ประสบการณ์ใน Dakar Rally ภายใต้ทีม MITSUBISHI RALLIART
ประสบการณ์ใน Dakar Rally ภายใต้ทีม MITSUBISHI RALLIART THAILAND กับอดีตนักแข่งทีม MITSUBISHI RALLIART THAILAND ตัวแทนประเทศไทย ในสนามครอสคันทรี่สุดยิ่งใหญ่ระดับโลก Dakar Rally
RALLIART ถือเป็นหัวใจสำคัญของ Mitsubishi ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2527 เพื่อดำเนินกิจกรรมทางด้านกีฬารถยนต์ของบริษัท หรือหากเทียบกับยุคนี้อาจเรียกว่าเป็นแบรนด์แห่งวงการมอเตอร์สปอร์ต นอกจากนี้ยังเป็นต้นแบบในการพัฒนา คิดค้น และผลิตชิ้นส่วนให้กับรถแข่งภายใต้แบรนด์ Mitsubishi ระดับโลกอีกด้วย ทำให้ RALLIART มีชื่อเสียงไม่เฉพาะในสนามแข่ง แต่ยังปลุกจิตวิญญาณแห่งการแข่งขันให้กับผู้ใช้รถยนต์ทั่วไปอีกด้วย ทำให้ในทีมนี้ จำเป็นต้องคัดเอานักแข่งฝีมือดีจริงๆ เข้ามาร่วมทีม
ซึ่งผู้ที่มีประสบการณ์ใน Dakar Rally ภายใต้ทีม MITSUBISHI RALLIART THAILAND ก็คืออดีตนักแข่งทีม MITSUBISHI RALLIART THAILAND ตัวแทนประเทศไทย ในสนามครอสคันทรี่สุดยิ่งใหญ่ระดับโลก Dakar Rally ที่เราได้รับเกียรติมาร่วมพูดคุยด้วยในครั้งนี้
ส่วนการแข่งขันแรลลี่ ถือเป็นกิจกรรมแห่งความอดทนแบบออฟโรด ภูมิประเทศที่คู่แข่งเคลื่อนผ่านนั้นยาก ยานพาหนะที่ใช้มักเป็นยานยนต์และจักรยานยนต์แบบเดิม แทนที่จะเป็นรถที่ถูกปรับแต่งเครื่องยนต์มา เพื่อคล้ายกับการเป็นการทดสอบสมรรถนะของรถยนต์ที่แท้จริง ด้วยสนามทดสอบการแข่งขันสุดหฤโหด ทั้งการวิ่งผ่านถนน ข้ามโคลนหญ้า เนินทราย แก่งหิน กับระยะทางที่แตกต่างกันไปตั้งแต่ 500 – 800 กิโลเมตรต่อวัน
ตำนานแชมป์ของ MITSUBISHI RALLIART แต่ละครั้งนั้น เกิดจากความท้าทาย โดยที่เป้าหมาย ไม่ใช่แค่ “ชัยชนะ” เพื่อรางวัล แต่ “ชนะ” เพื่อสั่งสมประสบการณ์ และสร้างสถิติใหม่ ด้วยบทพิสูจน์บนสนามสุดโหด ส่งต่อ DNA สายเลือดแชมป์ กับสุดยอดเทคโนโลยีจากสนามแข่งสู่ทุกการใช้งานจริง สมรรถนะ และความแกร่ง ระดับตำนาน ที่ทำให้ทุกเส้นทางควบคุมได้อย่างแชมป์ สู่ทุกเป้าหมาย เพื่อสร้างตำนานบทใหม่ ต่อไปไม่สิ้นสุด
สำหรับตำนานมีความผูกพันกับ MITSUBISHI RALLIART ที่เราได้รับเกียรติมาร่วมพูดคุย ถึงตำนานที่จะกลับมาอีกครั้งนั้น คือนักแข่งระดับ Dakar Rally ของทีม MITSUBISHI RALLIART THAILAND
ศักดิ์ชัย ห่านตระกูล อดีตนักแข่งทีม MITSUBISHI RALLIART THAILAND ตัวแทนประเทศไทย ในสนามครอสคันทรี่สุดยิ่งใหญ่ระดับโลก Dakar Rally ที่วันนี้ได้ให้เกียรติมาแชร์ประสบการณ์สุดหฤโหดในการแข่งขัน รวมถึงเรื่องราวความผูกพันในฐานะนักแข่ง และความหลงรักใน RALLIART ที่กำลังจะกลับมาปลุกตำนาน จิตวิญญาณแห่งชัยชนะ อีกครั้ง
ประสบการณ์ในสนามสุดหฤโหดในสนาม Dakar Rally
“อากาศที่นั่นจะร้อนมาก โดยเฉพาะเวลากลางวัน แต่กลับกันตกกลางคืนก็เย็นจัด ระหว่างการแข่งขัน เม็ดทรายปลิวเหมือนหิมะตก วิสัยทัศน์ที่เราเห็นด้านหน้าจะเป็นฝุ่นทรายฟุ้งไปหมด”
“เพราะสำหรับสนาม Paris Dakar การแข่งขัน Dakar เป็นการแข่งขันที่ไม่ใช่ทรายเปิด พอสตาร์ท เขาจะมีข้อมูลมาให้ เพื่อให้ผู้นำทางบอกเราตามระยะทาง ส่วน GPS เส้นทางของการแข่งขันเขาจะป้อนให้ เพื่อให้เราวิ่งไปตามเส้นทางที่เขาบอก เราจะขับวันละประมาณ 400 – 500 กิโลเมตร บางวันก็ 700 – 800 กิโลเมตร แล้วแต่สภาพ ถ้าเป็นระยะที่ไกลแบบนี้ เส้นทางจะค่อนข้างขับง่ายหน่อย ถ้าระยะสั้น สภาพภูมิศาสตร์ของเขาจะเป็นพวกภูเขาหิน ซึ่งส่วนปัญหาที่เจอส่วนมากจะเป็นที่ยาง ยางจะแตกบ่อย เพราะเจอหินบนภูเขาหิน
ซึ่งในการแข่งขันครั้งนี้ ผมค่อนข้างมั่นใจ เพาะรถเราค่อนข้างทำมาดี สมบูรณ์มาก แต่ด้วยสภาพแวดล้อมตรงหน้า เราไม่สามารถควบคุมได้ ปัญหาที่เจอค่อนข้างหนัก สำหรับผมในครั้งนั้นเป็นเหตการณ์ที่ผมแข่งผ่านมาได้สัก 13 วัน แล้วอันดับอยู่ที่ 2 ในรุ่น และมีที่สามเป็นชาวฝรั่งเศสตามหลังอยู่ประมาณ 2 ชั่วโมง บังเอิญว่าในวันนั้น สตาร์ทออกจากเมืองที่สตาร์ทวันแรกประมาณ 30 กิโลเมตร น้ำมันยังเยอะอยู่ แล้วไปเจอการทำทางใหม่ ผมก็ลงไปในฝายน้ำ พอลงไปแล้วรถกระแทก เมื่อกลับขึ้นมา ปรากฏว่ากระจกแตก ผมก็เปลี่ยนกระจก วิ่งต่อได้ แล้วขับต่อมาไปเจอแม่น้ำ ที่รถติดตรงนี้กันเยอะมาก ทีมแข่งเขาก็สั่งยกเลิกเส้นนี้ไป ทุกคันวิ่งฟรีรันไป ไม่คิดเวลา พอไปถึงอีกเมือง พวกทีมเซอร์วิสเขาเข้ามาไม่ได้ เมื่อไปถึงแล้ว เราไม่มีอะไหล่ในการเปลี่ยน กระจกเสียนิดเดียว กรรมการเขาบอกว่าอันตรายไม่ให้วิ่ง
ตอนนั้นผู้จัดการทีมเครียดมาก เพราะจะจบอยู่แล้ว เขารู้สึกว่าเสียโอกาส เพราะเราแข่งมาจนจะจบอยู่แล้ว หลังจากวันนั้นก็จบที่ 2 ในรุ่น ซึ่งเสียดายมากๆ ครับ ผมเชื่อว่าถ้าเรามีโอกาสได้ไปต่อ เราก็มีโอกาสที่จะชนะได้ ดังนั้น หัวใจสำคัญของนักแข่งเลยคือ คนขับต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา ต้องไม่เร็วจนเกินไป และต้องแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้าให้ได้แบบทันควัน”
ความผูกพันที่มีกับ RALLIART
“ผมเริ่มเข้ามาใน RALLIART จากรุ่น Mitsubishi Laser ในแชมป์ประเทศไทย ตอนนั้นแข่งในนามส่วนตัว ออกสตาร์ทที่เบอร์ 40 กว่า ครึ่งแรกไปจบที่ 5 Over All ครั้งแรกเป็นตัวขับเคลื่อนสี่ล้อ แล้วบังเอิญทางทีม ยามาโมโต ทำทีม RALLIART อยู่ และตอนนั้นมีคุณเอก พรสวรรค์แข่งอยู่ แล้วเขาเห็นว่าเราลงแข่ง เขาเลยชวนมาอยู่ในทีม RALLIART ตอนแรกก็ซัพพอร์ทเรื่องยาง และโช้คอยู่ ตอนหลังเริ่มขยับเข้าไปสังกัดทีม RALLIART รถคันแรกที่แข่งจะเป็น Mitsubishi Champ สักพักก็เริ่มขยับเป็น VR4 และขึ้นมาเป็น Evolution ตั้งแต่ 1-5 ครับ”
RALLIART กับการกลับมาอีกครั้งของตำนานบทใหม่ ที่จะยังคงอยู่ต่อไปไม่สิ้นสุด
“ในความคิดผม Mitsubishi ต้องเป็น RALLIART เท่านั้น มันเป็นมากกว่าชุดแต่ง หรือสำนักแต่งรถ แต่มันคือความเป็นตัวตนของ Mitsubishi ซึ่งช่วงหลัง RALLIART ได้หายไปประมาณ 2-3 ปี ถือเป็นช่วงเวลาที่แฟนๆ Mitsubishi รู้สึกเงียบเหงา แต่พอมาปีนี้ ที่วงการ RALLIART กลับมา เขาก็จะเริ่มมีงานแข่งกลับมา ผมคิดว่าความสนุกจะกลับมาอีกครั้ง เพราะ RALLIART ทำทั้งที เขาไม่มีธรรมดาอยู่แล้ว”
แน่นอนว่านี่คือการการันตีความยิ่งใหญ่ระดับตำนานของ RALLIART ที่ถูกวางรากฐานมาอย่างแข็งแกร่งในสมรภูมิแห่งการแข่งขันระดับโลก จนกลายมาเป็นจิตวิญญาณแห่งชัยชนะที่ถูกฝังอยู่ในตัวทุกคน
“ปลุกตำนาน จิตวิญญาณแห่งชัยชนะ…
…ตำนานที่ยิ่งใหญ่ กลับมาอีกครั้ง”
เรื่อง : สัญชวัล จินดารัศมี
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ได้ที่ www.grandprix.co.th