พิสูจน์แบต NETA V ไป กลับ กทม. – นครนายก ชาร์จครั้งเดียวพอหรือไม่?
พิสูจน์แบตเตอรี่ รถไฟฟ้า NETA V บนเส้นทางไป กลับ กทม. – นครนายก ลองมาดูกันว่า ชาร์จไฟฟ้าครั้งเดียวพอหรือไม่?
เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด ถือเป็นค่ายยานยนต์ไฟฟ้าที่น่าจับตามองอันดับต้นๆ ของคณะกรรมการตัดสินงาน Thailand Car of The Year 2023 เนื่องจากสามารถโชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมบนสนามทดสอบ กระทั่งคว้ารางวัล Best Hatchback EV ไปครองได้อย่างน่าภาคภูมิ
ทำให้วันนี้ทาง เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด ได้จัดการทดสอบเส้นทางในรูปแบบที่ไม่เคร่งครัด และกระทัดรัดด้วยจำนวนสื่อมวลชนที่ไปร่วมทริป ซึ่งต้องบอกว่าครั้งนี้ ไม่ใช่การทดสอบเรื่องสมรรถนะแต่อย่างใด แต่เป็นการพาสื่อฯ ไปขับชิลๆ บนเส้นทาง กทม. – นครนายก เพื่อพิสูจน์ว่าการชาร์จแบตฯ เจ้ารถ NETA-V เพียงหนึ่งครั้งจากจุดสตาร์ท เพียงพอหรือไม่สำหรับการขับไป-กลับในทริปนี้
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับเจ้า NETA V กันอีกสักครั้ง หลังจากที่เปิดตัวกันไปแล้วพักใหญ่ จิ๋วแต่แจ๋วคันนี้ คือรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% สไตล์ City Car ที่มาพร้อมแนวคิด “Touchable Smart EV” รถยนต์พลังงานไฟฟ้าอัจฉริยะที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้ได้รับการออกแบบภายนอกที่ลงตัวตามหลักอากาศพลศาสตร์ และการออกแบบภายในที่เรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย โดดเด่นด้วยหน้าจอ Infotainment ระบบสัมผัส ขนาดใหญ่ 14.6 นิ้ว พร้อมระบบการเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ กุญแจแบบสมาร์ทคีย์พร้อมระบบ Ride & Go ให้รถพร้อมสำหรับการขับขี่ทันทีที่เปิดประตูรถ
โดยจุดเริ่มต้นของทริป เราเริ่มต้นกันที่โชว์รูม NETA รามคำแหง – หัวหมาก เพื่อเดินทางไปยังจุดหมายแรกที่ เขื่อนขุนด่านปราการชล จังหวัดนครนายก ด้วยระยะทาง 122 กิโลเมตร เพื่อไปทดสอบเทคโนโลยีความปลอดภัยกันบนทางขึ้นสันเขื่อน เพื่อให้เห็นถึงระบบเทคโนโลยีการทำงานต่างๆ
เทคโนโลยีความปลอดภัย
- ระบบดิสก์เบรกด้านหน้า / หลัง
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า
- ระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
- กล้องมองหลังพร้อมสัญญาณกะระยะหลัง
- ระบบควบคุมการทรงตัว
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชันและระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน
- เบรกมือไฟฟ้า
- ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง
- ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS
- ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์
เมื่อเราได้เห็นถึงเทคโนโลยีความปลอดภัย รวมไปถึงระบบต่างๆ ในการขับขึ้นลง ทางชันแล้ว จะพบได้ว่า มีระบบตัวช่วยในการขับขี่ที่สมูทอย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้เรามั่นใจได้ว่า แม้ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าขนาดเล็ก แต่ก็ยังสามารถขึ้นลงทางลาดชันได้อย่างสมูท และปลอดภัย หลังจากเสร็จจากเขื่อนขุนด่านปราการชลแล้ว เราขับไปรับประทานอาหารกลางวันกันต่อที่ร้านอาหาร เพื่อพักผ่อนหลังจากที่ทดลองขับมายาวกว่าสองชั่วโมง
ซึ่งเมื่อเสร็จจากมื้อกลางวัน เราเดินทางต่อไปชมอุโมงค์ต้นไผ่ที่สวยงาม พร้อมสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ วัดจุฬาภรณ์วนาราม จังหวัดนครนายก ด้วยระยะทางอีกราว 50 กิโลเมตร ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนจัด ภายในห้องโดยสารของรถคันนี้ ยังคงเย็นฉ่ำ ด้วยระบบปรับอากาศที่สามารถควบคุมผ่านหน้าจอระบบสัมผัสได้อย่างง่ายดาย ที่สำคัญแม้ว่าจะมีฝุ่น PM 2.5 หนาแค่ไหน ก็ไม่ต้องกังวล เพราะเขามีระบบกรองอากาศ N95 ติดมาในตัวรถคันนี้ด้วย
เราขับจากร้านอาหารมาด้วยความเร็วที่ตัวรถทำได้ที่ 120 กม./ชม. ในโหมดสปอร์ต ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ก็พบกับอุโมงค์ต้นไผ่ที่โค้งเป็นทิวสวยงาม สามารถถ่ายภาพกับพาหนะจิ๋วแต่แจ๋วของเราได้แบบสวยๆ ซึ่งในขณะที่เราจอดเก็บภาพความประทับใจอยู่ในอุโมงค์ต้นไผ่นั้น เราไม่ได้ดับเครื่องยนต์ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่ากังวลเพราะรถคันนี้ คือรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแบบ 100% เช่นเดียวกัน
หลังจากเสร็จภารกิจสุดท้ายของวัน เราก็ขึ้นรถ เพื่อมุ่งหน้ากลับโชว์รูม NETA รามคำแหง-หัวหมาก ด้วยระยะทางราว 98 กิโลเมตร ซึ่งคิดว่าด้วยแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่ทั้งหมดนั้น เพียงพอต่อการใช้งาน ด้วยแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 38.5 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ให้ระยะทางการวิ่งสูงสุด 384 กิโลเมตร/ชาร์จเต็ม ตามมาตรฐาน NEDC
ผลสรุปของการเดินทางในทริปนี้ กับการชาร์จแบตฯ เพียงหนึ่งครั้ง ช่วยพาเรากลับมาถึงจุดหมายแบบที่แบตเตอรี่เหลือเพียง 1% โดยระหว่างการเดินทาง ที่แบตเตอรี่ลดต่ำลงกว่า 20% นั้น จะมีการแจ้งเตือนเป็นระยะ ระบบปรับอากาศจะทำงานน้อยลง มีบางช่วงที่เหมือนแอร์ตัดไป เพื่อประหยัดแบตฯ ไว้ ซึ่งการเดินทางในลักษณะนี้ กับรถยนต์ไฟฟ้า ต้องบอกและย้ำเตือนผู้ใช้งานไว้เลยว่า ไม่ควรปล่อยให้แบตฯ เหลือต่ำกว่า 20% เพราะจะมีผลต่ออายุการใช้งานรถยนต์ของเราได้
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ได้ที่ www.grandprix.co.th
NETA AUTO เป็นผู้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% จากประเทศจีน ก่อตั้งขึ้นในปี 2557ด้วยวิสัยทัศน์ที่ต้องการให้ผู้คนสามารถเป็นเจ้าของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มีคุณภาพและนวัตกรรมขั้นสูงได้อย่างเท่าเทียม
ปัจจุบันมีรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ทำตลาดรวม 3 รุ่นได้แก่NETA U NETA V และ NETA S โดยอยู่ในกลุ่มบริษัทรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มียอดขายที่เติบโตสูงอย่างต่อเนื่องในตลาดรถยนต์ประเทศจีนและมีการส่งมอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้ลูกค้าทั่วโลกแล้วกว่า 220,000 คัน
ทั้งนี้ NETA ได้ขยายธุรกิจสู่ตลาดประเทศไทยในปี 2565 ในนาม บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด
โดยมีเป้าหมายเพื่อให้คนไทยได้เป็นเจ้าของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่มาพร้อมนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าผสานเทคโนโลยีล้ำสมัย ในราคาที่ทุกคนเป็นเจ้าของได้ สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ขององค์กรคือ
“สรรสร้างนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า…เพื่อทุกคน”
NETA AUTO เป็นผู้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% จากประเทศจีน ก่อตั้งขึ้นในปี 2557ด้วยวิสัยทัศน์ที่ต้องการให้ผู้คนสามารถเป็นเจ้าของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มีคุณภาพและนวัตกรรมขั้นสูงได้อย่างเท่าเทียม
ปัจจุบันมีรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ทำตลาดรวม 3 รุ่นได้แก่NETA U NETA V และ NETA S โดยอยู่ในกลุ่มบริษัทรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มียอดขายที่เติบโตสูงอย่างต่อเนื่องในตลาดรถยนต์ประเทศจีนและมีการส่งมอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้ลูกค้าทั่วโลกแล้วกว่า 220,000 คัน
ทั้งนี้ NETA ได้ขยายธุรกิจสู่ตลาดประเทศไทยในปี 2565 ในนาม บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด
โดยมีเป้าหมายเพื่อให้คนไทยได้เป็นเจ้าของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่มาพร้อมนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าผสานเทคโนโลยีล้ำสมัย ในราคาที่ทุกคนเป็นเจ้าของได้ สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ขององค์กรคือ
“สรรสร้างนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า…เพื่อทุกคน”