NEW HONDA HR-V: ตัวเลือกอันดับ 1 ซับคอมแพ็กต์ครอสส์โอเวอร์ของเมืองไทย
ปล่อยให้คู่แข่งโกยยอดขายอย่างสบายใจในช่วงครึ่งแรกของปี 2018 Honda แก้เกมด้วยการอัพเดต HR-V ให้มีความพรีเมียม และเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ล้ำสมัย เพื่อพิสูจน์ว่าพวกเขายังเป็นตัวเลือกอันดับ 1 ในเซกเม้นต์ซับคอมแพ็กต์ครอสส์โอเวอร์ของประเทศไทย
Honda HR-V เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2014 โดยมียอดขายรวมสูงกว่า 66,000 คัน (ข้อมูลเมื่อเดือนมิถุนายน 2018) ด้วยการอาศัยจุดขายความลงตัวทั้งการใช้งานแบบรถอเนกประสงค์ และดีไซน์ที่มีความสปอร์ตแตกต่างจากตัวเลือกรถแนวนี้ที่มีอยู่ในตลาดบ้านเราตอนนั้นอย่าง Nissan Juke (สูญพันธ์จากบ้านเราไปเรียบร้อย), Subaru XV และ Ford Ecosport
ความสำเร็จของ Honda ทำให้ค่ายรถยนต์เจ้าอื่นต้องส่งเอสยูวีไซส์เล็กเข้ามาแข่งขันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาไม่ว่าจะเป็น Mazda CX-3 ที่มีจุดขายตรงดีไซน์กับเทคโนโลยี Skyactiv, MG ZS แบรนด์อังกฤษภายใต้กลุ่มทุนจีนที่อาศัยราคาเป็นตัวดึงดูด และคู่แข่งตลอดกาล Toyota ที่เริ่มต้นขาย C-HR อย่างเป็นทางการในช่วงต้นปี 2018
4 คู่แข่งสำคัญของ New HR-V (จากซ้าย) MG ZS, Toyota C-HR, Subaru XV และ Mazda CX-3
การมาถึงของ Toyota C-HR ที่เป็นเหมือนตัวแทนยุคใหม่ของแบรนด์ทั้งแนวทางการดีไซน์ และเทคโนโลยี ทำให้ Honda ต้องขยับตัวจัดการปรับโฉม HR-V เข้าสู่ไมเนอร์เชนจ์อย่างเป็นทางการ ด้วยการนำรหัส RS มาใช้งานในรุ่นสูงสุดจากที่มีทั้งหมด 3 รุ่นย่อยเหมือนเดิม และเพิ่มโทนสีแดงใหม่ Passion Red Pearl เป็นหัวหอกในการแย่งชิงตำแหน่งจ่าฝูงกลุ่มซับคอมแพ็กต์ครอสส์โอเวอร์ในประเทศไทยกลับคืนมาความเปลี่ยนแปลงแรกที่เห็นจาก New HR-V RS จะเป็นกันชนหน้า-หลัง, กระจังหน้าแบบรังผึ้งสีดำเพิ่มอารมณ์สปอร์ต, ล้ออัลลอยลายใหม่ 17 นิ้วแบบสปอร์ต, ใส่ชุดไฟหน้า LED ที่มาพร้อมไฟส่องสว่างในเวลากลางวัน Daytime Running Light (DRL), ไฟตัดหมอกคู่หน้า LED และไฟท้าย LED แบบ Tube ล้ออัลลอยลายใหม่ 17 นิ้วแบบสปอร์ต และสัญลักษณ์ RS บนฝากระโปรงท้าย
ภายในห้องโดยสารเป็นโทนสีดำเหมือนเดิม คอนโซลกลาง Double Layer ที่เพิ่มพื้นที่ในการวางอุปกรณ์อย่างสมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ตของทั้งคนขับ และคนนั่งหน้า โดยแป้นคันเร่ง/แป้นเบรกจะเป็นสีเงินเพื่อเสริมความสปอร์ตตามคอนเซ็ปต์ รวมทั้งหน้าจอแสดงความเร็วตรงกลางมีลูกเล่นที่ปรับเปลี่ยนได้ถึง 7 สี และอีกจุดขายสำคัญที่มีมาตั้งแต่ตอนเปิดตัวเมื่อ 4 ปีก่อน หลังคา Panoramic Sunroof ที่เปิด-ปิดแบบ One-Touch จะมีให้เลือกเฉพาะรุ่น RS เหมือนเดิม
ความอเนกประสงค์ในการพับเบาะของ New HR-V
แต่ที่ใหม่จริงๆ สำหรับการไมเนอร์เชนจ์รอบนี้จะเป็นแพ็คเกจความปลอดภัย โดย New HR-V จะเพิ่ม Honda LaneWatch ที่ช่วยลดจุดบอดของกระจกมองข้างด้านซ้ายด้วยการใช้กล้องจับภาพแสดงผลผ่านหน้าจอตรงกลางเหมือนที่อยู่ใน CR-V เอสยูวีรุ่นใหญ่ของพวกเขาในบ้านเรา
อีกเทคโนโลยีความปลอดภัยที่เพิ่มเข้ามาคือระบบเตือน และช่วยเบรกที่ความเร็วต่ำ (City Brake Active System: CTBA) ที่จะทำงานในช่วงความเร็วระหว่าง 5-30 กม./ชม. เพื่อส่งสัญญาณเตือนเมื่อตรวจพบความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุทางด้านหน้า และหากคนขับยังไม่เหยียบเบรก ระบบจะทำการเบรกรถอัตโนมัติทันที
ในส่วนของระบบขับเคลื่อนยังคงเป็นเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร SOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว 141 แรงม้า ทำงานร่วมกับระบบเกียร์ CVT ใหม่ที่พัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม รองรับน้ำมัน E85 โดยอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงภายใต้การทดสอบสภาวะรวมตามมาตรฐานอีโคสติกเกอร์อยู่ที่ 15.9 กม./ลิตร เรียกว่าทั้งขับสนุก และประหยัดในเวลาเดียวกัน
ในตอนนี้ตัวเลขยอดขายรถยนต์ในประเทศไทยประจำปี 2018 ยังไม่ออกมาอย่างเป็นทางการ แต่ Honda สามารถทำให้ลูกค้าเปลี่ยนใจกลับมาจับจอง HR-V Minorchange จนทำยอดขายกลับขึ้นมารั้งอันดับ 1 ตั้งแต่เดือนสิงหาคมจนถึงปลายปีที่ผ่านมา เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จเกินคอนเซ็ปต์ ‘What’s Calling You?—ทุกเสียงเรียกจากข้างใน…ตามไปให้สุด‘ ที่พวกเขานำมาใช้สื่อสารสู่ลูกค้าของ New HR-V
รายละเอียดทางเทคนิค New Honda HR-V (คลิกที่รูปเพื่อขยาย)
New Honda HR-V Photo Gallery
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล, ภาพ พิศวัส พงศ์พุฒิโสภณ
ขอบคุณข้อมูล: ฮอนด้า ออโต้โมบิล (ประเทศไทย)
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th