MITSUBISHI TRITON & PAJERO SPORT ขับรถเที่ยวกาญจนบุรี ฉลอง 130 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูต ไทย-ญี่ปุ่น
ห่างหายไปพักใหญ่สำหรับมิตซูบิชิ ทำเอาแฟนๆ ค่ายนี้คิดถึงสินค้าใหม่ หวังว่าสิ้นปีนี้จะมีอะไรมานำเสนอให้ตื่นเต้นกันบ้าง มีข่าว “เอ็กซ์แพนเดอร์” คอมแพกต์ 7 ที่นั่ง รอจ่อเปิดตัว ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี เพราะหลายอย่างที่เห็น เมืองนอกมิตซูบิชิได้ทำงานร่วมกับหลายค่าย ไปคบกับรถไฟฟ้าแล้วนิ แต่ไทยละ ว่าไงดี? ล่าสุดปีนี้ก็ไม่ยอมน้อยหน้าคู่แข่ง พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่มานำเสนอใหม่ แม้จะมีรถยนต์ภายใต้แบรนด์มิตซูบิชิ ไม่กี่รุ่น อย่างงานล่าสุดเป็นคิวของอีโคคาร์ “มิราจ” และ “แอททราจ” ที่ปรับใหม่ รวมทั้งปล่อย “ไทรทัน ลิมิเต็ด” ออกขาย ถามว่าวันนี้คนมิตซูฯเป็นอย่างไร ก็ยังคงยิ้มได้ เพราะยอดขาย ยอดส่งออก ยังเดินสม่ำเสมอ ส่วนปีนี้พระเอกต้องยกให้ “ปาเจโร สปอร์ต” ตามด้วยปิกอัพ “ไทรทัน” ที่ยังสร้างยอดขายเต็มเม็ดเต็มหน่วยให้ชื่นใจกันได้บ้าง พร้อมกับได้ฤกษ์งามยามดีกับงาน “ความสัมพันธ์ทางการทูต 130 ปี ไทย-ญี่ปุ่น” จัดคาราวานทดสอบพาชมประวัตศาสตร์ระหว่าง 2 ประเทศ ที่จังหวัดกาญจนบุรี
ได้เวลาเดินทางกับ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ และ มิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ ในรูปแบบคาราวาน เพื่อร่วมกระชับความสัมพันธ์ ไปชื่นชมความงามของจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะเมืองแห่งประวัติศาสตร์ พูดถึงจังหวัดนี้หลายคนคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วกับแลนด์มาร์คจุดสำคัญต่างๆ ด้านการท่องเที่ยว แต่สิ่งที่มิตซูบิชิพาพวกเราร่วมเดินทางมา ต้องยอมรับว่าไม่เคยรู้ว่ามีอยู่ กับสวนสันติภาพชินโตะ ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำแควใหญ่ ขับรถมาทางลาดหญ้า ลองหาพิกัดได้ในกูเกิล โดยจุดหมายนี้ถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่พิสูจน์ถึงความสัมพันธ์อันดีที่มีมาจนถึงทุกวันนี้ สวนสันติภาพชินโตะหรือสวนชินโตะ ก่อตั้งขึ้นในปี 2538 ในโอกาสที่สงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ยุติลงครบ 50 ปี เพื่อแสดงให้เห็นถึงความปรารถนาดีให้เกิดสันติภาพไปทั่วภูมิภาคเอเชียอย่างยั่งยืน นอกจากนั้น สวนชินโตะยังเป็นแหล่งเรียนรู้วัฒนธรรมและประเพณีของชาวญี่ปุ่นในสมัยก่อนอีกด้วย
ทีมงานมิตซูบิชิยังได้ตกแต่งรถด้วยตราสัญลักษณ์ “มวยไทยชิ (Muay Thaishi)” เป็นชื่อของตัวมาสคอต หรืออีกหนึ่งตราสัญลักษณ์ในวาระครบรอบ 130 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูต ไทย-ญี่ปุ่น ในปี 2560 นี้ “มวย ไทยชิ” มีความหมายต่างๆ สอดแทรกอยู่มากมาย อย่างเช่น คำว่า “ไท” หรือ “ไทย” ในภาษาญี่ปุ่น มีความหมายว่า “ปลากะพงแดง” ซึ่งถือเป็นปลามงคลที่จะต้องถูกจัดเอาไว้ในสำรับของทุกพิธีสำคัญ รวมไปถึงพิธีแต่งงานของชาวญี่ปุ่น เพราะชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าจะนำพาความโชคดีมาให้ และเมื่อชาวญี่ปุ่นกล่าวถึงประเทศไทยก็จะนึกถึงศิลปะ “มวยไทย” ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ของชาติไทยเรา อีกทั้งคำว่า “ท่านทูต” ในภาษาญี่ปุ่นจะออกเสียงว่า “ไทชิW และเมื่อนำคำพ้องเสียงและความหมายทั้งหมดมารวมกัน จึงกลายเป็นที่มาของชื่อมาสคอต “มวยไทยชิ”
นอกจากนี้ยังมีตราสัญลักษณ์ 130 ปี ถูกออกแบบให้เป็นการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างสัญลักษณ์ของไทย ได้แก่ ช้างบนลายธงไตรรงค์ และดอกซากุระบนพระอาทิตย์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของญี่ปุ่น โดยภาพรวมมีลักษณะคล้ายเครื่องหมายอนันต์ หรือ Infinity (∞) ซึ่งแทนความไม่มีที่สิ้นสุดของความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น
หลังจากที่ออกจากสวนชินโตะ แวะสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดถ้ำเสือ รวมไปถึงลิ้มลองอาหารเลิศรสจากร้านอาหารที่มีชื่อเสียงในท้องถิ่น โดยมี มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ และ มิตซูบิชิ ไทรทัน ใหม่ ให้ความสะดวกสบายตลอดการเดินทาง ทั้งด้านการขับขี่และการโดยสาร ทั้งสองรุ่นเหมาะเป็นรถสำหรับนักเดินทางตัวจริง ด้วยสภาพถนนกว่า 250 กม. ที่ต้องฝ่าการจราจรคับคั่ง ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ แต่ถนนที่ไม่สมบูรณ์เป็นหลุมเป็นบ่อ ด้วยบุคลิกรถที่สูง ทำให้ขับผ่านได้สบายมาก ทั้ง 2 รุ่นใช้เครื่องยนต์ MIVEC Clean Diesel ขนาด 2.4 ลิตร มาพร้อมกับ VG Turbo และ Intercooler ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ถือว่าเป็นระดับความจุยอดนิยม ไม่ใหญ่จนเกินไป และไม่เล็กจนไม่มีแรง ยังคงให้สมรรถนะที่ดี และประหยัดน้ำมัน ตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้ตรงจุด
ทีมงานกรังด์ปรีซ์ได้รับกุญแจไทรทัน ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งคุ้นเคยกันดีมาแต่ไหนแต่ไร ได้เห็นพัฒนาการของรถรุ่นนี้มาตลอด ตั้งแต่ L200 มาเป็นสตราดา จนเข้าสู่ยุคปัจจุบันกับ “ไทรทัน” ที่ได้เพิ่มชุดเกียร์เดียวกับปาเจโรเข้ามาเมื่อช่วงก่อน พร้อมดริฟล็อก โดยวัตถุประสงค์ในรอบนี้มิตซูบิชิต้องการแนะนำอุปกรณ์ความปลอดภัยที่อัดแน่นหลายรายการ ทั้งระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว พร้อมระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล ASTC ระบบเบรกแบบ ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ EBD และระบบเสริมแรงเบรก BA ให้ทุกสถานการณ์อยู่ภายใต้การควบคุม
แต่พระเอกของเราอยู่ที่ “มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่” ที่ได้สัมผัสในเวลาต่อมากับระบบล็อคความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ ACC ทำงานร่วมกับระบบเตือนการชนด้านหน้าตรงพร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว FCM และระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว UMS พร้อมสร้างความมั่นใจให้ผู้โดยสาร ว่าทุกคนจะได้รับการปกป้อง ซึ่งระบบเหล่านี้ผู้ขับขี่สามารถลองเล่นได้จากการใช้งานจริง เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับสิ่งที่มีอยู่ หลายคนมีรถที่มีฟังก์ชันหลายอย่างแต่ไม่ได้ใช้ เมื่อถึงเวลาระบบทำงาน ตกใจได้ง่ายๆ แม้แต่ระบบ ABS ก็ตาม ดังนั้น ควรศึกษาคู่มือให้ดี จากนั้นคาราวานทั้งหมดเข้าที่พักดื่มด่ำกับบรรยากาศริมแม่น้ำในวันฝนตก เป็นอันเสร็จภารกิจในทริปนี้ กาญจนบุรียังมีอีกหลายมุมที่เรายังไม่เคยเห็น ถ้ามีเวลาจะกลับมาใหม่
เรื่อง : ณัฐพล จีระมงคลกุล
ภาพ : มิตซูบิชิ ประเทศไทย
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th