MITSUBISHI NEW TRITON ความสะดวกสบายที่มาพร้อมเทคโนโลยี เพื่อความปลอดภัยเต็มขั้น
ชื่อของ ไทรทัน นอกจากจะเป็นที่รู้จักกันในนามของยักษ์ในตำนานแล้ว ยังรู้จักกันอีกว่า เป็นชื่อเรียกของรถกระบะจากค่ายมิตซูบิชิ ที่ใช้นามนี้เรียกขานกระบะดาวเด่นของค่ายมาเป็นระยะเวลากว่าสิบปี (แม้ว่าในบางตลาดอาจจะยังใช้ชื่อ L200) จากเจเนอเรชันแรก จนมาถึงเจเนอเรชันที่ 2 พระเอกที่เรากำลังจะพูดถึงในฉบับนี้
ไทรทัน ใหม่ ในโฉมนี้นับเป็นการไมเนอร์เชนจ์ครั้งใหญ่ หลังเปิดตัวสู่สายตาประชาชนเป็นระยะเวลาเกือบ 4 ปี ซึ่งการไมเนอร์เชนจ์ในครั้งนี้ นับได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่มีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่หัวจดท้าย จะมีก็แค่ส่วนกลางของห้องโดยสารที่ยังคงเส้นสายเดิมเอาไว้ให้พอสังเกตได้ แต่จากความเปลี่ยนแปลงของด้านหน้าและด้านหลังที่ใหม่หมด อาจจะทำให้ยากต่อการมอง เรียกได้ว่าถ้าไม่เอาโฉมแรกมาจอดใกล้ๆ ใครๆ ก็ว่าโมเดลเชนจ์นั่นละ มุมมองในด้านหน้าได้รับการปรับโฉมใหม่หมด หันมาสู่เส้นสายที่มีเหลี่ยมสันที่มากขึ้น ให้บุคลิกที่ดูแตกต่าง จากใบหน้าที่โค้งมนในครั้งแรกที่เปิดตัวมา ขยับมาสู่ดีไซน์ที่ทางมิตซูฯบอกว่ากำลังจะเป็น DNA ให้ของมิตซูบิชิในเจเนอเรชันนี้ กระบะท้ายใหม่ ปรับให้ตอบรับต่อการใช้งาน ด้วยตัวกระบะด้านในที่กว้างถึง 1,470 มม. และยาวถึง 1,520 มม. รองรับการบรรทุกได้มากขึ้น ชุดไฟท้ายออกแบบใหม่ให้รับกับดีไซน์ที่เหลี่ยมสันมากขึ้น มาพร้อมการผสมผสานเทคโนโลยีหลอด LED แบบเส้นนำแสงที่ถ่ายทอดมาจากรุ่นพี่ ปาเจโร สปอร์ต ฝาท้ายใหม่ ติดตั้งชุดกล้องถอยหลังมาให้พร้อมสรรพ ทางด้านบนติดตั้งสปอยเลอร์แบบตูดเป็ดมาให้ เพิ่มเติมความสปอร์ตให้มากขึ้น
อัดแน่นมาด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยแบบจัดเต็ม ตั้งแต่ ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง (Forward Collision System – FCM) ระบบจะคอยเตือนและชะลอความเร็วให้โดยอัตโนมัติ หากตรวจพบความเสี่ยงที่จะชนรถคันหน้าไปจนถึงคนที่เดินถนนในช่องทางเดียวกันกับรถ ถัดมากับอีกหนึ่งระบบเตือนภัยในกรณีที่มีรถเคลื่อนที่มาในมุมอับของสายตา พร้อมระบบเตือนหากตรวจพบในขณะเปลี่ยนเลน (Blind Spot Warning With Lane Change Assist – BSW With LCA) และอีกหนึ่งระบบเตือน คือ ระบบเตือนอันตรายหากตรวจพบว่ามีรถเคลื่อนที่เข้ามาใกล้ในขณะที่กำลังถอยหลังออกจากที่จอด (Rear Cross Traffic Alert – RCTA) นับเป็นการเพิ่มเติมความปลอดภัยให้มากขึ้น ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้มากขึ้น อีกทั้งในเวอร์ชันเกียร์อัตโนมัติ ยังเพิ่มเติมเซ็นเซอร์กะระยะรอบคันมาให้ พร้อมกับระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะ (Ultrasonic Misacceleration Mitigation System – UMS) หากตรวจพบอันตรายทั้งในด้านหน้าและด้านหลัง จากการเข้าเกียร์เดินหน้าหรือถอยหลังโดยไม่ได้ตั้งใจ ระบบจะทำการตัดกำลังจากการเหยียบคันเร่งที่ผิดพลาด เพื่อลดความเสียหายที่อาจจะเกิดจากการชน
มิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ ใช้ขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซลแบบคอมมอนเรล 4 สูบ ที่มีความจุ 2.4 ลิตร มาพร้อมระบบควบคุมวาล์วแบบแปรผัน MIVEC ที่คอยปรับจังหวะการเปิด-ปิด วาล์วไอดีให้มีจังหวะที่เหมาะสม และสอดคล้องไปในทุกๆ รอบความเร็ว โดยทำงานร่วมกับชุดเทอร์โบแบบแปรผัน VG Turbo เพิ่มประสิทธิภาพในด้านของไอดี ให้การเผาไหม้ที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น จนเป็นที่มาของแรงม้าทั้ง 181 ตัว มาพร้อมกับแรงบิดสูงสุดที่มากถึง 430 นิวตันเมตร มีมาให้ใช้งานกันตั้งแต่รอบเครื่องยนต์เพียงแค่ 2,500 รอบ/นาที เท่านั้น ตอบสนองต่อการขับขี่ทั้งในเมืองไปจนถึงนอกเมืองได้อย่างลงตัว และยิ่งเพิ่มเติมความสบายเมื่อจับคู่กับชุดเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีดลูกใหม่ ที่ต้องบอกว่าลูกใหม่ ก็เพราะในไทรทัน ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนโฉมใหญ่ครั้งนี้ จะยังใช้เกียร์อัตโนมัติแบบ 5 สปีดลูกเดิม ซึ่งเกียร์ใหม่นี้นอกจากจะมีจำนวนตัวเลขของอัตราทดที่มากขึ้นแล้ว ในเรื่องของการส่งต่อกำลังในหลายๆ ช่วงความเร็วนั้น นับได้ว่ามีความต่อเนื่องเพิ่มขึ้นมาอีก ให้ความคล่องตัวในการใช้งานได้ดีมาก ในเรื่องของความสะดวกสบายนั้น เวอร์ชันเกียร์อัตโนมัตินั้น ให้ความสบายในการขับที่ดีเยี่ยม
ระบบขับเคลื่อนที่ได้รับการออกแบบมาเพื่องานลุยอย่างแท้จริง กับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Super Select 4WD ll ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อตัวเดียวกับที่ใช้ในรถตรวจการณ์อเนกประสงค์ ดาวเด่นของค่าย ปาเจโร สปอร์ต ที่ถูกยกลงมาใส่เอาไว้ในไทรทัน ใหม่ มาพร้อมความพิเศษที่เหนือกว่าใคร จากฟังก์ชันการทำงานที่หลากหลายกว่า มีโหมดให้เลือกถึงสี่โหมดควบคุม ในขณะที่รถกระบะคันอื่นๆ ในเซ็กเมนต์เดียวกันที่มีจำหน่ายอยู่ในบ้านเรานั้น จะมีให้เลือกใช้งานกันเพียงแค่ 3 โหมด ได้แก่ ขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อ (2H) หรือระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อความเร็วสูง (4H) และสุดท้ายกับระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อความเร็วต่ำ (4L) ที่เอาไว้รองรับภารกิจงานลุยหนักๆ ซึ่งในระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่ว่ามานั้น จะไม่เหมาะกับการใช้งานบนถนนทางเรียบ หรือถนนที่มีความฝืดสูงที่มีการยึดเกาะที่ดี (ถนนที่ไม่ได้เปียกหรือลื่นไปจนถึงทางฝุ่น) เพราะจะทำให้การเคลื่อนที่โดยเฉพาะการเลี้ยวในมุมที่จำกัดนั้น ตัวรถจะมีอาการฝืนๆ จากการที่ล้อทั้ง 4 พยายามที่จะหมุนไปพร้อมๆ กัน ซึ่งผิดกับความเป็นจริงของรถที่กำลังเลี้ยว ล้อที่อยู่ด้านในของวงเลี้ยวจะต้องหมุนช้ากว่าล้อที่อยู่ด้านนอกของวงเลี้ยว ไปพร้อมกับความแตกต่างของล้อคู่หน้าและคู่หลังในการเลี้ยวในวงที่แคบมากๆ ซึ่งปัญหาในการใช้งานระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบพาร์ทไทม์บนถนนแห้ง หรือใช้ความเร็วสูงนั้นจะหมดไป เมื่อ ไทรทัน ใหม่ เลือกใช้ชุดเกียร์ทรานเฟอร์ชุดเดียวกับ ปาเจโร สปอร์ต ที่เพิ่มเติมอีกหนึ่งระบบขับเคลื่อน 4H – 4WD HIGH-RANGE ที่ให้ประสิทธิภาพในการกระจายกำลังลงสู่ล้อทั้งสี่ในแบบ Full-Time All Wheel Control ที่ช่วยทำให้ไทรทัน ใหม่ สามารถขับเคลื่อนแบบสี่ล้อไปได้ในทุกๆ สภาพถนน และทุกๆ ช่วงความเร็ว โดยที่ระบบ Torsen – Torque Sensitive Type จะทำการควบคุมการกระจายกำลังไปยังล้อคู่หน้า 40% ในขณะที่ส่งกำลังที่เหลืออีก 60% ไปยังล้อคู่หลัง บนสภาพถนนแห้ง และปรับเปลี่ยนการกระจายแรงไปยังล้อคู่หน้า 50% พร้อมกระจายอีก 50% ไปยังล้อคู่หลัง เมื่อตรวจพบว่าถนนมีความเปียกลื่น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการยืดเกาะถนน และเพิ่มความปลอดภัยไปพร้อมๆ กัน
ถ้าเราพูดถึง ไทรทัน ใหม่ กันแบบให้ครบทุกระบบกันแล้ว ก็จะพบว่าในการใช้งานหนักๆ หรือการลงเนินที่มีความชันมากๆ นั้น ไทรทัน ใหม่ ในเวอร์ชันเกียร์อัตโนมัติ สามารถให้การทำงานได้ดีเยี่ยม จากตัวช่วยที่มีติดตั้งมาให้ อย่าง ระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา Hill Descent Control ที่ระบบจะช่วยรักษาความเร็วในขณะที่เราเคลื่อนที่ลงเขาที่มีความลาดชันให้เอง เพียงแค่กดปุ่มที่คอนโซลกลาง แล้วปล่อยให้รถมันเคลื่อนตัวลงมาตามเนิน โดยไม่ต้องเหยียบเบรกแต่อย่างใด (ย้ำว่าห้ามเหยียบเบรกเลยนะครับ เพราะไม่เช่นนั้น ระบบจะยกเลิกการควบคุม เพราะเขาจะทราบว่าผู้ขับนั้นจะเริ่มทำการควบคุมรถเองแล้ว นอกจากนี้ ไทรทัน ใหม่ ยังมีการเพิ่มความสามารถในงานลุยขึ้นอีกขั้น ด้วยปุ่มควบคุม OFF-Road Mode ที่จะช่วยปรับรูปแบบการขับเคลื่อนให้เหมาะสมกับสภาพพื้นผิวและเส้นทางในการขับขี่ เช่น พื้นที่ที่มีสภาพกรวด ทราย ไปจนถึงพื้นโคลนที่มีความลื่นสูง โดยจะใช้ร่วมกับการทำงานของระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4HLc และ 4LLc ในขณะที่โหมดพื้นผิวที่เป็นหินนั้น จะจำกัดเอาไว้ให้ใช้งานควบคู่กับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4LLc เท่านั้น
ที่ว่ามานั้นยังไม่หมด เพราะไทรทัน ใหม่ ยังมีอีกหนึ่งระบบที่เตรียมเอาไว้ตอบสนองต่อการใช้งานในภารกิจลุยแบบครบถ้วน จัดเต็ม กับระบบล็อกเฟืองท้ายหลัง ที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า (Rear Differential Lock) ที่ใช้งานง่าย เพียงแค่กดปุ่มที่บริเวณคอนโซลกลาง ระบบก็จะทำการล็อกตัวเฟืองท้าย ให้การส่งแรงบิดไปสู่ล้อคู่หลังทั้งซ้ายและขวาเป็นไปอย่างเท่าๆ กัน ช่วยให้การตะกุยผ่านอุปสรรคนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น
นอกเหนือจากระบบขับเคลื่อนแล้ว ระบบช่วงล่างก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ผู้ซื้อมักจะตั้งคำถามถึง ไม่ว่าจะเป็น ความทนทาน ไปจนถึงเรื่องของความนุ่มนวลในการเดินทาง โดยเฉพาะกระบะแบบสี่ประตู ซึ่งปัจจุบันนับได้ว่าขยับตัวเข้ามาอยู่ในกลุ่มของผู้ใช้ที่กระโดดมาจากตลาดรถยนต์นั่งหรือรถเก๋งที่เราคุ้นเคยกันค่อนข้างมาก ซึ่งถ้ามาเปรียบเทียบกับไทรทันรุ่นก่อนที่จะได้รับการไมเนอร์เชนจ์ครั้งใหญ่นี้ ไทรทันรุ่นใหม่ล่าสุด นับได้ว่ามีความนุ่มนวลเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ถูกปรับแต่งมาเพื่อตอบโจทย์ของการใช้งานในรูปแบบชีวิตประจำวันได้ดียิ่งขึ้น
ในด้านความประหยัดนั้น ต้องบอกกันว่า แม้จะต้องรับภาระแบบจัดเต็ม ตั้งแต่บรรดาอุปกรณ์อำนวยความสะดวกไปจนถึงเครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อนแบบสี่ล้อ ที่ทำให้ต้องแบกภาระที่หนักกว่า 1,900 กิโลกรัม (หย่อนสองตันไปไม่กี่กิโล) นั้น ในการสร้างความประหยัดน้ำมันในการขับขี่ใช้งานในการเดินทางในเมือง สามารถทำตัวเลขได้ในระดับ 10.47 กม./ลิตร โดยเฉพาะการใช้งานในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่นอย่างในปัจจุบันนี้
ไทรทัน ใหม่ นอกจากจะมีความเปลี่ยนแปลงของภายนอกชนิดที่หลายคนอาจจะเข้าใจว่าเป็นการโมเดลเชนจ์นั้น ในเรื่องของอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยที่อัดแน่นมาให้นั้น นับได้ว่าเป็นหนึ่งในกระบะที่น่าจับตามมองในเซ็กเมนต์ อีกทั้งระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่มีโหมดขับสี่แบบฟูลไทม์มาให้ด้วยแล้ว ต้องนับว่าเป็นการปล่อยหมัดเด็ดออกมาน็อกคู่แข่งกันเลยทีเดียว งานนี้คู่แข่งทั้งหลายจะปรับเกมอย่างไร คงต้องติดตามดูกันอย่างใกล้ชิด เพราะศึกสมรภูมินี้ ไม่เคยมีใครยอมใคร
ข้อมูลทางเทคนิค
ยี่ห้อและรุ่น | MITSUBISHI TRITON Double Cab 4WD 2.4 GT Premium 6AT |
ประเทศผู้ผลิต และรุ่นปี | ประเทศไทย รุ่นปี 2019 |
แบบเครื่องยนต์ | 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว MIVEC เทอร์โบแบบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์ |
ปริมาตรความจุ (ซี.ซี.) | 2,442 |
กระบอกสูบ x ระยะชัก (มม.) | 86.0 x 105.1 |
อัตราส่วนกำลังอัด | 14.9 : 1 |
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รอบ/นาที) | 181/3,500 |
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รอบ/นาที) | 43.83/2,500 |
ถังเชื้อเพลิงจุ (ลิตร) | 75 |
ระบบขับเคลื่อน | สี่ล้อ แบบ SS4-ll พร้อม DIFF LOCK ที่เฟืองท้าย (Super Select 4WD ll with Rear Differential Lock) |
ยี่ห้อและรุ่น MITSUBISHI TRITON Double Cab 4WD 2.4 GT Premium 6AT
ประเทศผู้ผลิต และรุ่นปี ประเทศไทย รุ่นปี 2019
แบบเครื่องยนต์ 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว MIVEC เทอร์โบแบบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์
ปริมาตรความจุ (ซี.ซี.) 2,442
กระบอกสูบ x ระยะชัก (มม.) 86.0 x 105.1
อัตราส่วนกำลังอัด 14.9 : 1
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รอบ/นาที) 181/3,500
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รอบ/นาที) 43.83/2,500
ถังเชื้อเพลิงจุ (ลิตร) 75
ระบบขับเคลื่อน สี่ล้อ แบบ SS4-ll พร้อม DIFF LOCK ที่เฟืองท้าย (Super Select 4WD ll with Rear Differential Lock)
ระบบเกียร์ เกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีด พร้อม Sport Mode
อัตราทดเกียร์ 1 3.600 : 1
2 2.090 : 1
3 1.488 : 1
4 1.000 : 1
5 0.687 : 1
6 0.580 : 1
เกียร์ถอยหลัง 3.732 : 1
อัตราทดเฟืองท้าย 4.727 : 1
อัตราทดเกียร์ส่งกำลัง High 1.000 : 1
Low 2.566 : 1
ระบบพวงมาลัย แร็ค แอนด์ พิเนียน พร้อมเพาเวอร์ช่วยผ่อน
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด (เมตร) 5.9
ระบบช่วงล่างหน้า อิสระ แบบปีกนกสองชั้น คอลย์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบช่วงล่างหลัง แบบแหนบแผ่นซ้อน พร้อมโช้คอัพไขว้
ระบบเบรก หน้า ดิสก์เบรก แบบมีช่องระบายความร้อน
หลัง ดรัมเบรก
มิติ กว้าง x ยาว x สูง (มม.) 1,815 x 5,300 x 1,795
ฐานล้อยาว (มม.) 3,000
ความกว้างของล้อหน้า (มม.) 1,520
ความกว้างของล้อหลัง (มม.) 1,515
น้ำหนักรถ (กก.) 1,960
ล้อ ล้อแม็กขนาด 18 x 7.5J นิ้ว
ยาง (หน้า, หลัง) 265/60R18
อัตราความสิ้นเปลือง (กม./ลิตร)
ในเมือง 10.47
ราคาจำหน่าย 1,099,000 บาท
เรื่อง :กิตติศักดิ์ ด้วงพิมพ์
ภาพ : ภูดิท แซ่ซื้อ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th