New GLC 350e เปิดตัว ครั้งแรกในประเทศไทย 10 ส.ค.นี้
New GLC 350e 4MATIC เปิดตัว ครั้งแรกในประเทศไทย วันพฤหัสบดีที่ 10 สิงหาคมนี้ โดยคาดว่าขุมกำลัง ปลั๊ก-อิน ไฮบริด ในเจเนอเรชั่นที่ 2 ของเอสยูวียอดนิยมรุ่นนี้ จะสามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% เป็นระยะทางมากกว่า 100 กิโลเมตร
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย เตรียมเตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า ล่าสุดมีข่าวแจ้งว่าเร็วๆ นี้มีแผนเปิดตัว New GLC เจเนอเรชั่นที่ 2 ของรถยนต์ SUV ยอดนิยม ในช่วงวันที่ 10 สิงหาคมนี้ ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ในการเปิดตัว New GLC สำหรับประเทศไทย คาดว่าช่วงแรกจะเป็นการทำตลาดด้วยรุ่นเครื่องยนต์ ปลั๊ก-อิน ไฮบริด โดยตามสเปคที่เปิดขายในทวีปยุโรป เมื่อกลางปีที่แล้ว New GLC 300 e 4MATIC ใช้ขุมกำลังเบนซิน 2.0 ลิตร ที่มีกำลังสูงสุด 204 แรงม้า และแรงบิด 320 นิวตันเมตร ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 100 กิโลวัตต์ (แรงบิด 440 นิวตันเมตร) โดยทั้ง 2 ระบบจะสร้างกำลังรวมสูงสุดที่ 313 แรงม้า และแรงบิด 550 นิวตันเมตร โหมดไฟฟ้ามีระยะทางการขับ 118-130 กิโลเมตร (มาตรฐานทดสอบ WLTP)
สำหรับราคาจำหน่าย New Mercedes-Benz GLC การเป็นเครื่องยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนไม่มากเท่าไร หากเทียบกับราคาจำหน่าย Mercedes-Benz GLC รุ่นปัจจุบันในประเทศไทย (อัพเดต เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2566):
• GLC 220 d 3,390,000 บาท
>>GLC 220 d AMG Dynamic 3,800,000 บาท
•GLC 300 e 4MATIC AMG Dynamic 3,830,000 บาท
• GLC 220 d 4MATIC Coupé AMG Dynamic 4,180,000 บาท
• GLC 300 e 4MATIC Coupé AMG Dynamic 4,200,000 บาท
อย่างที่ทราบกันดีว่ารถ Mercedes-Benz GLC คือไอคอนของ SUV สุดหรูที่มอบความสะดวกสบาย และตอบโจทย์กลุ่มรถครอบครัวกับกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างลงตัว หลายคนหันมาเลือกทรงสไตล์นี้กันมากขึ้น เห็นได้จากยอดขายที่นับวันจะเติบโตสูงขึ้น
เหตุผลใดกันที่ทำให้ผู้บริโภคหันมาเลือกใช้ SUV อันดับแรกคือ ความคุ้มค่าจากประโยชน์ใช้สอย! ด้วยพื้นที่กว้างขวาง ตามมาด้วยดีไซน์ รูปทรง ที่ดูสปอร์ตทันสมัยกว่ารถซีดานทั่วไป และสุดท้ายคือสมรรถนะในการลุยที่จะพาคุณไปได้ไกลกว่า ทั้งหมดนี้คือคำตอบที่หลายคนบอกเป็นเสียงเดียวกัน
ทำความรู้จัก…Mercedes-Benz GLC
รถยนต์รุ่น GLC ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำตลาดระดับโลกในเซกเมนต์คอมแพคเอสยูวี ทั้งยังเป็นรถยนต์เอสยูวีจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่โดดเด่นที่สุดและประสบความสำเร็จมากที่สุด และแน่นอนว่าเจเนอเรชันใหม่ของ GLC จะยังคงสานต่อความแข็งแกร่งนี้ด้วยขุมพลังไฮบริด 100% พร้อมด้วยฟีเจอร์ที่ยอดเยี่ยมสำหรับการขับขี่ทั้งบนถนนและแบบออฟโรด ตลอดจนห้องโดยสารแบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ และอุปกรณ์มาตรฐานที่มีความครอบคลุม
โดยภาพรวมของรถรุ่นนี้มีทั้งแบบรุ่นมาตรฐานทรงแบบ SUV และในบอดี้แบบ Coupe หลังคาลาดเอียงมากกว่าดูสปอร์ตมากขึ้น มาพร้อมระบบขับเคลื่อนให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อนสองล้อ และสี่ล้อ 4Matic พร้อมกับขุมพลังทั้งแบบเบนซินเทอร์โบ และดีเซลเทอร์โบ พร้อมเครื่องยนต์ที่ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าในแบบปลั๊กอินไฮบริด นอกจากนี้ยังมีรุ่นที่อัพเกรดเพิ่มความแรงในรหัส AMG อีกด้วย
ในต่างประเทศรุ่นที่เปิดตัวมาล่าสุดคือ GLC 300 d 4MATIC, GLC 300 4MATIC, GLC 220 d 4MATICนอกจากนี้ยังมีตัวเลือกเครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริดเบนซินหรือดีเซล (GLC 300 e 4MATIC, GLC 300 de 4MATIC)
ดีไซน์ปรับอะไรใหม่บ้างไปดูกัน
มีการคาดการณ์กันว่ารุ่นที่จะเปิดตัวจากทาง เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทยเร็วๆ นี้คือ GLC 350 e 4MATIC ที่ได้รับการปรับใหม่โดยจุดที่น่าสนใจคือการปรับดีไซน์ให้ดูทันสมัยมากยิ่งขึ้นแต่ยังเน้นความคลาสสิคในแบบฉบับของ SUV ทั้งคิ้วโครเมียม ราวหลังคา บันไดข้าง มาพร้อมไฟหน้ารูปแบบใหม่ DIGITAL LIGHT จัดเต็มเทคโนโลยีอัจฉริยะ
ผสมผสานเทคโนโลยีความล้ำสมัยและความหรูหรากับดีไซน์ภายใน โดดเด่นด้วยจอแสดงผลความละเอียดสูง มาพร้อมระบบอินโฟเทนเมนท์ MBUX เจนเนอเรชั่นล่าสุด ด้วยขอ LCD ขนาด 12.3 นิ้ว ด้านหน้าคนขับเชื่อมต่อกับหน้าจอขนาด 11.9 นิ้ว บริเวณคอนโซลกลาง รวมถึงจอแสดงผลแบบออฟโรดใหม่ พร้อมกล้องแสดงมุมอับด้านหน้ารถ เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่ดูสภาพถนนเพื่อช่วยในการขับขี่แบบออฟโรด มีเบาะนั่งแบบสปอร์ตดีไซน์ใหม่ซึ่งมาในสีดำ Artico เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมตัวเลือกสีน้ำตาลหรือสีเทา
ระบบกันสะเทือนใหม่ ช่วยให้ความสะดวกสบายในการขับขี่มากขึ้น ซึ่งในรุ่นปลั๊กอินไฮบริดจะมีระบบกันสะเทือนแบบถุงลม รวมทั้งการเก็บเสียงที่ทำได้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ในด้านสมรรถนะให้ความคล่องตัวและความเพลิดเพลินในการขับขี่มากชึ้น
GLC 350 e 4MATIC จุดแข็งของรุ่นปลั๊กอินไฮบริดคือความสามารถรอบด้าน มีความคล่องตัวสูงสุดด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์สันดาป อธิบายเพิ่มเติมคือ การขับขี่ด้วยไฟฟ้าที่เงียบและปราศจากมลพิษในเมืองเข้ากับความยืดหยุ่นและความเป็นอิสระของเครื่องยนต์สันดาปในการเดินทางไกล เมอร์เซเดส-เบนซ์พยายามพัฒนารถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เดินทางด้วยไฟฟ้าได้ไกลขึ้นเสริมด้วยการควบคุมการขับขี่ที่พิจารณาภาพรวมทั้งสภาพเส้นทาง การจราจร เพื่อช่วยให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น และยิ่งชาร์จบ่อยก็แทบจะไม่ต้องพึ่งพาเครื่องยนต์สันดาป ซึ่งเป็นการช่วยลดมลพิษได้อย่างดี
2023 GLC 350 e ปรับเครื่องยนต์ใหม่….
ด้านสเป็กของ Mercedes-Benz GLC 350e 4Matic (Plug-in hybrid) รุ่นใหม่ใช้ เครื่องยนต์เบนซิน รหัส M254 แบบ 4 สูบเรียง 16 วาล์ว วางตามยาว ขนาด 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 204 แรงม้า (PS) ที่ 6,100 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ที่ 2,000 – 4,000 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 136 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร
เมื่อเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าทั้งระบบ ให้กำลังสูงสุด 313 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 550 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-Tronic ขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC แบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุ 31.2 kWh วิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนระยะทางสูงสุด 130 กิโลเมตร (มาตรฐาน WLTP)
ระบบชาร์จไฟ DC 60kW (10-80% ภายใน 20 นาที) และ AC 11 kW
• ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 6.7 วินาที
• ความเร็วสูงสุด 218 กม./ชม. (140 กม./ชม. โหมด EV)
เป็นการรวมสิ่งที่ดีที่สุดจากสองโลกของเครื่องยนต์สันดาปและระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า ผ่านการทำงานร่วมกันอย่างชาญฉลาด ปลั๊กอินไฮบริดสามารถชาร์จได้ที่เต้ารับในครัวเรือนทุกแห่ง อย่างไรก็ตาม ทางเลือกที่เร็วกว่าคือ Mercedes-Benz Wallbox สิ่งนี้จะทำให้รถของคุณกลับมาชาร์จเต็มโดยเร็วที่สุด
“มีการคาดการณ์กันว่าในเร็วๆ นี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย เตรียมเปิดตัว SUV ในตระกูล GLC รุ่นใหม่เวอร์ชั่น Plug-in Hybrid ซึ่งถ้ามีความคืบหน้าทางเราจะรีบนำมารายงาน”
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
ภาพ : Netcarshow.com
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th
New GLC 350e เปิดตัว