NETA : CAR OF THE YEAR 2024
BEST EV SUBCOMPACT HATCHBACK
“การได้แชมป์มันเป็นเรื่องยาก แต่การรักษาไว้นั้น ยากยิ่งกว่า” …และนี่คือสิ่งยืนยันในความยอดเยี่ยมของ NETA V ซึ่งคว้ารางวัล BEST EV SUBCOMPACT HATCHBACK ไปอีกครั้ง จากงาน Thailand Car Of The Year 2024
NETA V ยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าอัจฉริยะ 100% เป็นผลงานแห่งความทุ่มเทในการสร้างสรรค์เพื่อผู้คน โดยให้ความสำคัญสูงสุดกับการคิดค้น วิจัย และพัฒนายานยนต์พลังงานไฟฟ้า ด้วยเป้าหมายเพื่อให้ทุกคนมีสิทธิเข้าถึงเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าที่มีนวัตกรรมขั้นสูงได้อย่างเท่าเทียม ด้วยจุดเด่นในสไตล์ City Car ภายใต้แนวคิด Touchable Smart EV ที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้
NETA V มากับมิติตัวถังความยาว 4,070 มม. ความกว้าง 1,690 มม. ความสูง 1,540 มม. และระยะฐานล้อที่ 2,420 มม. พร้อมดีไซน์ภายนอกตามหลักอากาศพลศาสตร์ ด้วยแรงบันดาลใจจากปลาโลมา (Dolphin Streamline) เสริมด้วยออปชันล้ำสมัย ซึ่งประกอบด้วย ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบฮาโลเจน พร้อมระบบเปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ, ระบบไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (Daytime Running Lights) แบบ LED, ไฟท้าย พร้อมไฟเบรกดวงที่ 3แบบ LED และสปอยเลอร์หลังทรงสปอร์ต
ภายในห้องโดยสารเน้นความเรียบง่าย สไตล์ Hi-Tech Minimalist Concept และงานดีไซน์เบาะนั่งตามหลักสรีรศาสตร์ Ergonomic Zero Gravity Seat พร้อมฟังก์ชันอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น หน้าจอมาตรวัดแบบดิจิทัลขนาด 12 นิ้ว พร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน, ระบบปรับอากาศควบคุมผ่านหน้าจอระบบสัมผัส พร้อมระบบกรองอากาศ N95
หน้าจอ Infotainment ระบบสัมผัส ขนาดใหญ่ 14.6 นิ้ว ที่ควบคุมการทำงานฟังก์ชันต่างๆ ได้ง่ายดาย ทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อได้ทั้งระบบปฏิบัติการ Android Auto และ iOS ตลอดจนระบบกุญแจอัจฉริยะ (Smart Key) พร้อม Ride & Go function ไปจนถึงความอเนกประสงค์จากห้องเก็บสัมภาระด้านหลัง ขนาด 335 ลิตร ซึ่งสามารถเพิ่มความจุได้มากถึง 552 ลิตร เมื่อพับเบาะนั่งด้านหลัง
สมรรถนะที่ส่งให้ NETA V ครองแชมป์จาก Thailand Car Of The Year 2024 ไปอีกครั้งในปีนี้ ประกอบด้วยแบตเตอรี่ Lithium-ion กำลังสูงสุด 70 กิโลวัตต์ หรือราวๆ 95 แรงม้าพร้อมแรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์ไฟฟ้า (Electronic Shifter) สร้างความเร้าใจด้วยอัตราเร่งจาก 0-50 กม./ชม. ต่ำกว่า 3.9 วินาที สามารถทำระยะทางการวิ่งสูงสุดได้ถึง 384 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC
ทั้งยังมากับระบบ Regenerative Systems เพื่อสร้างพลังงานกลับคืนเมื่อชะลอรถหรือเบรก พร้อมด้วยระบบการจัดการอุณหภูมิของแบตเตอรี่ (HEPT 3.0) และระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ (Liquid Cooling System) เพื่อช่วยให้แบตเตอรี่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รองรับการชาร์จได้ทั้งแบบ Normal Charge(AC) แบบ Type 2 ไฟกระแสสลับ ผ่าน NETA Wall Box ใช้เวลาชาร์จ 0% – 100% ประมาณ 8 ชั่วโมง หรือ Quick Charge (DC) แบบ CCS ผ่านตู้ชาร์จสาธารณะ ซึ่งจะใช้เวลาชาร์จจาก 30% – 80% ประมาณ 30 นาทีเท่านั้น ขึ้นอยู่กับระดับแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่ และกำลังไฟของสถานีชาร์จ ทั้งยังสามารถปล่อยไฟฟ้าสู่ภายนอก ผ่านระบบ V2L (Vehicle to Load) ได้อีกด้วยเช่นกัน
และไม่ใช่แค่เรื่องของสมรรถนะเท่านั้น ที่ชนะใจคณะกรรมการอย่างไร้ข้อสงสัย เพราะหนึ่งในใจความสำคัญ คือระบบความปลอดภัยที่ครบครัน ช่วยยกระดับความมั่นใจในการขับขี่ เช่น ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ, กล้องมองหลังพร้อมสัญญาณกะระยะหลัง, ระบบควบคุมการทรงตัว, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชันและระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน, ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง, เบรกมือไฟฟ้า, ระบบดิสก์เบรกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง พร้อมระบบป้องกันล้อล็อก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD ตลอดจนระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS