มิตซูบิชิฯ ประกาศยอดขายปี 62 เกินเป้า 88,244 คัน-พร้อมขาย Outlander เอสยูวีเสียบปลั๊กม.ค.ปีหน้า
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ประกาศผลการดำเนินงานทะลุเป้าหมายมียอดขายรถยนต์รวม 88,244 คัน เติบโตขึ้น 4.4 เปอร์เซ็นต์ พร้อมประกาศเตรียมผลิต Mitsubishi Outlander PHEV เอสยูวีปลั๊ก-อิน ไฮบริด ในประเทศไทย และเริ่มต้นขายอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคมปีหน้า
ในรอบปี 2562 มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) มียอดจำหน่ายรถยนต์รวม 88,244 คัน ครองส่วนแบ่งตลาด 8.8 เปอร์เซ็นต์ เติบโตสูงกว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ประเทศไทยในภาพรวมที่มียอดจำหน่ายทั้งหมด 1,007,552 คันหรือลดลง 3.3 เปอร์เซ็นต์จากปี 2561
“ปี 2562 เป็นปีที่ดีเยี่ยมสำหรับพวกเรา มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เป็นเพียง 1 ใน 3 บริษัทรถยนต์ที่มียอดจำหน่ายรถยนต์เติบโตเพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมา เราขอขอบคุณลูกค้าสำหรับความสำเร็จที่เกิดขึ้น ผลการดำเนินงานของเราเติบโตสวนทางกับอุตสาหกรรมยานยนต์ท่ามกลางปัจจัยท้าทายต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น นอกจากการนำเสนอรถยนต์ที่มีคุณภาพแล้ว ความสำเร็จของเรายังเกิดขึ้นจากการพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่ายและการให้ความสำคัญกับลูกค้า พร้อมการลงทุนในด้านการพัฒนาบุคลากร” มร. โมะริคาซุ ชกกิ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทมิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวที่งานแถลงผลประกอบการประจำปี
“สำหรับปี 2563 เรายังคงมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องเพื่อบรรลุส่วนแบ่งตลาดให้มากกว่า 9 เปอร์เซ็นต์ พร้อมเดินหน้าปรับปรุงคุณภาพ และประสิทธิภาพของโรงงานผลิตที่แหลมฉบังด้วยการสร้างโรงพ่นสีแห่งใหม่ เพื่อให้ลูกค้าได้รับสิ่งที่ดีที่สุดจากเรา” มร. ชกกิ กล่าวเพิ่มเติม
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ไม่เพียงเติบโตเหนือกว่าอุตสาหกรรมโดยรวมในปี 2562 แต่ยังประสบความสำเร็จท่ามกลางสภาพตลาดที่มีความท้าทาย และมีการแข่งขันกันสูง รวมทั้งสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวส่งผลต่อตลาดในประเทศและการส่งออก
ในปีที่ผ่านมา มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้เปิดตัวรถใหม่เพื่อนำเสนอความทันสมัยและน่าสนใจอย่างต่อเนื่องทั้ง มิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ รุ่นโลว์ไรเดอร์, มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่, มิตซูบิชิ แอททราจ ใหม่ และ มิตซูบิชิ มิราจ ใหม่ รวมถึงมิตซูบิชิ ไทรทัน แอทลีท ใหม่
รถที่มียอดจำหน่ายสูงสุดของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย คือ ไทรทัน มียอดจำหน่ายที่ 35,807 คัน หรือ 41 เปอร์เซ็นต์ของยอดจำหน่ายทั้งหมด ขณะที่อันดับ 2 เอ็กซ์แพนเดอร์ มียอดจำหน่าย 16,196 คันหรือ 18 เปอร์เซ็นต์
ขณะที่ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ ซึ่งเปิดตัวในปีที่ผ่านมามียอดจำหน่าย 13,558 คัน หรือ 15 เปอร์เซ็นต์ สำหรับรถซิตี้คาร์ แอททราจ และมิราจ ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องด้วยยอดจำหน่ายรวม 22,683 คันหรือ 26 เปอร์เซ็นต์
ด้านการส่งออก มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ครองตำแหน่งผู้ส่งออกรถยนต์อันดับ 1 โดยสามารถส่งออกรถยนต์รวมทั้งสิ้น 332,700 คัน ประกอบด้วยรถยนต์สำเร็จรูป (BU) 284,500 คันและรถยนต์ชิ้นส่วนประกอบ (KD) 48,200 คัน โดยในปี 2562 มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังได้ฉลองความสำเร็จในการส่งออกรถยนต์ครบ 4 ล้านคัน
สำหรับการผลิตในปีที่ผ่านมามิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย สามารถผลิตรถยนต์รวมทั้งสิ้น 407,200 คัน ประกอบด้วยรถยนต์สำเร็จรูป (BU) 353,500 คันและรถยนต์ชิ้นส่วนประกอบ (KD) 53,700 คัน
นอกจากผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเป็นเลิศ ปัจจัยสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนความสำเร็จ ได้แก่ การพัฒนาเครือข่ายผู้จัดจำหน่ายและการสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า โดยในปีที่ผ่านมา มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มีเครือข่ายผู้จำหน่ายจำนวน 229 แห่ง ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ และยังได้เปิดตัวไลฟ์สไตล์โชว์รูมแนวคิดใหม่ เพื่อมอบความพึงพอใจและประสบการณ์เหนือระดับให้แก่ลูกค้า พร้อมเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย
ด้านบริการหลังการขายที่มีลูกค้าเป็นศูนย์กลางภายใต้สโลแกน “เราดูแล คุณแค่ขับ” มอบความมั่นใจให้แก่ลูกค้าในราคาที่ไม่แพง ด้วยคุณภาพสินค้าและบริการที่ดี อะไหล่แท้ที่ตอบโจทย์ การบริการโดยผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกฝนอบรม การดูแลและเข้าใจในสินค้าและการบริการ เพื่อมอบความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า ตลอดจนการเข้าถึงบริการและเครือข่ายผู้จำหน่ายได้อย่างสะดวกสบาย
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังดำเนินกิจกรรมอื่น ๆ ที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีแก่ลูกค้า ได้แก่ กิจกรรมมิตซูบิชิ แฮปปี้ แฟน มิตซูบิชิ แฮปปี้ เฟสติวัล มิตซูบิชิ โรดโชว์ อเวคเคนนิ่ง แบงค็อก ซึ่งเป็นเทศกาลแสดงแสงสีและศิลปะผสมผสาน ตลอดจนกิจกรรมอื่น ๆ ที่จัดขึ้นร่วมกับผู้จำหน่าย
พร้อมกันนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังได้มุ่งมั่นพัฒนาบุคลากร โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการมอบผลิตภัณฑ์และการบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า ทั้งนี้สถาบันการศึกษาและฝึกอบรม หรือ EA คือศูนย์กลางการดำเนินงานเพื่อพัฒนาความรู้และทักษะ โดยในปีที่ผ่านมาทางบริษัทฯ ยังได้ลงทุนเพื่อพัฒนากระบวนการเรียนรู้ผ่านระบบการจัดการการฝึกอบรม (TMS) และระบบการเรียนรู้ออนไลน์ (e-Learning)
เพื่อบรรลุเป้าหมายการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดให้มากกว่า 9 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2563 มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังคงมุ่งเน้น 3 ปัจจัยแห่งความสำเร็จ ได้แก่ 1) การให้ความสำคัญกับลูกค้า 2) การปรับปรุงพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่าย และ 3) การพัฒนาบุคลากร โดยยกระดับการดำเนินงานของผู้จำหน่ายสู่มาตรฐานขั้นสูงอย่างต่อเนื่อง พร้อมปรับภาพลักษณ์โชว์รูม และศูนย์บริการทั่วประเทศให้เป็นไปตามมาตรฐานระดับโลกของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ด้วยอัตลักษณ์ใหม่ เพื่อส่งมอบประสบการณ์เหนือระดับให้แก่ลูกค้าในทุกช่องทาง พร้อมกับขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายเพิ่มเป็น 245 แห่งทั่วประเทศ
สำหรับด้านการผลิต บริษัทฯ จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยการสร้างโรงพ่นสีแห่งใหม่ พร้อมปรับปรุงการปฏิบัติงานในขั้นตอนเชื่อมตัวถังและขั้นตอนการประกอบ โดยมีแผนการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ และระบบอัตโนมัติมาประยุกต์ใช้เพื่อยกระดับคุณภาพ ประสิทธิภาพ และยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในกระบวนการผลิต
สุดท้ายมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ในฐานะหนึ่งในผู้นำด้านระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้าระดับโลก มีแผนที่จะผลิต มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี รถพลังงานไฟฟ้าประเภทปลั๊กอินไฮบริด ที่โรงงานผลิตที่แหลมฉบังในปี 2564 ด้วยเงินลงทุนมากกว่า 3,130 ล้านบาท และยังส่งเสริมผู้ผลิตชิ้นส่วนภายในประเทศด้วยการจัดหาและใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศเป็นหลัก
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th