New Cars 2024 รถใหม่เข้าไทย
New Cars 2024 รถใหม่เข้าไทย เริ่มปีใหม่ 2567 บอกเลยว่าตลาดรถคึกคักพอสมควร เพราะเราได้ข่าวมาว่าค่ายรถทั้งหน้าเก่า และหน้าใหม่ เตรียมตัวเปิดตัวรถยนต์ทั้งเครื่องสันดาป ไฮบริด และพลังไฟฟ้า มาให้ลูกค้าชาวไทยได้จับจองเป็นเจ้าของกันมากมายหลากหลายรุ่น
ก็ที่จะถึงวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการของแต่ละรุ่น เรามาทำความรู้จักกันก่อนเลยครับว่ามีรุ่นใหม่เข้าไทยในปีนี้บ้าง (นี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งนะครับยังมีอีก) New Cars 2024 รถใหม่เข้าไทย New Cars 2024 รถใหม่เข้าไทย
TOYOTA
Toyota Corolla Cross Minorchange 2024
โตโยต้า ประเทศไทย เตรียมเปิดตัว Toyota Corolla Cross Minorchange ในไทยเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ทีจะถึงนี้ โดยมีการปรับอุปกรณ์หลายรายการ ส่วนขุมพลัง ยังคงใช้เบนซิน 1.8 / 1.8 Hybrid เหมือนเดิม มาดูกันว่ามีอะไรเปลี่ยนใหม่ อะไรเพิ่มเข้ามาในรุ่นไมเนอร์เชนจ์นี้บ้าง เปลี่ยน ไฟหน้า ไฟท้าย ดีไซน์ใหม่ เปลี่ยน ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ เพิ่ม ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB พร้อม Auto Brake Hold มาให้ เปลี่ยนมาตรวัดเป็นแบบ Full Digital ขนาด 12.3 นิ้ว เพิ่มการรองรับ Apple CarPlay / Android Auto แบบ Wireless ไร้สาย
เปลี่ยนหน้าจอกลาง Touchscreen ขนาด 10.5 นิ้ว เปลี่ยนระบบเสียงรอบทิศทาง JBL ลำโพง 9 ตำแหน่ง เพิ่มหลังคากระจก Panoramic Sunroof เปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า เพิ่มระบบปรับสมดุลอากาศ Nanoe X เพิ่มWireless Charger เพิ่มถุงลมนิรภัยเป็น 8 ตำแหน่ง เพิ่มระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบรักษาระยะห่าง แบบ All-Speed Active Cruise Control with Stop & Go ทำงานถึงความเร็ว 0 km/h
Toyota Prius 2024
เป็นรถยนต์นั่งขนาดกลางตัวถังแบบ Fastback เจนฯ ที่ 5 ที่ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม TNGA (GA-C) เจนเนอเรชั่นที่ 2 ด้านการดีไซน์จะมาในรูปลักษณ์ที่ใหม่หมดทั้งด้านหน้า และด้านท้าย มาพร้อมเส้นสายที่ดูโฉบเฉี่ยว ห้องโดยสารตกแต่งด้วยโทนสีดำหน้าจอมาตรวัดแบบดิจิตอล 7 นิ้ว
และหน้าจอระบบอินโฟเทนเมนท์ขนาด 12.3 นิ้ว ระบบขับเคลื่อนเบนซิน 2.0 Hybrid Dynamic Force (เวอร์ชั่นญี่ปุ่น) พละกำลังรวม 196 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า เคลมอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 28.6 km/l
Toyota Hilux BEV
กระบะพลังงานไฟฟ้า100% ได้รับการพัฒนาบนพื้นฐานและโครงสร้างตัวถังของ Toyota Hilux Revo Standard Cab กระจังหน้าปิดทึบตามสไตล์รถยนต์ไฟฟ้า เพราะไม่จำเป็นต้องมีช่องรับอากาศขนาดใหญ่เพื่อระบายความร้อนเครื่องยนต์ ชุดแบตเตอรี่ติดตั้งอยู่ใต้ท้องรถ ติดตั้งมอเตอร์ไว้ที่เพลาท้ายขับเคลื่อนล้อคู่หลัง โดยมีการออกแบบคานแข็งใหม่ต่างจากรุ่นปกติและไม่มีเพลาส่งกำลัง
ระยะทางวิ่งได้ 300 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง สามารถบรรทุกได้ 1,000 กิโลกรัม โดยขณะมีการทดลองใช้งานอยู่ที่ แม็คโคร ซึ่งนำไปติดตั้งกล่องที่ด้านหลังเรียบร้อย และวิ่งใช้งานบรรทุกส่งของ อีกคันอยู่ที่ พัทยา ติดตั้งหลังคาวิ่งเป็นรถสองแถวรับ-ส่งคน
All New Toyota Camry 2024
รถซีดานขนาดกลางยอดนิยมที่ถูกพัฒนาต่อเนื่องเป็นเจเนอเรชันที่ 9 โดยได้รับการออกแบบภายนอกด้วยเส้นสายที่ดูปราดเปรียว โดดเด่นด้วยไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED ที่ส่องสว่างเป็นรูปตัว C คาดว่ามีกำหนดเปิดตัวในไทยปี 2024 ต่อจากอเมริกาเหนือและจีน เบาะนั่งภายในห้องโดยสารของ Toyota CAMRY 2024 ใหม่ ถูกออกแบบรูปทรงและวัสดุบุนุ่มเพื่อเพิ่มความสบายสูงสุดของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
ทุกรุ่นย่อยถูกติดตั้งระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense 3.0 เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.5 ลิตร ผสานกับระบบไฮบริด Toyota Hybrid System เจเนอเรชันที่ 5 ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าจำนวน 2 ตัว ขับเคลื่อนล้อหน้า (FWD) มีกำลังสูงสุด 225 แรงม้า
MITSUBISHI
Mitsubishi Xforce 2024
เอสยูวีรุ่นเล็กพร้อมขุมพลังเบนซิน 1.5 ลิตร การออกแบบยังคงรักษาเอกลักษณ์การออกแบบ Dynamic Shield พร้อมไฟหน้าและไฟท้ายทรง T-Shape ดีไซน์ล้ำสมัย พร้อมติดตั้งล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว มีความสูงจากพื้นถนนถึง 222 มิลลิเมตร เจ้าคันนี้จะอยู่ในคลาสเดียวกับ Toyota Yaris Cross
ภายในห้องโดยสารถูกออกแบบเน้นความล้ำสมัย สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 5 ที่นั่ง โดยมิตซูบิชิระบุว่ามีพื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวางที่สุดเมื่อเทียบกับคู่แข่งในระดับเดียวกัน เครื่องยนต์เบนซิน1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 141 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT
All New Mitsubishi Triton Athlete
ได้ฤกษ์เปิดตัวซะทีหลังจากดึงมานานกับการเปิดจำหน่าย All New Mitsubishi Triton Athlete คันนี้ ออล-นิว ไทรทัน แอทลีท รถปิกอัพสไตล์สปอร์ต โดดเด่นทั้งภายนอกและภายใน สะกดทุกสายตาด้วยเส้นสายที่คมเข้ม ที่มีให้เลือกทั้งขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ สำหรับรุ่นขับ4ล้อจะมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ “ซูเปอร์ซีเล็คต์ โฟร์วีลไดร์ฟ ทู” (Super Select 4WD II) เจ้าเดียวในตลาดที่มี 4H ฟูลไทม์
เสริมด้วยระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) และ 7 โหมดการขับขี่ โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน ไดมอนด์ เซนส์ เครื่องยนต์ใหม่เป็นเครื่อง 4 ลิตร Hyper PowerX2 Two-stage Turbocharger ที่มีแรงม้า 204 แรงม้า และแรงบิด 470 นิวตันเมตร และระบบพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฟฟ้า (Electric Power Steering: EPS ราคาประมาณการรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ที่ 1,130,000 บาท และรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อที่ 1,300,000 บาท
FORD
Ford Ranger Platinum
ภายนอกดูหรูหรา กระจังหน้าพร้อมแถบกลางที่มีผิว Silk Chrome มีชื่อรุ่น Platinum บนฟ้ากระโปรงหน้า ไฟหน้า Matrix LED เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดดเด่นด้วยล้อขนาด 20 นิ้วปัดเงา นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับรูฟเรล ฝาท้ายปิดแบบ Soft-Close และกระจก Privacy Glass เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
สำหรับห้องโดยสารเป็นการผสานความหรูกับเทคโนโลยีเพื่อให้ชีวิตง่ายขึ้น โดยเบาะของรถทั้งด้านหน้าและด้านหลังหุ้มด้วยหนังพร้อมเดินด้ายสีตัดกัน ส่วนการแต่งในห้องโดยสารมีการใช้พื้นผิวไม้เมเปิลสีดำโชว์ลายไม้เพิ่มความหรู
พร้อมมีไฟ Ambient Lighting สร้างบรรยากาศ จอขนาด 12 นิ้วคู่ โดยเป็นจอแสดงข้อมูลผู้ขับ และจอแนวตั้งสำหรับระบบ Infotainment SYNC 4A มี FordPass Connect มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เครื่องยนต์ดีเซล V6 สูบ ขนาด 3.0 ลิตร 2,993 ซีซี. พ่วงเทอร์โบ
พละกำลังสูงสุด 250 แรงม้า ที่ 3,250 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร ที่ 1,750 – 2,250 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ SelectShift ขับเคลื่อน 4 ล้อ Full-Time 4WD
SUZUKI
XL7 HYBRID
รถ Mini MPV 7 ที่นั่ง ขุมพลังเบนซิน 1.5 ลิตร พ่วงระบบไฮบริด Suzuki Hybrid Smart Vehicle (SHVS) ในด้านรูปลักษณ์หน้าตาโดยรวมของ XL7 Hybrid แตกต่างจาก XL7 รุ่นเครื่องยนต์สันดาปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ล้ออัลลอย ขนาด 17 นิ้ว และกระจังหน้า ถูกพ่นเป็นสีดำ ส่วนบริเวณฝากระโปรงท้ายมีการเพิ่มสัญลักษณ์ Hybrid เข้าไป
ภายในห้องโดยสารของ XL7 Hybrid ได้รับการติดตั้งฟังก์ชั่นต่างๆ เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเช่น หน้าจอแสดงการทำงานของระบบ Hybrid และกระจกมองหลังพร้อมฟังก์ชั่นแสดงภาพจากกล้องด้านหลัง E-Mirror Touchscreen เป็นต้น ส่วนอื่นๆ ยังคงเหมือนรุ่นเครื่องยนต์สันดาปล้วนทุกอย่าง
เครื่องยนต์รหัส K15B เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ขนาด 1.5 ลิตร พ่วงมอเตอร์ไฟฟ้า Integrated Starter Generator (ISG) ทำงานร่วมแบตเตอรี่ชนิด Lithium-ion 12 V กำลังสูงสุด 105 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 138 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหน้า
Mercedes–Benz
The New Mercedes–Benz E–Class 2024
ด้านหน้ามีการออกแบบใหม่หมด รูปทรงไฟหน้าที่ไม่เหมือนรุ่นอื่นอยู่หรูหราขึ้นรวมไปถึงเทคโนโลยีไฟหน้าที่อัดแน่น มาพร้อมกับ Digital Light เวอร์ชั่นล่าสุด ที่จะช่วยให้ทัศนวิสัยการมองเห็นได้ยามค่ำคืนเคลียร์ชัดมากกว่าเดิม กระจังหน้าแบบเรืองแสงได้และไฟส่องสว่างกลางวัน DRL แบบแยกชิ้น
เช่นเดียวกับรถในตระกูล EQ รุ่นใหม่ แต่ยังคงเอกลักษณ์เส้นสายของงานออกแบบด้านข้าง ตลอดจนดีไซน์กรอบกระจกหน้าต่างของ E-Class รุ่นเดิมเอาไว้ ขณะที่มือเปิดประตูถูกเปลี่ยนไปใช้แบบ Flush type หรือซ่อนเรียบเนียนไปกับตัวถัง ภายในห้องโดยสารมาพร้อมจอแสดงผลแบบแยกส่วน
ทั้งหน้าจอชุดมาตรวัด หน้าจอกลาง และหน้าจอแสดงผลสำหรับผู้โดยสารด้านหน้า มีการปรับรายละเอียดงานออกแบบแผงแดชบอร์ดด้านหน้าใหม่ เชื่อมต่อเนื่องตลอดคอนโซลหน้าไปสิ้นสุดที่ฝั่งผู้โดยสาร พร้อมทั้งติดตั้งปุ่มควบคุมแบบกดบริเวณใต้จอกลาง ระบบปฏิบัติการ MBUX เจเนอเรชั่นที่ 3
ที่ทำงานร่วมกับจอ Hyperscreen ได้รับการอัพเดทให้สามารถทำงานร่วมกับแอปพลิเคชั่นอย่าง TicTok Zoom meeting Vivaldi สำหรับการท่องเว็บ หรือแม้กระทั่งเกมส์ รวมไปถึง ZYNC สำหรับการ Streaming ความบันเทิงต่างๆ ผ่านจอฝั่งผู้โดยสารด้านหน้า เครื่องยนต์มี 3 เครื่องยนต์
E 220d เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 197 แรงม้า พ่วงระบบมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 48V EQ Boost พละกำลัง 23 แรงม้า 205 นิวตัน-เมตร จับคู่กับ เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-Tronic ขับเคลื่อนล้อหลัง
E 300e Plug-in Hybrid เครื่องยนต์เบนซิน แบบ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ กำลังสูงสุด 204 แรงม้า ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 129 แรงม้า
เมื่อเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าทั้งระบบ ให้กำลังสูงสุด 313 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-Tronic ขับเคลื่อนล้อหลัง สามารถวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนได้ถึง 100 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน (WLTP)
E 400e Plug-in Hybrid เครื่องยนต์เบนซิน แบบ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ กำลังสูงสุด 252 แรงม้า ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 129 แรงม้า
เมื่อเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าทั้งระบบ ให้กำลังสูงสุด 381 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-Tronic ขับเคลื่อนล้อหลัง สามารถวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนได้ถึง 100 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน (WLTP)
NETA
Neta X
เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% สไตล์ Crossover SUV ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่อยู่ในเซ็กเม้นท์ของ C-SUV มันถูกพัฒนาต่อยอดมาจาก NETA U โดยมีการปรับปรุงดีไซน์ใหม่ทั้งภายนอกและภายในตัวรถให้มีความโฉมเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น พร้อมอัปเดทฟีเจอร์ทันสมัยเข้าไปหลายจุด
ในด้านงานออกแบบจะเน้นความโฉบเฉี่ยว ทันสมัย ชุดไฟหน้า LED จะเป็นแบบแยกส่วน โดยด้านบนจะเป็นไฟ DRL ทรงเรียว
ขณะที่ชุดไฟส่องสว่างจะอยู่ในกรอบทรงสี่เหลี่ยมคางหมูสีดำด้านล่าง พร้อมติดตราโลโก้คั้นกลางระหว่างชุดไฟหน้า ด้านข้างตัวรถจะตกแต่งกาบข้างประตูด้วยวัสดุที่เป็นสีเดียวกับตัวรถ ขณะที่ในส่วนของหลังคาดีไซน์ให้เป็นแบบ Floating roof หรือหลังคาแบบลอยตัว มาพร้อมกับล้ออัลลอยลายขนาด 19 นิ้ว
ภายในห้องโดยสารของ NETA X จะได้รับการตกแต่งด้วยวัสดุแบบบุนิ่ม งานออกแบบเน้นความเรียบง่าย คอนโซลกลางถูกออกแบบให้เชื่อมต่อติดกับคอนโซลหน้า ถูกดีไซน์ให้มีเพียงช่องวางแก้วน้ำ ช่องวางของ และแท่นชาร์จสมาร์ตโฟนแบบไร้สายเท่านั้น โดยในส่วนคันเกียร์จะอยู่ที่ด้านหลังพวงมาลัย
สำหรับขุมพลังของ NETA X โดยจะได้รับการติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าไว้ที่คู่ล้อหน้าให้กำลัง 150 kW หรือ 201 แรงม้า แรงบิดสูงุสดที่ 310 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 7 วินาที ความเร็วสุงสุดจะอยู่ที่ 170 กม./ชม. ระยะทางขับขี่สูงสุด / 1 การชาร์จ มาตรฐาน NEDC 500 กิโลเมตร
GWM
New ORA Good Cat 2024
เกรท วอลล์ มอเตอร์ เตรียมเปิดตัว New GWM ORA Good Cat รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ผลิตในประเทศไทย สู่ตลาดในในวันที่ 12 มกราคม 2567 นี้ New GWM ORA Good Cat จะมีทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ รุ่น PRO รุ่น ULTRA และรุ่น GT New GWM ORA Good Cat รุ่น PRO และ ULTRA มีสีภายนอกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีขาว (Hamilton White) สีขาวหลังคาสีดำ (Hamilton White with Black Roof) ซึ่งทั้งสองสีนี้จับคู่กับภายในสีดำ, สีเขียวหลังคาสีขาว (Verdant Green with White Roof)
พร้อมสีภายในสีเขียวและเทา, สีเบจหลังคาสีน้ำตาล (Hazel Wood Beige with Brown Roof) พร้อมสีภายในสีเบจและน้ำตาล และสีเขียว พิสตาชิโอ (Pistachio Green) พร้อมสีภายในสีเขียวและเบจ ส่วนรุ่น GT มีสีภายนอกให้เลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีดำ (Sun Black) และสีเทา (Aqua Grey) (ทั้งสองสีนี้จับคู่กับภายในสีดำและเหลือง พร้อมอุปกรณ์แต่งสปอร์ตสีเหลือง)
HONDA
Honda e:N1 (HR–V EV)
รถยนต์ไฟฟ้าที่หลายคนรอและคาดหวังว่าราคาจะสมเหตุสมผล ดีไซน์ภายนอกของ Honda e:N1 จะมาในสไตล์เดียวกับ Honda HR-V แต่มีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดตามจุดต่างๆ ให้แตกต่างออกไป
เช่นกระจังหน้าที่ถูกเปลี่ยนเป็นช่องสำหรับชาร์จไฟ โลโก้ H-mark สีขาวที่ด้านหน้า ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อม Aero Cover Wheel ลดแรงเสียดทานอากาศ ชุดแบตเตอรี่ที่ติดตั้งไว้ใต้ท้องรถ พร้อมการ์ดกันกระแทก
มอเตอร์ไฟฟ้า AC synchronous Electric Motor พละกำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ Ternary Lithium-ion ขนาด 68.8 kWh รองรับการชาร์จกระแสสลับ AC 7.7 kW / DC Fast Charging สูงสุด 100 kW จาก 0-80% ภายใน 40 นาที
วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 510 km. ต่อการชาร์จ (มาตรฐาน NEDC) ความเร็วสูงสุด Top Speed 160 km/h โดยมีแผนจะเปิดตัวในช่วงปลายปี 2567 นี้
Honda City Minorchange
เพิ่งไมเนอร์เชนจ์ไปไม่นานมานี้กับเจ้า Honda City ที่เพิ่งเพิ่ม Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อยไปไม่นาน ล่าสุดเราได้ข่าวมาว่าทางฮอนด้า ประเทศไทย กำลังจะทำการไมเนอร์เชนจ์เจ้า City อีกครั้ง คาดว่าจะทำการไมเนอร์เชนจ์ Honda City รุ่น Sedan ที่เป็นเครื่องยนต์เบนซิน 1.0 ลิตร VTEC TURBO 122 แรงม้า ก่อนเท่านั้น โดยคาดว่าจะมีการปรับเปลี่ยนดีไซน์กระจังหน้า กันชนหน้า-หลัง
ดีไซน์ล้ออัลลอยก็แตกต่างไปจากเดิมเล็กน้อย ส่วนภายในอาจจะปรับเล็กน้อย แต่สิ่งที่น่าจะเหมือนเดิมคือเครื่องยนต์ที่เหมือนกับรุ่นปัจจุบัน นั่นคือ เครื่องยนต์เบนซิน Turbo 3 สูบ ขนาด 1.0 ลิตร ระบบแปรผันวาล์ว ทั้งแบบ VTEC และ Dual VTC พ่วงเทอร์โบ กำลังสูง 122 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 173 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT ขับเคลื่อนล้อหน้าโดยมีแผนจะเปิดตัวในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ 2567 นี้
Honda Civic Minorchange
แน่นอนเมื่อน้องเล็กอย่างฮอนด้าซิตี้ไม่แผนไมเนอร์เชนจ์ไปแล้ว มีหรือที่ทางฮอนด้าจะปล่อยซีดานขนาดกลางอย่าง Honda Civic ไว้เฉยๆโดยไม่ได้ทำอะไร ทางฮอนด้าประเทศไทยก็มีแผนสำหรับการเปิดตัวรุ่น Honda Civic Minorchange ไว้เช่นกันโดยคาดว่าจะมีการปรับเปลี่ยนกระจังหน้า กันชน และเติมออฟชั่นลงไป เท่านั้น ส่วนเครื่องยนต์คงจะยังใช้เครื่องเดิมอยู่โดยมีกำหนดเปิดตัวช่วงเดือนสิงหาคม 2567 นี้
CHANGAN
AVATR 11
ค่ายน้องใหม่จากประเทศจีนที่หลังจากเปิดรถใหม่ในประเทศไทยไปเมื่อปลายปี 2566 ไป 2 รุ่นอย่าง Deepal S7 รถ SUV พลังไฟฟ้าและDeepal L7 รถยนต์ซีดานตัวถังฟาสแบค มอเตอร์พลังงานไฟฟ้า ขับเคลื่อนล้อหลัง 258 แรงม้า และได้กระแสตอบรับจากชาวไทยดีพอสมควร ล่าสุดทางฉางอันมีแผนจะนำรถ SUV สุดหรู อย่าง AVATR 11 เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยในปี 2567 นี้
การออกแบบภายนอกของ AVATR 11 ผลงานการออกแบบของ Nader Faghihzadeh อดีตดีไซน์เนอร์ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ผู้เคยมีผลงานการออกแบบรถเด่นๆ อย่าง BMW 6-series และ BMW 7-series Avatr 11 เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าล้วนในกลุ่ม SUV พรีเมียมขนาดกลาง ตัวรถผลิตขึ้นบนแพลทฟอร์มใหม่ EP1
ห้องโดยสารแบบ 5 ที่นั่ง มาตรวัดฟูลดิจิทัลขนาด 10.25 นิ้ว, จอทัชสกรีนสำหรับแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ขนาด 15.6 นิ้ว รันด้วยระบบปฏิบัติการ HarmonyOS ของหัวเว่ย,
จอทัชสกรีนสำหรับผู้โดยสารด้านหน้าขนาด 10.25 นิ้ว, ระบบปรับอากาศแบบดิจิทัล, ถาดชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สายสำหรับ 2 เครื่อง แลเบาะหุ้มหนัง Nappa ทุกตำแหน่ง
ระบบขับเคลื่อนใช้มอเตอร์ไฟฟ้าของหัวเว่ย แยกเป็น 2 ทางเลือก ประกอบด้วยรุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลัง ส่งกำลังด้วยเกียร์ซิงเกิล สปีด Direct-drive กำลังสูงสุดผลิตได้ 310 แรงม้า (PS) หรือรุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ หมุนล้อแบบ All-wheel drive กำลังรวมทั้งระบบ 578 แรงม้า
ความเร็วสูงสุดจำกัดเอาไว้ที่ 200 กม./ชม. แบตเตอรี่แพคส่งตรงมาโดยยักษ์ใหญ่อย่าง CATL ความจุ 90 กิโลวัทท์-ชม. ชาร์จ 1 ครั้งวิ่งทำระยะทางได้ประมาณ 555 กม. ตามมาตรฐาน CLTC ของประเทศจีน
และมีออปชั่นเป็นรุ่นความจุ 116 กิโลวัทท์-ชม. เพิ่มระยะทางในการขับเป็น 680 กม. ทั้งหมดรองรับการชาร์จเร็วด้วยกำลังไฟสูงสุด 240 กิโลวัทท์ ชาร์จแบบเร่งรีบ 10 นาทีจะได้ระยะทางเพิ่มขึ้น 200 กม. โดยประมาณ ไฮไลท์สำคัญคือระบบช่วยขับอัตโนมัติซึ่งพัฒนาโดยหัวเว่ย
ตัวฮาร์ดแวร์ประกอบด้วย LiDAR 3 ตำแหน่ง, เรดาร์ชนิดเทคโนโลยีคลื่นมิลลิเมตร (Millimeter Wave Radar) 6 ตัว, เรดาห์ อัลตร้าโซนิค 12 ตัว และกล้องรอบคัน 13 ตัว
VINFAST
VinFast VF 5
มีการออกแบบภายนอกที่น่าประทับใจและทันสมัย โดยมีบริษัทออกแบบสัญชาติอิตาลีชื่อดังของโลกอย่าง Pininfarina และ Torino Design เป็นผู้ออกแบบ เป็นรถครอสโอเวอร์ขนาดซับคอมแพ็ค ไซส์ขนาดประมาณ Nissan Kicks ด้านหน้ามีเส้นโครเมียมแนวนอนพาดยาวจรดกึ่งกลางตรงโลโก้เป็นตัว V ส่วนไฟหน้าย้ายลงมาอยู่ด้านล่างติดกับชายกันชนสีดำ มีช่องดักลมตรงกลางขนาดเล็ก
แนวหลังคาตัดตรง, ทำสีหลังคาทูโทนตัดกับตัวถังสีส้ม และเสาซีมีเส้นหยักขึ้นต่อเนื่องจากประตูท้าย ด้านท้ายรถชูจุดเด่นด้วยเส้นไฟแนวนอนยาว ระบบขับเคลื่อน จำนวนมอเตอร์ 1 ตัว ขับเคลื่อนล้อหลัง กำลังมอเตอร์ 100kW แรงบิด 135 Nm ความเร็วสูงสุด : 180 กม./ชม. ขนาดแบตเตอรี่ : 37.2 kWh ระยะทางสูงสุด : 300 กม.
New Cars 2024 รถใหม่เข้าไทย
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th