MITSUBISHI OUTLANDER PHEV SUV ที่มากกว่าความอเนกประสงค์
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ หรือ รถ SUV (Sport Utility Vehicle) ในบ้านเรามีความเปลี่ยนแปลงอย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องของการเติบโตของตลาด ซึ่งดูได้จากความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ ปัจจุบันจะเห็นว่า มีรถประเภท SUV นี้ให้เลือกมากมาย ทั้งรถขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ส่วนราคาก็มีเริ่มกันตั้งแต่ 6 หลักปลายๆ ขึ้นไป
แน่นอนว่า เมื่อมีผู้เล่นในตลาดเพิ่มขึ้น การแข่งขันเพื่อช่วงชิงยอดขายก็ย่อมเข้มข้นขึ้น แต่ละค่ายจึงต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตน เพื่อให้เป็นที่ต้องการของตลาดให้มากที่สุด ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของแต่ละค่ายที่จะกำหนดทิศทางของผลิตภัณฑ์ของตนขึ้นมา เพื่อให้ตรงใจกับผู้บริโภคนั่นเอง
ล่าสุด ทางบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ได้ส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ Mitsubishi Outlander PHEV (มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี) รถยนต์อเนกประสงค์ (ปลั๊กอินไฮบริด) ลูกครึ่ง น้ำมันกับไฟฟ้า ลงแข่งขันในตลาดด้วยจุดขายใหม่ที่สามารถผลิตและจ่ายกระแสไฟฟ้าจากตัวรถมาใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ที่มีขนาดไม่เกิน 1,500 วัตต์ ในราคา 1.64-1.749 ล้านบาท
แน่นอนว่า หากมองในเรื่องของราคาจำหน่าย “เอาท์แลนเดอร์” อาจดูเป็นลองคู่แข่งขันบางเจ้าที่อยู่ในตลาด แต่ถ้าเจาะลึกลงไปที่ตัวผลิตภัณฑ์ จะเห็นว่า สิ่งที่ “มิติซูบิชิ” จัดให้มาอยู่ใน “เอาท์แลนเดอร์” นั้น นับว่าน่าสนใจไม่น้อยทีเดียว
เริ่มจากเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.4 ลิตร ที่ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง จากการลองขับสิ่งที่สัมผัสได้อย่างชัดเจน คือ อัตราเร่งที่ตอบสนองได้อย่างฉับไว ยามที่ต้องการใช้ความเร็ว มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว สามารถผนึกกำลังตอบสนองการขับเคลื่อนได้อย่างยอดเยี่ยม
นอกจากนี้ ยังมีโหมดการขับขี่ให้เลือกใช้งานถึง 3 โหมด ไม่ว่าจะเป็น โหมดอีวี, โหมดซีรีย์ไฮบริด และโหมดพาราเรล ไฮบริด ซึ่งในโหมดอีวี ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% จากการลองใช้งานสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 130 กม./ชม. ระยะทางที่ได้อยู่ที่ประมาณ 45 กิโลเมตร ซึ่งใกล้เคียงกับสเปคที่ให้มาคือ 50 กิโลเมตร
ในโหมดซีรีย์ ไฮบริด ขับเคลื่อนหลักด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า โดยมีเครื่องยนต์ทำหน้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้าให้แก่มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ขณะที่โหมดพาราเรล ไฮบริด เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำหน้าที่ขับเคลื่อนตัวรถไปพร้อมกัน โดยการขับขี่ทั้ง 3 รูปแบบ จะถูกสลับปรับเปลี่ยนโหมดแบบอัตโนมัติ พร้อมระบบเบรกรีเจนเนอร์เรทีฟ ที่สามารถจ่ายพลังงานคืนเพื่อการชาร์จกระแสไฟฟ้าให้แก่แบตเตอรี่ รวมทั้ง ชาร์จโหมด ที่สามารถชาร์จกระแสไฟฟ้ากลับไปยังแบตเตอรี่ได้จนเกือบเต็มในขณะขับขี่
เสริมด้วยระบบขับเคลื่อนแบบ ซูเปอร์-ออลวิลล์คอนโทรล (S-AWC) เทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อระดับตำนานของมิตซูบิชิ ที่สามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ มีเสถียรภาพและสามารถขับเคลื่อนได้บนทุกสภาพถนน นอกจากนียังได้รับการพัฒนาเพื่อยกระดับความปลอดภัยในการขับขี่มากยิ่งขึ้น ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก Anti-Lock Braking (ABS) ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว Active Stability Control (ASC) และระบบควบคุมการขับเคลื่อน และการเบรกระหว่างล้อซ้ายและล้อขวา Active-Yaw Control (AYC) ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ที่ติดตั้งที่เพลาหน้า-หลัง ควบคุมแบบอิสระทั้ง 4 ล้อ พร้อมเสถียรภาพ เพิ่มสมรรถนะและการควบคุม มั่นใจทุกการเข้าโค้ง ผู้ขับขี่จึงได้สัมผัสกับสมรรถนะการควบคุมและประสิทธิภาพของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซูเปอร์-ออลวิลล์คอนโทรล (S-AWC) ที่เหนือกว่าระบบขับเคลื่อน 4 ล้อทั่วไปได้อย่างเต็มที่
ขณะที่ระบบความปลอดภัยก็ให้มาอย่างครบครัน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยที่ดีที่สุดในปัจจุบัน อาทิ ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรงพร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (FCM) ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา (BSW) พร้อมระบบสัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน (LCA) และระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ (ACC) ที่ไม่ได้ทำหน้าที่แต่เฉพาะรักษาระดับความเร็วให้คงที่เท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่ตรวจจับรถคันหน้า พร้อมควบคุมความเร็วและรักษาระยะห่างเพื่อความปลอดภัยจนกว่ารถจะหยุด
และสุดท้าย ที่เป็นจุดขายใหม่ในตลาด นั่นก็คือ การตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค กับระบบการจ่ายไฟฟ้าออกได้สูงสุด 1,500 วัตต์ หมายความว่า รถยนต์ “เอาท์แลนเดอร์” คันนี้สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าออกเพื่อใช้งานกับอุปกรณ์ไฟฟ้าผ่านช่องจ่ายไฟ AC ที่กำลังสูงสุด 1,500 วัตต์ ฉะนั้น ถ้าคุณเป็นคนชื่นชอบการใช้ชีวิตกลางแจ้ง ระบบนี้จะช่วยคุณได้มากที่เดียว เพราะเขาออกแบบให้ใช้งานได้อย่างสะดวก โดยมีช่องเสียบปลั๊กไว้ให้ถือ 2 ช่อง บริเวณหลังคอนโซลกลางและห้องเก็บสัมภาระ คุณจะใช้เตาปิ้งบาร์บีคิว พัดลม หรือจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ก็ทำได้ แต่ต้องจำไว้แค่ว่า ต้องไม่เกิน 1,500 วัตต์
นี่ยังไม่รวม Feature ต่างๆ ที่ให้มา มีทั้งหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว ที่รองรับการเชื่อมต่อผ่านสมาร์ตโฟน ทั้ง android auto และ iOS พร้อมระบบเชื่อมต่อ Bluetooth Hand Free รองรับระบบสั่งการด้วยเสียง รวบถึงการแสดงข้อมูลต่างๆ ของรถบนหน้าจออีกด้วย
ส่วนเรื่องของดีไซน์ตัวรถ ทั้งภายนอกภายใน ผมขอข้ามไปละกัน เพราะมันเป็นเรื่องของรสนิยมของใครของมัน สาระสำคัญอยู่ที่ คุณต้องการรถเพื่อไปสนองตอบการใช้งานของคุณในรูปแบบไหนดีกว่า
SPECIFICATIONS
รุ่น GT GT-Premium
- ราคาตัวรถยนต์ 1,640,000 บาท 1,749,000 บาท
- เครื่องยนต์ 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาวล์ พร้อมวาล์วไอดีแปรผัน
- กำลังสูงสุด 128 แรงม้า ที่ 4,500 รอบต่อนาที
- แรงบิดสูงสุด 199 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที
- มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว (หน้า/หลัง)
- กำลังสูงสุด (หน้า) 82 แรงม้า (60 กิโลวัตต์)
- แรงบิดสูงสุด (หน้า) 137 นิวตันเมตร
- กำลังสูงสุด (หลัง) 95 แรงม้า (70 กิโลวิตต์)
- แรงบิดสูงสุด (หลัง) 195 นิวตันเมตร
- ระบบขับเคลื่อน ขับเคลื่อน 4 ล้อ
- ความยาว × ความกว้าง × ความสูง 4,695 × 1,540 × 1,710 มม.
- น้ำหนัก 1,915 กก.
- ขนาดล้อ 18 นิ้ว
- ขนาดยางรถ 225 / 55R18
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th