติในขณะรถหยุดนิ่ง และเหยียบเบรกในตำแหน่งเกียร์ “D” ลดภาระการทำงานของเครื่องยนต์ ส่งผลให้ประหยัดน้ำมันในทุกการขับขี่ และลดการสึกหรอของระบบเกียร์ ช่วยยืดอายุการใช้งานของเกียร์ให้ยาวนานขึ้น พร้อมด้วยระบบ G-SENSOR และระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์อัจฉริยะ INVECS-III (Intelligent & Innovative Vehicle Electronic Control System III) วิเคราะห์ลักษณะนิสัยการขับขี่ของผู้ขับแต่ละคน เพื่อนำไปประมวลผลในการเปลี่ยนเกียร์
เทคโนโลยีความปลอดภัยเต็มรูปแบบ
สำหรับ MITSUBISHI MIRAGE มาพร้อมระบบความปลอดภัยแบบอัจฉริยะ ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยต่อผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น อาทิ ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (ที่ความเร็วต่ำ) Forward Collision Mitigation System – Low Speed Range (FCM-LS) เป็นระบบเสริมความปลอดภัย โดยระบบจะประเมินระยะห่างจากรถคันหน้า หากพบว่าเคลื่อนที่เข้าใกล้รถคันหน้ามากเกินไป หรือมีความเสี่ยงที่จะชน ระบบจะแสดงสัญลักษณ์พร้อมเสียงเตือน และช่วยชะลอความเร็วในช่วงความเร็วไม่เกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะ เมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว (เฉพาะด้านหน้า) Radar Sensing Misacceleration Mitigation System-Forward (RMS-Forward) ระบบตรวจจับวัตถุด้านหน้าระยะห่างไม่เกิน 4 เมตร หากมีการเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ระบบจะแสดงสัญลักษณ์พร้อมเสียงเตือน และตัดกำลังเครื่องยนต์อัตโนมัติชั่วขณะ เพื่อให้ผู้ขับสามารถเหยียบเบรกได้ทัน ช่วยลดอุบัติเหตุจากการชน มีผลที่ความเร็วไม่เกิน 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
นอกจากนี้ MITSUBISHI MIRAGE ยังมาพร้อมกับอุปกรณ์มาตรฐานอื่นๆ ที่ครบครัน อาทิ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ระบบไฟส่องสว่างอัตโนมัติ (Welcome Light System) เมื่อปลดล็อกรถ ไฟนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์, ระบบไฟกะพริบฉุกเฉินเมื่อเบรกกะทันหัน (Emergency Stop Signal System) สัญญาณไฟกะพริบทำงานต่อเนื่องจนกว่าจะปล่อยเบรก หรือรถยนต์หยุดสนิท เพื่อเป็นการแจ้งเตือนรถยนต์คันหลัง พร้อมด้วยระบบเบรก ABS, EBD และ BA, ระบบควบคุมการทรงตัวและลื่นไถล ASC- Active Stability Control, ระบบ HSA ช่วยออกตัวบนถนนลาดชัน
จากความโดดเด่นที่เหนือชั้น ทำให้ MITSUBISHI MIRAGE ได้รับการโหวตจากคณะกรรมการว่ามีความเหนือชั้นกว่าคู่แข่งในคลาสเดียวกัน จนทำให้สามารถคว้ารางวัล BEST FUEL ECONOMY ECO CAR มาครองได้สำเร็จ
เรื่อง: กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th