MITSUBISHI : CAR OF THE YEAR 2024
BEST 2WD PICKUP UNDER 2,500 c.c.
ALL-NEW MITSUBISHI TRITON MEGA CAB
สร้างความโดดเด่นในสไตล์ปิกอัพเชิงพาณิชย์สำหรับคนยุคใหม่ ได้อย่างครบถ้วน สำหรับ ALL-NEW MITSUBISHI TRITON MEGA CAB ทั้งการออกแบบที่ตอบสนองการใช้งานได้ทั้งการทำธุรกิจและใช้ในชีวิตประจำวัน ด้วยเครื่องยนต์ 4N16 ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่มาพร้อมกับเทอร์โบแปรผัน และช่วงล่างที่ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด ซึ่งมีความลงตัวในการใช้งานจนทำให้คณะกรรมการต่างลงความเห็นว่า “นี่คือปิกอัพขับเคลื่อน 2 ล้อ ที่คุ้มค่าที่สุดในปีนี้” ซึ่งจะมีความพิเศษอย่างไรบ้าง มาติดตามกัน…
มุมมองจากคณะกรรมการ
ภายนอกออกแบบใหม่ เน้นความแข็งแกร่งทุกการใช้งานในการออกแบบ ALL-NEW MITSUBISHI TRITON MEGA CAB ยังคงเอกลักษณ์ Dynamic Shield สะท้อนถึงสมรรถนะและการปกป้องผู้โดยสาร ตัวรถเน้นการใช้งานที่คุ้มค่ามากที่สุด บริเวณกระบะท้ายถูกออกแบบให้มีความจุในการบรรทุก พร้อมขยายพื้นที่ด้านบนของมุมกันชนหลังให้ใหญ่ขึ้น และเสริมความแข็งแรงด้วยเฟรมเพื่อให้วางเท้าและก้าวขึ้นกระบะได้อย่างสะดวก ในส่วนภายในห้องโดยสารมีการปรับใหม่ทั้งหมด โดยดีไซน์ตามหลัก Mitsubishi Touch จัดวางตำแหน่งการใช้งานของอุปกรณ์ต่างๆ ภายในรถให้สอดคล้องกับสรีระของผู้ขับขี่และโดยสาร คอนโทรลได้สะดวกสบาย คอนโซลหน้าด้วยรูปทรงเรขาคณิต ซึ่งช่วยเพิ่มความรู้สึกถึงความสะดวกสบายในการใช้งานหลากหลายรูปแบบ พวงมาลัยทรงสปอร์ตปรับระดับ 4 ทิศทาง พร้อมสวิตช์ควบคุมมัลติฟังก์ชัน ระบบเครื่องเสียงแบบหน้าจอสัมผัส รองรับ FM / AM / MP3 ขนาด 10 นิ้ว สามารถเชื่อมต่อ luetooth รองรับ Apple Carplay และ Android Auto รองรับระบบการเชื่อมต่อภาพและเสียงจากโทรศัพท์ขึ้นหน้าจอ Mirror Link
เครื่องยนต์ใหม่ & ช่วงล่างใหม่ ตอบสนองทุกพิกัดการใช้งาน
ALL-NEW MITSUBISHI TRITON MEGA CAB ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเครื่องยนต์คลีนดีเซล 4N16 แบบ 4 สูบ Commonrail Turbo Intercooler ความจุ 2.4 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 330 นิวตันเมตร ที่ 1,500-3,000 รอบต่อนาที และเพิ่มระบบวาล์วแรงดันน้ำมันเครื่องช่วยลดภาระในการทำงานของเครื่องระยะยาว
ส่วนช่วงล่างมีการปรับใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่ แชสซีส์ใหม่ใหญ่ขึ้น แข็งแรงขึ้น แต่เบาลง โดยใช้ MEGA FRAME โครงสร้างพัฒนาด้วยเหล็กแรงดึงสูง High-Tensile Steel ขนาดใหญ่ขึ้น แข็งแรงขึ้น แต่มีน้ำหนักเบาลง ทำงานผสานกับช่วงล่างปีกนกสองชั้นที่ด้านหน้า ซึ่งมีความทนทาน แข็งแกร่งและยืดหยุ่น พร้อมระบบคอยล์สปริงและโช้คอัพที่ย้ายจุดยึดใหม่ให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น ช่วงล่างด้านหลังแข็งแกร่ง โหลดได้เต็มพิกัด โดยใช้แหนบแผ่นซ้อนที่ได้รับการพัฒนาให้มีน้ำหนักเบาขึ้นกว่าเดิม
ระบบความปลอดภัยรอบคัน
ALL-NEW MITSUBISHI TRITON MEGA CAB มาพร้อมกับระบบความปลอดภัย ที่ทำให้ผู้ใช้รถปลอดภัยมากยิ่งขึ้น อาทิ
• ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ASC) ช่วยควบคุมการทรงตัวของรถ ในสภาวะที่รถเสียสมดุล เพื่อป้องกันการลื่นไถลออกนอกเส้นทาง เช่น กรณีหลุดโค้งเมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ถนนลื่น หรือหักหลบกะทันหัน
• ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล (TCL) ระบบจะช่วยควบคุมการหมุนของล้อทั้ง 4 ล้ออย่างสมดุล ในสภาวะถนนลื่นขรุขระ หรือทางลาดชัน เพื่อไม่ให้รถสูญเสียการยึดเกาะถนน
• ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี แอคทีฟลิมิเต็ดสลิป (แบบควบคุมด้วยระบบเบรก) จะทํางานเมื่อล้อข้างใดข้างหนึ่งเกิดการหมุนฟรี ระบบจะส่งกำลังเบรกไปที่ล้อนั้น เพื่อให้ล้อหยุดหมุนแล้วถ่ายกำลัง
ไปยังล้ออีกข้าง ให้สามารถขับผ่านอุปสรรคได้ง่ายขึ้น เพื่อความปลอดภัยยิ่งขึ้น
• ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA) ช่วยป้องกันรถไหล เมื่อต้องออกตัวบนทางลาดชัน
• ระบบเสริมแรงเบรก (BA) จะทำงานทันทีที่เหยียบเบรกกะทันหัน ระบบนี้จะช่วยเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรกให้มากขึ้น เพื่อช่วยให้การหยุดรถเป็นไปอย่างรวดเร็ว
• ระบบเบรกแบบป้องกันล้อล็อก (ABS) จะทำงานทันทีเมื่อเหยียบเบรกกะทันหัน ช่วยให้คุณหักหลบสิ่งกีดขวางได้อย่างทันท่วงที
• ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) ทำงานประสานกับระบบเบรก ABS เพื่อให้เกิดการกระจายแรงเบรกอย่างเหมาะสมทั้ง 4 ล้อ ช่วยลดระยะเบรกให้สั้นลง
และนี่คือความโดดเด่นที่ทำให้ ALL-NEW MITSUBISHI TRITON MEGA CAB ได้รับการคัดเลือกให้เป็น BEST 2WD PICKUP UNDER 2,500 c.c. ประจำปี 2024 จากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
BEST MINI MPV
MITSUBISHI XPANDER CROSS
ยังคงความโดดเด่นได้อย่างลงตัวสำหรับ MITSUBISHI XPANDER CROSS ที่การันตีความเป็นสุดยอดด้วยการออกแบบที่ลงตัว การใช้งานที่หลากหลายและตอบสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่รักสนุกในการเดินทางและริเริ่มสิ่งใหม่ๆในชีวิต จนทำให้สามารถคว้ารางวัล BEST MINI MPV ในปี 2024 มาครองได้อย่างยอดเยี่ยม
มุมมองจากคณะกรรมการ
การออกแบบล้ำสมัย ลงตัวกับการใช้งานMITSUBISHI XPANDER CROSS ยังคงคอนเซปต์โฉบเฉี่ยว พร้อมลุยทุกเส้นทาง มาพร้อมรูปลักษณ์ใหม่ ดีไซน์ด้านหน้าแบบ Advanced Dynamic Shield มาพร้อมชุดไฟหน้าแบบ LED ทั้งระบบ ทั้งชุดไฟหน้า และไฟ DRL รวมทั้งไฟเลี้ยวและไฟตัดหมอก กันชนหน้ามีการออกแบบให้
มีความดุดันแข็งแกร่งให้เข้ากับสไตล์ Adventure ด้านข้างตัวรถโดดเด่นด้วยซุ้มล้อแบบ “ครอสดีไซน์” (CROSS Design) สีดำ รับกับล้ออัลลอยสปอร์ตทูโทน ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เพิ่มเติมด้วยการ์ดกันกระแทกข้างประตูที่ตกแต่งด้วยชิ้นงานสีบรอนซ์รมดำ
ส่วนภายในเน้นการตกแต่งที่หรูมากยิ่งขึ้น ด้วยเบาะหนังหุ้มด้วยหนังสีทูโทน ดำ-น้ำเงิน มาพร้อมคุณสมบัติสะท้อนความร้อน คอนโซลดีไซน์ใหม่ ออกแบบภายใต้แนวคิด Horizontal Axis มาพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ แบบ LCD ขนาด 8 นิ้ว พวงมาลัย 4 ก้าน หุ้มหนังดีไซน์ใหม่ พร้อมสวิตช์ควบคุมระบบล็อกความเร็วบนพวงมาลัย สวิตช์ควบคุมระบบเครื่องเสียง และปุ่มรับสาย-วางสายโทรศัพท์บนพวงมาลัยหน้าจออินโฟเทนเมนต์แบบสัมผัสขนาด9 นิ้ว รองรับ Bluetooth และการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto เพิ่มความลงตัวด้วยระบบเบรกมือไฟฟ้าพร้อมระบบ Brake Auto Hold, ช่องต่ออุปกรณ์ USB-A และ USB-C,ช่องจ่ายกระแสไฟ DC 12 โวลต์, ระบบปรับอากาศด้านหลังแบบแยกอิสระ พร้อมแผงควบคุมและช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง, กระจกมองหลังแบบตัดแสงสะท้อนอัตโนมัติและระบบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังมีระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าแบบอัตโนมัติ และระบบปรับอากาศแบบดิจิทัลที่มีแผ่นกรองอากาศ PM 2.5
ขุมพลัง 105 แรงม้า พร้อมด้วยระบบความปลอดภัย AYC MITSUBISHI XPANDER CROSS ยังคงใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ MIVEC DOHC 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 141 นิวตันเมตร ที่4,000 รอบต่อนาที พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติECO-Dynamic CVT
ส่วนระบบช่วงล่างเป็นแบบแมคเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริงและเหล็กกันโคลงที่ด้านหน้าและทอร์ชันบีมที่ด้านหลัง มีการปรับระบบกันสะเทือนแบบใหม่ โดยที่ด้านหน้ามีการติดตั้งเหล็กกันโคลงและเหล็กค้ำหัวโช้คเพื่อช่วยเพิ่มความแข็งแกร่ง และที่ด้านหลังมีการปรับเปลี่ยนขนาดของโช้คอัพให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น เพื่อช่วยเพิ่มความนุ่มนวลทุกการขับขี่ ภายในติดตั้งด้วยวัสดุซับเสียงคุณภาพเยี่ยม ช่วยเพิ่มความเงียบสงบภายในห้องโดยสารเสริมความปลอดภัยขณะเข้าโค้งด้วยเทคโนโลยี “เอวายซี” (Active Yaw Control: AYC) ที่ช่วยควบคุมการขับเคลื่อน ให้เข้าโค้งได้กระชับ แม่นยำ ปลอดภัยกว่า ด้วยการควบคุมการขับเคลื่อนและการเบรกของล้อหน้าด้านซ้ายและด้านขวา เพิ่มสมรรถนะการเข้าโค้งและรักษาเสถียรภาพการขับขี่ได้ดีบนถนนที่เปียกลื่น
ระบบความปลอดภัยที่เพิ่มความมั่นใจมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ MITSUBISHI XPANDER CROSS อัดแน่นด้วยระบบความปลอดภัยทั้งในเชิงป้องกันและปกป้อง ได้แก่ ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ASC- Active Stability Control), ระบบป้องกันการลื่นไถล (TCL- Traction Control System), ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA- Hill Start Assist System),ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS- Anti Lock Braking System) และระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD-Electronic Brake Force Distribution) พร้อมระบบเสริมแรงเบรก (BA- Brake Assist), ระบบไฟกะพริบฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS- Emergency Stop Signal System), ถุงลมด้านคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า, เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับและระบบผ่อนแรงอัตโนมัติ ELR 3 จุด 2 ตำแหน่ง และเข็มขัดนิรภัยแบบ ELR 3 จุด 5 ตำแหน่งสำหรับผู้โดยสารทุกที่นั่ง รุ่นสูงสุดยังมาพร้อมกับกล้องมองภาพด้านหลัง
…และนี่คือความพิเศษที่ทำให้ MITSUBISHI XPANDER CROSS เป็นรถที่ดีที่สุดในชั่วโมงนี้และมีความคุ้มค่าและตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างครบถ้วน จนทำให้คว้าอันดับหนึ่งในคลาส MINI MPV ได้สำเร็จ
BEST 4WD PICKUP UNDER 2,500 c.c.
ALL-NEW MITSUBISHI TRITON ATHLETE
ยังคง DNA ของรถสายพันธุ์แกร่งในสไตล์ขาลุยตามแบบฉบับ RALLIART ไว้อย่างครบถ้วน ใน ALL-NEW MITSUBISHI TRITON ATHLETE รถปิกอัพสุดแกร่งเจเนอเรชันที่ 6 โดยในเวอร์ชันนี้มีการปรับใหม่ ให้มีความลงตัวทุกมิติมาพร้อมชุดแต่งพิเศษรอบคัน ขุมพลังเครื่องยนต์ใหม่ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยีล้ำสมัย ทำให้ ALL-NEW MITSUBISHI TRITON ATHLETE ได้รับการโหวตจากคณะกรรมการ ว่านี่คือรถปิกอัพขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่แกร่งที่สุด
มุมมองจากคณะกรรมการ
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ALL-NEW MITSUBISHI TRITON ATHLETE ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ “ซูเปอร์ซีเล็คต์โฟร์วีลไดร์ฟ ทู” (Super Select 4WD II) และเป็นโมเดลเดียวในตลาดที่มี 4H ฟูลไทม์ที่ทำให้ใช้งาน 4 ล้อได้ทุกสภาพถนน ซึ่งสามารถเปลี่ยนโหมดจากระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ (2H) เป็นขับเคลื่อน 4 ล้อแบบฟูลไทม์ (4H) ได้ทันที แม้ในขณะที่รถกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง (Shift-on-the-Fly) และเพิ่มกำลังขับเคลื่อน 4 ล้อ ด้วยระบบพาสไทม์ ที่แบ่ง ได้อีก 2 รูปแบบ คือ 4 HLc ที่ใช้งานในทางฝุ่นหรือทางขรุขระ และ 4 LLc ที่ต้องการลุยหนักหรือต้องการผ่านอุปสรรคที่ลำบากพร้อม Diff-Lock และเสริมความปลอดภัยให้ขับขี่คล่องตัวพร้อมตะลุยทุกสภาพอากาศและทุกรูปแบบของพื้นผิว ด้วย 7 โหมดการขับขี่ ได้แก่
l โหมดปกติ (Normal)
l โหมดประหยัดเชื้อเพลิงและรักษ์โลก (Eco)
l โหมดขับขี่บนทางลูกรังหรือทางฝุ่น (Gravel)
l โหมดขับขี่บนพื้นหิมะหรือขณะฝนตก
ผิวถนนเปียกลื่น (Snow)
l โหมดขับขี่ลุยโคลนหรือผิวทางที่เหนียวลื่น
(Mud)
l โหมดขับขี่ตะลุยทรายหรือผิวทางที่ดินร่วน
(Sand)
l โหมดไต่หินหรือขับขี่บนผิวทางที่เป็นหินขรุขระ (Rock)
เครื่องยนต์ใหม่ 204 แรงม้า ตอบสนอง
ทุกอัตราเร่ง ALL-NEW MITSUBISHI TRITON ATHLETE ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเครื่องยนต์คลีนดีเซล Hyper Power x2 แบบ 4 สูบ Commonrail Turbo Intercooler ความจุ 2.4 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า ที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 470 นิวตันเมตร ที่ 2,500-2,750 รอบต่อนาที ที่ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด ให้มีความแข็งแรง ทนทาน จากสภาวะการใช้งานในลักษณะต่างๆ และเพิ่มประสิทธิภาพในด้านของแรงบิดรอบต่ำได้ดี ทำให้เครื่องยนต์มีแรงบิดเพียงพอต่อการขับเคลื่อนตัวรถตั้งแต่รอบต่ำตอนออกตัว ไปจนถึงรอบสูงสุดในการเร่งความเร็ว และส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อมสปอร์ตโหมดที่สามารถ
ปรับเปลี่ยนเกียร์ได้ด้วยตัวเอง
ช่วงล่างแกร่งขึ้น เพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลายส่วนช่วงล่างมีการปรับใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่ แชสซีส์ใหม่ ใหญ่ขึ้น แข็งแรงขึ้น แต่เบาลงโดยใช้ MEGA FRAME โครงสร้างพัฒนาด้วยเหล็กแรงดึงสูง High-Tensile Steel ขนาดใหญ่ขึ้นแข็งแรงขึ้น แต่มีน้ำหนักเบาลง ทำงานผสานกับช่วงล่างและระบบกันสะเทือนใหม่ ที่พัฒนาใหม่ ด้วยโครงสร้างปีกนกสองชั้นที่ด้านหน้า ซึ่งมี
ความทนทาน แข็งแกร่งและยืดหยุ่น แท่นยึดคานบนได้รับการปรับตำแหน่งยึดเกาะให้สูงขึ้น เพื่อเพิ่มช่วงชักอีก 20 มม. และเพิ่มกระบอกโช้คให้ใหญ่ขึ้นและเพิ่มความยาวของกระบอกโช้คอีก 9 ซม. ทำให้มีการเกาะถนนมากยิ่งขึ้นและเพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่ ช่วงล่างด้านหลังมอบความสะดวกสบายยิ่งขึ้น พร้อมความแข็งแกร่ง โดยใช้แหนบแผ่นซ้อนที่ได้รับการพัฒนาให้มีน้ำหนักเบาขึ้นกว่าเดิม
ระบบความปลอดภัยเต็มรูปแบบ ALL-NEW MITSUBISHI TRITON ATHLETE เพิ่มความปลอดภัยในการควบคุมด้วยระบบ
พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS พร้อมระบบความปลอดภัยขั้นสูง Diamond Sense ประกอบด้วยระบบล็อกความเร็วแปรผันอัตโนมัติ (ACC), ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรงพร้อมช่วยชะลอความเร็ว (FCM), ระบบเตือนจุดอับสายตา (BSW) พร้อมเตือนขณะเปลี่ยนเลน (LCA), ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยจอด (RCTA), ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (AHB) รวมถึงกล้องมองภาพรอบคัน (MAM) ซึ่งเทคโนโลยีความปลอดภัยทั้งหมดนี้ สามารถตรวจจับการเคลื่อนที่ของตัวรถและสภาพแวดล้อมด้วยเซ็นเซอร์และเรดาร์ที่ควบคุมด้วยระบบ AI ได้รอบคัน และเสริมด้วยระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) โดยระบบจะควบคุมการทำงานของล้อด้านในโค้งกับล้อด้านนอกโค้งให้หมุนสัมพันธ์กัน เพื่อรักษาเสถียรภาพการเข้าโค้ง
อย่างแม่นยำเสริมความปลอดภัยเพิ่มขึ้นด้วย ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA), ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC), ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS), ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD), ระบบเสริมแรงเบรก (BA), ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ASC), ระบบป้องกันการลื่นไถล (TCL), ระบบลิมิเต็ดสลิปที่เฟืองท้ายแบบควบคุมด้วยเบรก (Active LSD) และถุงลมนิรภัย7 ตำแหน่ง มาพร้อมระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย RISE BODY (Reinforced Impact Safety Evolution) ที่มีความแข็งแกร่งสูง สามารถรองรับแรงปะทะและลดการเปลี่ยนแปลงสภาพของห้องโดยสารเมื่อเกิดอุบัติเหตุให้น้อยที่สุด ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูงสุด 5 ดาว จากการทดสอบการชนของรถยนต์ใหม่ โดยอาเซียน เอ็นแคป (2023 ASEAN NCAP)
ระบบ AI เชื่อมต่อกับตัวรถ ALL-NEW MITSUBISHI TRITON ATHLETE เพิ่มความสะดวกสบายด้วยระบบเทคโนโลยี
“มิตซูบิชิ คอนเนค” (MITSUBISHI CONNECT) ใช้งานง่าย สั่งการตัวรถได้จากระยะไกล เพิ่มความอุ่นใจ ในทุกมิติเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างคุณและรถยนต์สามารถรองรับได้ทั้งระบบ iOS และ Androidโดยเชื่อมต่อผ่านแอปพลิเคชัน “My MITSUBISHI
CONNECT” เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการสั่งการตัวรถได้แบบไร้สายจากระยะไกล ใช้งานง่ายทั้งการเปิดระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสารได้จากระยะไกล การล็อกและปลดล็อกประตูรถการค้นหาตำแหน่งที่อยู่ของตัวรถ การเปิดไฟ ส่องสว่าง และการกดแตรรถ นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบข้อมูลสถานะตัวรถ เช่น ระดับน้ำมันคงเหลือและระยะทางที่วิ่งต่อได้ ความดันลมยาง
มีฟังก์ชันความปลอดภัยอื่นๆ อาทิ บริการช่วยเหลือบนถนน (Roadside Assistance) การแจ้งอัตโนมัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุ การช่วยเหลือเมื่อรถถูกโจรกรรม (Stolen Vehicle Assistance) และอุ่นใจตลอดเส้นทางด้วยระบบขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน SOS ผ่านตัวรถ (e-call)
ซึ่งทั้งหมดนี้คือความสุดยอดของ ALL-NEW MITSUBISHI TRITON ATHLETE ที่เหล่า คณะกรรมการต่างลงความเห็นว่า นี่คือ BEST 4WD PICKUP UNDER 2,500 c.c. ใน Thailand Car of The Year 2024
THE MOST VALUABLE MINI MPV
MITSUBISHI XPANDER
จากการโหวตให้คะแนนจากคณะกรรมการในกลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ประเภท MINI MPV ได้ยกให้ MITSUBISHI XPANDER เป็นรถที่มีความคุ้มค่ามากที่สุด ทั้งในด้านอรรถประโยชน์เรื่องการใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่าและการออกแบบที่ลงตัว ซึ่งเหนือชั้นกว่ากลุ่มรถในเซ็กเมนต์เดียวกันทำให้คณะกรรมการต่างลงความเป็นเสียงเดียวกันว่า “MITSUBISHI XPANDER คือรถที่มีความคุ้มค่ามากที่สุด” จนทำให้คว้ารางวัล THE MOST VALUABLE MINI MPV …ซึ่งความพิเศษจะมีอะไรบ้าง มาดูกัน
มุมมองจากคณะกรรมการ
การออกแบบที่ลงตัว ด้วยรูปลักษณ์การออกแบบภายนอกที่ล้ำสมัย เน้นความโดดเด่นสะดุดตาให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ ด้วยคอนเซปต์ Advanced Dynamic Shield ที่บ่งบอกถึงพละกำลังและความมั่นใจ และช่วยปกป้องทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสารและผู้ร่วมใช้เส้นทางให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ไฟหน้าแบบ LED พร้อมระบบเปิด-ปิดอัตโนมัต ล้ออัลลอย สีทูโทน ขนาด 17 นิ้ว อัตโนมัติ
นอกจากนี้ ภายในของ MITSUBISHI XPANDER ยังออกแบบเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ขับขี่ให้สามารถใช้งานง่าย พร้อมช่วยเพิ่มทัศนวิสัยและความสะดวกในการขับขี่มากยิ่งขึ้น พวงมาลัยดีไซน์ใหม่ ทรงสปอร์ต ระบบเบรกมือควบคุมด้วยไฟฟ้าอัตโนมัติ พร้อมระบบ Brake Auto Hold ห้องโดยสารดีไซน์ใหม่แบบสีทูโทนหน้าจอระบบสัมผัส รุ่นใหม่ ขนาด 9 นิ้ว รองรับ Bluetooth และการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android ระบบปรับอากาศแบบดิจิทัลพร้อมแผ่นกรองอากาศ PM 2.5 ห้องโดยสารมีขนาดใหญ่ สะดวกสบาย และสามารถบรรทุกสัมภาระได้อย่างหลากหลาย เพิ่มพร้อมแผ่นรองอาการ พร้อมกันนี้ยังติดตั้งที่วางขวดน้ำขนาด 600 มล. มากถึง 4 ขวด ที่บริเวณที่พักแขนอีกด้วย สะดวกสบายเพิ่มมากขึ้นด้วยช่อง USB 2 ช่องสำหรับเบาะแถวที่สอง แบบ Type-A และ Type-C พร้อมช่องจ่ายกระแสไฟ DC ขนาด 12 โวลต์ บริเวณคอนโซลหน้าและเบาะนั่งแถวที่สาม พร้อมติดตั้งเพิ่มที่วางแก้วน้ำบนที่พักแขนเบาะแถวที่สอง
เครื่องยนต์และระบบความปลอดภัย
MITSUBISHI XPANDER มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร DOHC MIVEC 16 วาล์ว 105 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 141 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติแบบแปรผันต่อเนื่องรุ่นใหม่ Eco-Dynamic CVT ส่วนระบบช่วงล่างเป็นแบบแมคเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริงและเหล็กกันโคลงที่ด้านหน้าและทอร์ชันบีมที่ด้านหลัง โดยที่ด้านหน้ามีการติดตั้งเหล็กกันโคลงและเหล็กค้ำหัวโช้คเพื่อช่วยเพิ่มความแข็งแกร่ง และที่ด้านหลังใช้โช้คอัพให้มีขนาดที่ใหญ่เพื่อช่วยเพิ่มความนุ่มนวลทุกการขับขี่ ภายในติดตั้งด้วยวัสดุซับเสียงคุณภาพเยี่ยม ช่วยเพิ่มความเงียบสงบภายในห้องโดยสาร
นอกจากนี้ MITSUBISHI XPANDER ยังเสริมระบบความปลอดภัยทั้งในเชิงป้องกันและปกป้องได้แก่ ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ASC), ระบบป้องกันการลื่นไถล (TCL), ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA), ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS), ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD),ระบบเสริมแรงเบรก (BA), ระบบไฟกะพริบฉุกเฉิน อัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS), ถุงลมด้านคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับและระบบผ่อนแรงอัตโนมัติ ELR 3 จุด 2 ตำแหน่ง และเข็มขัดนิรภัยแบบ ELR 3 จุด 5 ตำแหน่ง สำหรับผู้โดยสารทุกที่นั่งรุ่นสูงสุดยังมาพร้อมกับกล้องมองภาพด้านหลัง
…และนี่คือความพิเศษที่ทำให้ MITSUBISHI XPANDER เป็นรถมีความคุ้มค่าและตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างครบถ้วน จนทำให้คว้ารางวัล THE MOST VALUABLE MINI MPV ได้สำเร็จ