เจาะสเปค New Honda City e:HEV SV รุ่นรองไฮบริด ราคา 7.69 แสนบาท
สำรวจ สเปค New Honda City e:HEV SV ทางเลือกใหม่ของคนที่สนใจรถซิตี้คาร์ ไฮบริด ในราคา 769,000 บาท มีออปชั่น และอุปกรณ์อะไรที่แตกต่างจากรุ่นท็อป e:HEV RS รวมทั้ง 3 รุ่นย่อยของขุมกำลัง Turbo VTEC 1.0 ลิตร ลองมาดูกัน
New Honda City e:HEV SV เรียกง่ายๆ ว่ามีอุปกรณ์ และออปชั่นที่เกือบเหมือนรุ่นย่อย SV เทอร์โบ 1.0 ลิตร โดยสัดส่วนตัวถังเท่ากัน มีความยาว 4,580 มม. (RS +9 มม.), ความกว้าง 1,748 มม. และความสูง 1,467 มม. (RS +13 มม.) จะมีระยะห่างระหว่างล้อคู่หน้า/คู่หลัง แตกต่างกันแค่ 2 มม. รวมทั้งความสูงใต้ท้องรถเพิ่มเป็น 147 มม. มากกว่า SV 13 มม. และแน่นอนว่ารุ่นไฮบริดมีน้ำหนักรถ 1,224 กิโลกรัม (+66 กก. หากเทียบกับ SV) แต่ยังเบากว่า e:HEV RS 8 กิโลกรัม
ในส่วนของดีไซน์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาจะเปลี่ยนตั้งแต่กันชนหน้า-หลัง กระจังหน้าเป็นโครเมียมให้อารมณ์พรีเมียมตรงกันข้ามกับรุ่น e:HEV RS จะเป็นสีดำเงาพอจับคู่กับชุดแต่ง RS จะให้อารมณ์สปอร์ตมากกว่า มือจับประตูด้านนอกเป็นโครเมียม และใส่ล้ออัลลอยสไตล์ทูโทน 15 นิ้ว (แต่ไฮบริดทั้ง 2 รุ่นย่อยจะไม่มียางอะไหล่มาให้)
New Honda City รุ่นรองทั้งหมด จะติดตั้งชุดไฟหน้าโปรเจคเตอร์ พร้อมไฟส่องสว่างในเวลากลางวันแบบ LED และไฟท้าย LED โดยรุ่นไมเนอร์เชนจ์ 2023 จะเพิ่มออปชั่นระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติมาให้ด้วย
ภายในห้องโดยสารรุ่น SV จะเป็นโทนสีดำ/สีแดงเข้ม ใช้วัสดุตกแต่งคอนโซลหน้าสีดำ Piano Black วัสดุหุ้มเบาะหนังแท้ผสมกับหนังสังเคราะห์สีดำ โดยจะได้ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารเบาะหลังเหมือนกับ e:HEV RS แต่ไม่มีพนักเท้าแขนด้านหลัง (ทั้งที่ราคาแพงกว่า Turbo RS 20,000 บาท) แต่ช่องเก็บของหลังเบาะนั่งคนขับ/ผู้โดยสารด้านหน้า มีการเพิ่มช่องเก็บของขนาดเล็ก (ที่เหมือนจะออกแบบมาเพื่อเหน็บสมาร์ตโฟนโดยเฉพาะ) มาให้แทน
พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน (ปรับระดับ 4 ทิศทาง) พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียง และปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ ไม่มี Paddle Shift แต่ยังได้ระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors) เหมือนรุ่น e:HEV RS โดยหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ TFT เป็นไซส์ 7 นิ้ว โดยรุ่น Turbo จอจะมีขนาดแค่ 4 นิ้ว
แต่ที่ดูงงๆ สำหรับการไมเนอร์เชนจ์ครั้งนี้คือทุกรุ่นมีระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start) มาให้เลย ไม่จำเป็นต้องสนใจระบบเชื่อมต่อ Honda CONNECT ที่รองรับแค่เฉพาะรุ่นท็อป RS ทั้ง 2 ขุมกำลัง ทั้งที่ Honda พยายามโปรโมตมาตลอดหลายปี และจากประสบการณ์ตรงของผู้เขียนที่ใช้ City RS Turbo แอปพลิเคชั่นนี้มีประโยชน์แค่เวลาต้องการเปิดแอร์ไว้ก่อนเวลาจอดรถกลางแดดเท่านั้น และระบบการเตือนความผิดปกติอื่นๆ บางครั้งลองเช็คกับคอลล์เซนเตอร์ก็เรียกข้อมูลออกมาดูไม่ได้
สมรรถนะขุมพลังฟูลไฮบริด e:HEV
ในรุ่น e:HEV จะเป็นการทำงานร่วมระหว่างเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ที่มีกำลังสูงสุด 98 แรงม้าที่ 5,600-6,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 127 นิวตันเมตรที่ 4,500-5,000 รอบต่อนาที ระบบเกียร์จะแตกต่างจากรุ่น Turbo ด้วยการเป็น E-CVT เสริมด้วยกำลังมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวที่ส่งกำลังไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน มีกำลังสูงสุด 80 กิโลวัตต์ (109 แรงม้า) ที่ 3,500-8,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 253 นิวตันเมตรที่ 0-3,000 รอบต่อนาที โดยกำลังรวมของทั้ง 2 ระบบ ฮอนด้า ไม่ได้ระบุเอาไว้ บอกแค่ว่ามีอัตราประหยัดน้ำมัน 27.8 กิโลเมตร/ลิตร อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 83 กรัม/กิโลเมตร และรองรับน้ำมันสูงสุด E20
แต่ในรุ่น e:HEV จะมีความแตกต่างในการทำงานของระบบขับเคลื่อนที่มีโหมดการขับ 3 รูปแบบคือ มอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode), โหมดไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) โดยหากเป็นการใช้งานจริงก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับของแต่ละคนว่ารถจะทำงานในโหมดไหนมากกว่ากัน
ขณะที่รุ่นเทอร์โบ ใช้ขุมพลังเดิมเครื่องยนต์เบนซิน 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO 3 สูบ 12 วาล์ว พร้อม Turbo Charger มีกำลังสูงสุด 122 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 173 นิวตันเมตรที่ 2,000-4,500 รอบต่อนาที ระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT อัตราประหยัดน้ำมันอยู่ที่ 23.8 กิโลเมตร/ลิตร และอัตราปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 99 กรัม/กิโลเมตร (ตามมาตรฐานอีโคคาร์ 2) รวมทั้งรองรับน้ำมัน E20 ได้เหมือนกัน
คาแร็กเตอร์การขับที่แตกต่างกันชัดเจน คนที่เลือกซื้อรุ่น e:HEV จะเป็นกลุ่มผู้ใช้งานที่มองถึงความประหยัดเป็นหลัก ขณะที่คนซื้อรุ่น Turbo น่าจะต้องการความสนุกในการขับ อัตราเร่งที่ตอบสนองได้ดี โดยเฉพาะ City Hatchback ที่ค่อนข้างได้รับความนิยมในกลุ่มวัยรุ่นที่ซื้อมาแต่งเพิ่ม (โดยรุ่นไมเนอร์เชนจ์คาดว่าจะตามมาในอีกไม่กี่เดือนนี้)
อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย
ฮอนด้า ตั้งราคา New City e:HEV SV ถูกกว่าตัวท็อป RS 70,000 บาท แต่มีเทคโนโลยีความปลอดภัย Honda Sensing มาให้เหมือนกัน และเป็นมาตรฐานใน 3 รุ่นย่อยเครื่องยนต์ Turbo 1.0 ไมเนอร์เชนจ์ เช่นเดียวกัน ทำให้ใครที่เลือกซื้อโดยคำนึงถึงความปลอดภัยก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณตั้งงบไว้เท่าไร
การทำงานของเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda Sensing ในทุกรุ่นย่อยของ New City 2023 จะทำงานผ่านกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์, คนเดินถนน, จักรยาน และจักรยานยนต์ ประกอบด้วย 6 ฟังก์ชันการทำงานหลักดังนี้:
- ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
- ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control: ACC) (รุ่น V, SV และ RS)
- ใหม่ ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)
- ระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (with Low-Speed Follow: with LSF) จะมีเฉพาะในรุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS
ระบบเบรกของ e:HEV ทั้ง 2 รุ่นย่อยจะเป็นดิสก์เบรกด้าน-หลัง แต่รุ่นเทอร์โบล้อหลังจะเป็นดรัมเบรก และจากทั้ง 5 รุ่นย่อยไมเนอร์เชนจ์ จะมีแค่ e:HEV RS เท่านั้นที่ติดตั้งระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ส่วนระบบความปลอดภัยอื่นๆ ทุกรุ่นย่อยจะได้มาเหมือนกันหมด ยกเว้นถุงลมด้านข้างจะมีในรุ่น RS ของทั้ง 2 ขุมกำลังเท่านั้น
รองท็อปขุมกำลังทางเลือก New Honda City e:HEV SV vs. New Mazda2 XD
หากมองไปที่ตัวเลือกกลุ่มอีโคคาร์ในเวลานี้ ถ้าคุณกำลังจะเปลี่ยนรถใหม่จริงๆ ในระดับราคาของ New City e:HEV SV คงเหมาะที่จะเทียบกับ New Mazda2 XD รุ่นรองท็อปของขุมกำลังดีเซล Skyactiv-D 1.5 ลิตร ราคา 720,000 บาท ที่เปิดตัวเมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
New Mazda2 XD มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ติดตั้งกระจังหน้า New Wave และใส่ล้ออัลลอยมาให้ โดยขนาดยางจะเป็นไซส์ 185/60 R16 เพื่อรองรับกำลังที่เพิ่มเป็น 105 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตรของขุมกำลัง Skyactiv-D คลีนดีเซล 1.5 ลิตร โดยอัตราประหยัดน้ำมันสูงถึง 26.3 กม./ลิตร เกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟไดรฟ์ 6 สปีด พร้อมแมนนวลโหมด Activematic ที่ช่วยสร้างการขับขี่ที่สนุก รวมทั้งระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง (GVC Plus) ที่ช่วยควบคุมสมรรถนะในการขับขี่ให้แม่นยํามากขึ้น
นอกจากนี้ราคาที่ถูกกว่า 49,000 บาทของ New Mazda2 XD เรียกว่าได้ระบบความปลอดภัยค่อนข้างน่าพอใจ โดยรุ่นอัพเดต 2023 ติดตั้งระบบ i-Activsense เป็นมาตรฐานทุกรุ่นย่อย แต่ขาดออปชั่นที่กลุ่ม Gen Z ชอบใช้งานอย่างแท่นชาร์จไฟแบบไร้สาย และ Apple CarPlay ไม่รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สาย
ตอนนี้ตัวเลือกรถยนต์กลุ่มอีโคคาร์อาจไม่หวือหวาเหมือนเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว รวมทั้งบางส่วนก็หันไปสนใจรถยนต์ไฟฟ้าที่ราคาเริ่มลงมาใกล้เคียงซับคอมแพ็กต์เครื่องยนต์น้ำมันมากขึ้นทั้ง BYD Dolphin ที่เริ่มต้น 699,000 บาท, Neta V (549,000 บาท) และ MG EP (771,000 บาท) เรียกว่าขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละคนจะดีกว่า
ราคาจำหน่าย New Honda City 2023
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: ฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทย
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th
สเปค Honda City SV