มานะ พรศิริเชิด กับตำนานบทใหม่ ของ MITSUBISHI RALLIART
มานะ พรศิริเชิด กับตำนานบทใหม่ ของ MITSUBISHI RALLIART ที่จะยังคงอยู่ต่อไปไม่สิ้นสุด
ตำนานแชมป์ของ MITSUBISHI RALLIART แต่ละครั้งนั้น เกิดจากความท้าทาย โดยที่เป้าหมาย ไม่ใช่แค่ “ชัยชนะ” เพื่อรางวัล แต่ “ชนะ” เพื่อสั่งสมประสบการณ์ และสร้างสถิติใหม่ ด้วยบทพิสูจน์บนสนามสุดโหด ส่งต่อ DNA สายเลือดแชมป์ กับสุดยอดเทคโนโลยีจากสนามแข่งสู่ทุกการใช้งานจริง สมรรถนะ และความแกร่ง ระดับตำนาน ที่ทำให้ทุกเส้นทางควบคุมได้อย่างแชมป์ สู่ทุกเป้าหมาย เพื่อสร้างตำนานบทใหม่ ต่อไปไม่สิ้นสุด
ซึ่งสำหรับตำนานแชมป์ ที่มีความผูกพันกับ MITSUBISHI RALLIART เราได้รับเกียรติมาร่วมพูดคุย ถึงตำนานที่จะกลับมาอีกครั้งนั้น และจะยังคงอยู่ต่อไปไม่สิ้นสุด ซึ่งนักแข่งระดับ Dakar Rally ของ MITSUBISHI RALLIART คนนี้คือ หนึ่ง-มานะ พรศิริเชิด
มานะ พรศิริเชิด เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการเข้ามาอยู่ใน RALLIART ว่า เขาได้คำชักจูงจากคุณชยุส ยังพิชิต ผู้ที่กำลังฟอร์มทีม Mitsubishi ขึ้นมาใหม่
“ตอนนั้นผมเริ่มกลับเข้ามาแข่งแรลลี่ แล้วพี่เทิร์ก ชยุส ยังพิชิต กำลังจะฟอร์มทีม Mitsubishi ขึ้นมาใหม่ เป็นทีม MITSUBISHI RALLIART ทีม Thailand ซึ่งตอนนั้นที่เข้ามาขับยุคแรกๆ ยังเป็นการใช้ Mitsubishi Strada ในการแข่งขัน
ขับไปได้สักหนึ่งปี มีนักแข่งทีชื่อว่า Mr. Fontone กับ Mr. Matsuoka ซึ่งเป็นนักแข่งชาวญี่ปุ่น ซึ่งสองคนนี้ เป็นแชมป์ Darka Rally สมัยนั้น ให้มาเมืองไทย เพื่อมาจัดเทรนนิ่ง มาสอนนักแข่ง ว่าการขับรถแข่ง ครอสคันทรี ที่ดี ต้องเป็นลักษณะไหน แต่จริงๆ แล้วการเทรนนิ่งครั้งนั้นเป็นการคัดเลือกนักแข่ง เพื่อไปแข่ง Darka Rally ซึ่งตอนนั้นมีนักแข่งอยู่ 11 คน ที่ได้คัดเลือกไปแข่งขัน และผมเป็นหนึ่งในนั้น ที่ได้เข้าร่วมอบรมในการทดสอบครั้งนั้น แต่ผลสุดท้ายที่คะแนนออกมา ผมได้คะแนนที่ได้เป็นตัวแทนเข้าไปแข่ง Darka Rally ในปี 2006”
ความรู้สึกครั้งแรกที่ได้สัมผัสการแข่งขันรายการ Darka Rally
“Darka Rally ในปีแรก 2006 จะเป็นเส้นทางที่แข่งจาก โปรตุเกสไป เซเนกัล ซึ่งทางจะเจอทั้ง หินและทราย ซึ่งค่อนข้างโหด พอฝึกซ้อมในปีแรกเสร็จ ปีแรกที่ไปร่วมการแข่งขันในปี 2006 ไปถึงครั้งแรกจะรู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะการแข่งขันเป็นการแข่งขันระดับโลกที่เป็นความฝันตั้งแต่เด็ก ที่เราอยากจะไปแข่ง ในงานนี้มีคนดูเยอะมาก พอเขาเห็นว่าเราเป็นทีม RALLIART ซึ่งเป็นตัวเต็งสมัยนั้น เพราะ RALLIART เป็นทีมที่ได้แชมป์มาตลอด เขาก็ให้ความสนใจนักแข่ง ถึงแม้จะเป็นคนไทย เขาก็ให้ความสนใจเรามาก
ซึ่งตอนนั้นทาง MITSUBISHI ได้นำ Triton มาทำ เป็นการพัฒนาตัวใหม่ขึ้นมา โดยทาง RALLIART เขามองว่าในการแข่งขัน คือห้องทดลองสมรรถนะของรถ เพื่อทำรถมาผลิตให้กับผู้บริโภคทั่วไปได้ใช้ เราใช้ Triton มาอยู่ 2 ปี (2016 – 2017) โดย 2 ปีต่อมา ได้เปลี่ยนเป็น Pajero และใช้เครื่องยนต์ตัวเดียวกัน แต่เปลี่ยนบอดี้”
ประสบการณ์ในสนามสุดหฤโหด
“ในการแข่งขัน Darka นักแข่งต้องมีสติตลอดเวลา เผลอไม่ได้ เพราะเส้นทางค่อนข้างโหด ซึ่งในแต่ละวัน เริ่มแข่งตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า บางวันถ้าเราทำเวลาไม่ดี อาจจะกลับมาถึง Service ประมาณสี่ทุ่ม ซึ่งทีมงานแต่ละคนก็ต้องรอทำรถให้เราทั้งคืน เพื่อให้วิ่งต่อไปในวันรุ่งขึ้น ดังนั้นสภาพร่างกายก็เริ่มถดถอยลง ในเรื่องของกำลัง เพราะขับรถวันละประมาณ 8-10 ชั่วโมงหรือประมาณ 800 กิโลทุกวัน ฉะนั้นสภาพความโหดของ Darka ที่สุดแล้วคือเรื่องของสภาพเส้นทาง และสภาพอากาศ”
หัวใจสำคัญของการเป็นแชมป์
หัวใจสำคัญ คือ ทีม Service ครับ ต่อให้นักแข่งเก่งแค่ไหน ถ้าทีม Service ไม่ดี รถไม่ดี ไม่มีความพร้อมในการแข่งขัน ชัยชนะไม่เกิดแน่นอน
หนึ่งในเรื่องราวของเส้นทางสู่ความเป็นแชมป์ที่ยังยืนหยัดอยู่คู่กับวงการการแข่งขันมาอย่างยาวนานของ มานะ พรศิริเชิด ผู้ที่มองว่า RALLIART คือการแข่งขันของ Mitsubishi ที่เป็นทีมแข่งในฝันของเขาตั้งแต่เด็ก แน่นอนว่า RALLIART จึงไม่ใช่แค่สำนักแต่งรถแข่งทั่วไป แต่มันคือจิตวิญญาณแห่งการแข่งขัน สำหรับทุกคน