MOTOR SHOW 2022 ดันกระแสรถไฟฟ้าคึกคัก ยอดจองในงานทะลุ 3,000 คัน
MOTOR SHOW 2022 ดันกระแสรถไฟฟ้าคึกคัก ยอดจองทะลุ 3,000 คัน 2 แบรนด์จีนมาแรงหลังภาครัฐหนุน แข่งกันกวาดยอดเกินครึ่ง ค่ายยุโรปจองรวมกว่า 600 คัน
บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 ปิดฉากลงไปอย่างคึกคัก ด้วยการเป็นงานจัดแสดงรถยนต์ที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการจองทั้งรถยนต์และจักรยานยนต์ ภายในระยะเวลา 12 วัน ไปมากถึง 33,936 คัน แบ่งเป็นรถจักยานยนต์จำนวน 2,040 คัน รถยนต์จำนวน 31,896 คัน
จากการที่ค่ายรถยนต์เริ่มให้ความสำคัญกับรถในกลุ่มพลังงานไฟฟ้ามากยิ่งขึ้นในปัจจุบัน ส่งผลให้ภายในงานครั้งนี้มีการนำเสนอรถพลังงานไฟฟ้ามากถึง 20 รุ่น ประกอบกับภาครัฐเริ่มมีนโยบายในการสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ด้วยการส่งเสริมผ่านการมอบส่วนลดต่าง ๆ ส่งผลให้ยอดจองรถยนต์ภายในงานกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ เป็นยอดจองรถพลังงานไฟฟ้าซึ่งมีตัวเลขรวมกันอยู่ที่ 3,084 คัน
โดยมีรายงานตัวเลขยอดจองที่เปิดเผยจากทางค่ายรถยนต์ที่เข้าร่วมงาน MOTOR SHOW 2022 ดังนี้
- MG มียอดจองรถไฟฟ้าจำนวน 1,300 คัน (แบ่งเป็นรุ่น MG EP PLUS ประมาณ 60% รุ่น MG ZS EV ประมาณ 40% )
- GWM มียอดจองรถไฟฟ้าจำนวน 1,136 คัน (รุ่น ORA GOOD CAT)
- VOLVO มียอดจองรถไฟฟ้าจำนวน 385 คัน (รุ่น C 40 และ รุ่น XC 40)
- BMW มียอดจองรถไฟฟ้าจำนวน 112 คัน
- MINI มียอดจองรถไฟฟ้าจำนวน 58 คัน
- Porsche มียอดจองรถไฟฟ้าจำนวน 58 คัน
- NISSAN มียอดจองรถไฟฟ้าจำนวน 19 คัน
- AUDI มียอดจองรถไฟฟ้าจำนวน 10 คัน
- TAKANO มียอดจองรถไฟฟ้าจำนวน 6 คัน
นายจาตุรนต์ โกมลมิศร์ รองประธานจัดงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43” เผยว่า จากตัวเลขยอดจองที่เกิดขึ้นภายในงานครั้งนี้แสดงให้เห็นได้ว่าเมื่อหลายฝ่ายมีความพร้อม ทั้งการสนับสนุนจากภาครัฐ ภาคเอกชนกล้าลงทุนในการนำรถไฟฟ้าเข้ามาจำหน่าย ไปจนถึงความมั่นใจของผู้บริโภค ก็สามารถสร้างความต้องการและอยากใช้งานรถไฟฟ้าได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งจากจำนวนรถไฟฟ้าที่เข้ามาร่วมจัดแสดงภายในงานมากกว่า 20 รุ่น โดยมีหลายรุ่นที่เป็นรถโปรโตไทป์ เชื่อว่าเมื่อนำมาจำหน่ายจริงในอนาคตจะสามารถกระตุ้นความมั่นใจและสร้างความต้องการของผู้บริโภคให้เข้าถึงรถไฟฟ้าได้อีกมาก
อย่างไรก็ตาม แม้งานมอเตอร์โชว์จะมีส่วนช่วยกระตุ้นให้เกิดการจับจองรถไฟฟ้า แต่สิ่งสำคัญคือ การออกนโยบายสนับสนุนของภาครัฐในครั้งนี้ ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย อย่างชัดเจน ทั้งด้านของการช่วยกระตุ้นผู้บริโภคให้มีความสนใจและมีความต้องการที่จะเป็นเจ้าของเนื่องราคาจำหน่ายที่ถูกลง เข้าถึงผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีใหม่อย่างรถไฟฟ้าได้ง่าย
อีกด้าน คือ เมื่อผู้ผลิตและผู้จำหน่ายมีมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐที่ชัดเจน ก็มีความมั่นใจและกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในการทำตลาดรถไฟฟ้าในประเทศไทยมากขึ้น นับเป็นความชัดเจนที่แสดงผ่านทุกฝ่ายว่าเป็นการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้เป็นศูนย์ กลางของรถไฟฟ้าในอาเซียนอีกด้วย
ทั้งนี้ ด้วยตัวเลขยอดจองในปีนี้มีการเติบโตขึ้นจากปีก่อน จึงเชื่อว่ากำลังซื้อของคนไทยที่อยากได้รถยนต์คันใหม่ไม่ได้หายไป แต่รอเวลาที่เหมาะสม เมื่อมีแคมเปญและโปรโมชั่นของค่ายรถที่น่าสนใจและช่วยให้ทุกคนเป็นเจ้าของรถคันใหม่ได้ง่ายขึ้น ผู้บริโภคก็สามารถเลือกรถที่เหมาะสมกับความต้องการได้ และไม่ใช่แค่เพียงรถไฟฟ้า 100% ที่ได้รับความสนใจ แต่รถในกลุ่ม Hybrid Plug-in Hybrid ก็สามารถสร้างยอดจองได้เป็นจำนวนมาก เพราะเกือบทุกค่ายก็มีกลุ่มสินค้าประเภทดังกล่าวนำมาร่วมจัดแสดง และมีรถพร้อมรองรับความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดีอีกด้วย