ในงาน Thailand Car of The Year 2023 กลุ่มยนตรกรรมที่ได้รับความสนใจมากที่สุด ต้องยกให้ฝูง “รถไฟฟ้า” จากหลากหลายแบรนด์ในเมืองไทยที่ส่งเข้าประกวดกันอย่างคับคั่ง และ NETA V จาก บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด คือ ความน่าสนใจอันดับต้นๆ ของคณะกรรมการตัดสิน และโชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม จนกระทั่งท้ายที่สุดคว้ารางวัล Best Hatchback EV กลับไปครองอย่างน่าภาคภูมิใจ

โดยรายละเอียดความยอดเยี่ยมของ NETA V นั้น มีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่ ตัวหนังสือจากปลายปากกา ด้วยเรื่องราวของวิสัยทัศน์ ซึ่งนำมาสู่การวิจัย และพัฒนา เพื่อสร้างสรรค์ยนตรกรรมพลังไฟฟ้า 100% ให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ภายใต้แนวคิด “Touchable Smart EV” ในรูปแบบของ City Car ที่โดดเด่นด้วยมิติตัวถังขนาดกะทัดรัด จากความยาว 4,070 มม., ความกว้าง 1,690 มม., ความสูง 1,540 มม. วางตัวบนฐานล้อยาว 2,420 มม. แต่รองรับจำนวนผู้โดยสารได้ถึง 5 ที่นั่งจากนั้นเติมความสะดุดตาให้งานดีไซน์ภายนอก ด้วยแรงบันดาลใจมาจากปลาโลมา (Dolphin Streamline) ภายใต้หลักอากาศพลศาสตร์ เพื่อลดค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน ก่อนเสริมด้วยออปชันมาตรฐานที่ช่วยสร้างความโฉบเฉี่ยว และคุ้มค่าให้ชัดเจนอ เช่น ชุดไฟหน้าโปรเจคเตอร์ แบบ Eagle Eyes Laser พร้อมระบบเปิด-ปิด อัตโนมัติ และไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (Daytime Running Lights) แบบ LED ขณะที่ด้านหลังมากับไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED และไฟท้ายแกะสลักด้วยเลเซอร์ แบบ LED ก่อนปิดท้ายด้วยความสปอร์ต จากสปอยเลอร์หลัง และล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว รัดด้วยยางซีรีส์ 185/55R16

ด้านภายในมากับความเรียบง่าย เพื่อนำเสนอความล้ำสมัยจากฟังก์ชันอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ด้วยแนวคิดHi-Tech Minimalist Concept อาทิ เบาะหนังทรงสปอร์ตที่ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ Ergonomic Zero Gravity Seat อาทิ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน พร้อมหน้าจอมาตรวัดดิจิทัลขนาด 12 นิ้ว โดดเด่นที่สุดต้องยกให้หน้าจอInfotainment Screen แนวตั้ง ขนาดใหญ่ 14.6 นิ้ว ทำงานด้วยระบบสัมผัส ตั้งแต่การควบคุมระบบปรับอากาศที่สามารถกรองอากาศ N95 ตลอดจนรองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนได้ทั้งระบบปฏิบัติการ Android และ iOS, ระบบนำทาง GPS หรือความบันเทิงต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย

ความสะดุดตาที่ไม่ด้อยไปกว่าใครก็คือหน้าตาสุดเท่ของกุญแจอัจฉริยะ (Smart Key) พร้อมระบบ Ride & Go Function ที่ช่วยให้รถพร้อมขับขี่ทันทีเมื่อเปิดประตู อีกทั้งยังมากับความอเนกประสงค์ที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ด้วยห้องเก็บสัมภาระด้านหลัง ความจุ 335 ลิตร ซึ่งเพิ่มเป็น 552 ลิตรได้สะดวก จากการพับเบาะนั่งด้านหลังสมรรถนะของ NETA V เกิดขึ้นจากแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 38.5 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ที่มาพร้อมระบบการจัดการอุณหภูมิ (HEPT 3.0) และระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ (Liquid Cooling System) รวมถึงการสร้างความมั่นใจชั้นเยี่ยม จากผลทดสอบตามมาตรฐานการป้องกันน้ำ และฝุ่น IP67 เป็นที่เรียบร้อย

ส่วนหน้าที่การขับเคลื่อน เป็นของมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous มีกำลังสูงสุดให้ใช้ 70 กิโลวัตต์ หรือเทียบเท่า 95 แรงม้า พร้อม
แรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์ไฟฟ้า (Electronic Shifter) สร้างอัตราเร่งที่ต้องบอกเลยว่าไม่ธรรมดากับ 0-50 กม./ชม. ต่ำกว่า 3.9 วินาที ซึ่งคณะกรรมการสัมผัสได้ทันทีจากการออกตัวจากจุดหยุดนิ่ง เพื่อทดสอบอัตราเร่งต่อเนื่องไปถึงอีกหลายสถานีทดสอบที่ NETA V สามารถถ่ายทอดความสนุกสนาน คล่องตัวในการขับขี่ได้อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งจากการควบคุมของพวงมาลัย ซึ่งลงตัวกับช่วงล่างที่ถูกปรับแต่งให้เหมาะสม จากในสถานีทดสอบการทรงตัว และความคล่องตัว อย่าง Lane Change และ Slalom ขณะที่ระยะทางการวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้งทำได้ถึง 384 กม. (ตามมาตรฐาน NEDC) โดยที่ยังมีระบบ Regenerative Systems ติดตั้งมาให้เพื่อช่วยชาร์จพลังงานกลับคืนแบตเตอรี่ทุกครั้ง เมื่อชะลอรถ หรือเบรกขณะที่การชาร์จไฟนั้นรองรับได้ทั้ง Normal Charge (AC) แบบ Type 2 และ Quick Charge (DC) แบบ CCS โดยระยะเวลาของการชาร์จแบบ Normal Charge (AC) ผ่าน NETA Wallbox จาก 0% – 100% จะใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง ขณะที่การ ชาร์จแบบ Quick Charge (DC) จาก 30% – 80% จะใช้เวลาชาร์จประมาณ 30 นาที ขึ้นอยู่กับระดับแบตเตอรี่ที่เหลือ และกำลังไฟของแต่ละสถานีชาร์จ อีกทั้งยังมีระบบ V2L (Vehicle to load) ที่ช่วยสร้างความสะดวกสบายในการทำกิจกรรมได้ง่ายๆ จากความสามารถในการจ่ายกระแสไฟให้กับอุปกรณ์ภายนอกได้ ด้วยกำลังไฟสูงสุดถึง 3,300 วัตต์

NETA V ไม่ได้มีความยอดเยี่ยมน่าประทับใจแค่เฉพาะในเรื่องของสมรรถนะเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงระบบความปลอดภัย อันเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่เหนือคาดในความครบครัน ซึ่งประกอบด้วย
l โครงสร้างตัวถังนิรภัย HSS Body
l ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ทำงานร่วมกับ
เข็มขัดนิรภัยแบบดึงรั้ง ผ่อนแรงอัตโนมัติ
l ดิสก์เบรก 4 ล้อ
l ระบบป้องกันล้อล็อก ABS
l ระบบกระจายแรงเบรก EBD
l ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB
l ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้อง เหยียบเบรกค้าง AVH
l ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC
l ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทาง
ลาดชัน HDC
l ระบบควบคุมการทรงตัว ESC
l ระบบตรวจสอบความผิดปกติของ
ลมยาง TPMS
l ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
Cruise Control
l ระบบล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อรถออกตัว Speed Sensing Auto Door Lock
l ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ Follow Me Home Light
l กล้องมองหลัง ที่มาพร้อมกับสัญญาณ เตือนระยะถอยหลัง

และ NETA V จะไม่สามารถคว้ารางวัล Best Hatchback EV จากงาน Thailand Car of The Year 2023 ไปได้เลย จากแค่รายละเอียดของตัวรถ และออปชันต่างๆ ที่ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เพราะสิ่งสุดท้ายที่สร้าง “เซอร์ไพรส์” ให้คณะกรรมการหลายท่านต่างยอมรับก็คือ “คุ้มค่า” ซึ่งสืบทอดมาจากวัตถุประสงค์ในการสร้างสรรค์ยนตรกรรมพลังไฟฟ้า 100% ให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ด้วย “ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ” เพียง 549,000 บาทเท่านั้น