มาแล้ว! All-new Mazda CX-5 อัพหรู ใส่ระบบ G-Vectoring Control
All-new CX-5 มีกำหนดเผยโฉมรถจริงบนเวทีแอลเอ ออโต้โชว์ 2016 ประเทศสหรัฐฯ ในคืนวันพุธที่ 16 พฤศจิกายนนี้ตามเวลาประเทศไทย แต่ดูเหมือนทีมงาน Mazda จะใจร้อนเปิดรายละเอียดของรถออกมาก่อน โดยเจนเนอเรชั่นใหม่ของรถเอสยูวีที่ครองใจคนทั่วโลก จะมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G 2.0, SKYACTIV-G 2.5 และเครื่องยนต์คลีนดีเซล SKYACTIV-D 2.2 เหมือนเดิม เพิ่มระบบควบคุมใหม่ล่าสุด G-Vectoring Control, ดีไซน์ห้องโดยสารภายในใหม่ที่หรูมีระดับพร้อมหลังคาซันรูฟ และประตูท้ายเปิด-ปิดสั่งงานด้วยรีโมต
ตามข้อความของ Masaya Kodama ผู้จัดการโครงการ Mazda CX-5 อธิบายว่าการพัฒนารถรุ่นนี้เกิดขึ้นภายใต้แนวทางที่ต้องการค้นหาจุดที่ลงตัวระหว่างความสนุกในการขับขี่กับความสบายของผู้โดยสาร ด้วยความคิดว่ารถที่ขับสนุกไม่ควรต้องแย่งความสบายจากสมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อนที่ร่วมเดินทาง
การปรับเปลี่ยนของ All-new CX-5 ด้านหน้า-หลังรถกว้างขึ้น 10 มม. ทำให้หน้าตาดุดันกว่าเดิม รวมทั้งเลื่อนตำแหน่งเสาเอมาด้านหลัง 33 มม. เปลี่ยนกระจังหน้าเป็นลายตาข่ายออกแบบรองรับไฟหน้าที่มีความสปอร์ตที่ดูแล้วใกล้เคียงกับ CX-9 ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อปีก่อน
รายละเอียดเครื่องยนต์ตามที่บอกไว้ข้างบน ทำงานร่วมกับเกียร์ออโต้ 6 สปีด SKYACTIV-Drive Automatic และในบางประเทศจะมีให้เลือกเป็นเกียร์ธรรมดา SKYACTIV-MT พร้อมระบบขับเคลื่อน i-ACTIV AWD ช่วยป้องกันการลื่นไถลของล้อหน้า และที่มาใหม่ล่าสุด G-Vectoring Control (GVC) เป็นส่วนหนึ่งของ SKYACTIV-Vehicle Dynamic ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ให้มีความสบายมากขึ้น ลดแรง G-forces ระหว่างเหยียบคันเร่ง, เบรก หรือเข้าโค้ง นับเป็นครั้งแรกของโลกที่ใช้ระบบควบคุมแรงบิดของเครื่องยนต์ตามการหมุนของพวงมาลัย ช่วยคำนวณการถ่ายเทน้ำหนักลงสู่ล้อแต่ละข้างตามอัตราการเร่งหรือชะลอความเร็ว รวมทั้งลดการดึงของพวงมาลัยเพื่อรักษารถให้อยู่ในเลนได้ง่ายขึ้น
ในส่วนความปลอดภัย i-ACTIVSENSE ที่ติดตั้งใน All-new CX-5 จะใช้เวอร์ชั่นล่าสุดของ Mazda Radar Cruise Control (MRCC) ที่สามารถควบคุมความเร็วของรถตามระยะห่างจากรถคันหน้า และระบบ Traffic Sign Recognition (TSR) เพื่อบอกข้อมูลป้ายสัญญาณจราจร รวมทั้งป้ายจำกัดความเร็วเพื่อส่งข้อความขึ้นบนหน้าจอ Active Driving Display
การออกแบบภายในยังคงยึดแนวทาง Human-machine Interface (HMI) ที่ออกแบบให้อุปกรณ์การใช้งานหลักอยู่ในตำแหน่งที่คนขับเป็นศูนย์กลางโดยไม่ต้องละสายตาจากถนนที่เป็นแนวทางของผู้ผลิตรถยนต์ทุกแบรนด์ในปัจจุบัน หลักๆ ที่เปลี่ยนก็มีแผงหน้าปัดบอกข้อมูลการขับขี่ใหม่ TFT Liquid Crystal ขนาด 4.6 นิ้ว, หน้าจอ Active Driving Display ที่จะบอกข้อมูลการขับ และระบบเนวิเกเตอร์ฉายขึ้นกระจกหน้าคนขับ และปรับตำแหน่งจอควบคุมระบบความบันเทิงขนาด 7 นิ้วให้แยกออกมาจากคอนโซลกลางเหมือนกับรถ Mazda เจนเนอเรชั่นนี้
อีกจุดขายที่ Mazda ต้องการโปรโมทคือสีแดงใหม่ Soul Red Crystal เป็นการยกระดับนิยามความงดงาม และคุณภาพของปรัชญาในการออกแบบ ‘KODO-Soul of Motion Design’ ด้วยการใช้เทคโนโลยีพ่นสีพิเศษเฉพาะ ‘Mazda Takuminuri Painting Technology’ ที่ทำให้การพ่นสีรถยนต์ที่ผลิตเพื่อขายจำนวนมากมีคุณภาพในระดับเดียวกับการพ่นสีแบบแฮนด์เมดของแบรนด์รถยนต์ระดับหรู โดย CX-5 สีใหม่นี้จะประเดิมขายที่ญี่ปุ่น ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ก่อนจะเริ่มใช้ในรถรุ่นใหม่ในอนาคต และที่ขายอยู่ในปัจจุบัน
Mazda CX-5 เปิดตัวครั้งแรกในปี 2012 และเป็นการเข้าสู่ยุค SKYACTIV Technology ของค่ายรถยนต์แห่งเมืองฮิโรชิม่า มีการตอบรับที่ดีจากผู้ใช้งานทั่วโลก จนทำยอดขายเป็น 1 ใน 4 ของยอดขายรวมทั่วโลกของ Mazda และนับถึงตอนนี้มีรถ CX-5 1.4 ล้านคัน วิ่งอยู่บนท้องถนนใน 120 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งได้รับรางวัลความสำเร็จกว่า 90 รางวัล รวมทั้งรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปีของประเทศญี่ปุ่นในปี 2012 และ 2013
เรื่อง : พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล : Mazda Media
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th