ลองขับ NEW MAZDA 2 กับ GVC PLUS ที่ทำให้โค้งบนสนามแข่งระดับโลก

มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ไม่ยอมน้อยหน้าคู่แข่งส่ง NEW MAZDA 2 เข้าสู้ตลาดรถเก๋งเล็ก ด้วยการแปลงโฉมรูปลักษณ์ทั้งภายนอกและภายในใหม่ ชูจุดเด่นอัพเกรดระบบGVCใหม่เป็น GVC PLUS (G-Vectoring Control PLUS) พร้อม2 ตัวถังซีดาน และแฮทช์แบ็ก เหนือคู่แข่งด้วย2ขุมพลังให้เลือกเบนซินและดีเซล

หลังจากที่มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย เปิดตัวรถยนต์ NEW MAZDA 2 ที่มาพร้อมปรับรูปลักษณ์ดีไซน์เดินตามแนวทาง Mazda3 ใช้แพลตฟอร์มใหม่ SKYACTIV-Vehicle Architecture พร้อม i-ACTIVSENSE ผ่านมาตรฐานอีโคคาร์ เฟส2 พร้อมถ้ารบในตลาดเก๋งเล็ก เปิดตัวด้วยราคาเริ่มต้น 546,000 บาทราคาปรับเพิ่มขึ้น 7,000 – 20,000 บาท

NEW MAZDA 2 ออกแบบภายใต้ KODO design เจนเนอเรชั่นใหม่ เรียบหรูสง่างามถูกออกแบบใหม่ตั้งแต่ภายนอกในเปลี่ยนไฟหน้า Projector Lens แบบ LED ดีไซน์ใหม่พร้อม Daytime Running Light แบบ LED Signature เพิ่มระบบปรับระดับไฟหน้า สูง-ต่ำ อัตโนมัติ กันชนหน้าและกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ให้เหมือนกับรุ่นพี่อย่างมาสด้า3 ไฟตัดหมอกหายไปเปลี่ยนเป็นการดีไซน์โดยให้โครเมี่ยมวางแนวนอนช่วยให้รถดูสปอร์ตยิ่งขึ้น ไฟท้ายLEDดีไซน์ใหม่พร้อมกันชนท้ายก็ดีไซน์ใหม่เช่นกัน ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ลายใหม่ในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล และล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้วลายใหม่ในรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน

ส่วนภายในห้องโดยสารเน้นการตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูง ทั้งแผงคอนโซลหน้าบุนุ่มหุ้มด้วยหนัง เดินตะเข็บด้ายจริง แผงประตูด้านข้าง และเบาะนั่งดีไซน์ใหม่หุ้มด้วยหนังสีฟ้าอมเทาสลับหนังกลับ Grand Luxe Suede ช่วยให้เบาะนั่งกระชับตัวมากขึ้น และเวลาเข้าโค้งตัวไม่ไหลไปมาผมบอกเลยว่าเหนือกว่าคู่แข่งมากครับ

เบาะนั่งด้านหลัง แยกพับอิสระ 60 : 40 หน้าจอแสดงผลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า Head-up Display แบบสี มาตรวัดเรืองแสง Optitron และหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID หน้าจอกลาง Center Display แบบสี ขนาด 7 นิ้ว รองรับวิทยุ AM/FM CD MP3 สามารถควบคุมผ่านปุ่มควบคุมกลาง Center Commander หรือบนพวงมาลัยมัลติฟรังชั่นที่มาพร้อมสวิตซ์ครูซคอนโทน ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth และระบบสั่งงานด้วยเสียง Voice Recognition ลำโพง 6 ตำแหน่ง AUX USB ช่องใส่ SD CARD รองรับระบบนำทาง Navigation System และรองรับระบบ Apple CarPlay / Android Auto อ่อเจ้าคันนี้มีกล้อง 360 องศามาให้ด้วยนะครับ

ด้านเครื่องยนต์ถึงแม้เจ้า NEW MAZDA 2 คันนี้ยังคงใช้เครื่องยนต์และเกียร์ลูกเดิมในรุ่นก่อนไมเนอร์เชนจ์ แต่มาสด้าก็ยังได้เปรียบเหนือคู่แข่งในเซ็กเม้นท์เดียวกันเพราะ NEW MAZDA 2 คันนี้ยังคงมีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 เครื่องยนต์ได้แก่SKYACTIV – G เครื่องยนต์เบนซิน 1300 ซีซี 93 แรงม้า ให้แรงบิดสูง 123 นิวตัน-เมตร (อัตราการสิ้นเปลืองเคลมไว้ที่ 23.3 กม./ลิตร) แถมมีโหมด Sport ให้ด้วยนะ

SKYACTIV-D เครื่องยนต์ดีเซล 1500 ซีซี 105 แรงม้า แรงบิดสูงถึง 250 นิวตัน-เมตร (อัตราการสิ้นเปลืองเคลมไว้ที่ 26.3 กม./ลิตร) แถมมาพร้อมเทอร์โบแปร์ผัน ให้การตอบสนองดีเยี่ยม พร้อมโจนทยาน และที่สำคัญ ทั้ง 2 เครื่องยนต์ได้รับมาตรฐานไอเสียยูโรระดับ 5 ว่าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

เอาละว่าแล้วเราก็มาลองขับกันเลยดีกว่าแน่นอนถ้ามาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ไม่มั่นใจในสมรรถนะของเครื่องยนต์ ช่วงล่าง และระบบ GVC PLUS ของเค้าก็คงไม่กล้านำ NEW MAZDA 2 มาให้ลองขับในสนามแข่งมาตรฐานระดับโลกแบบนี้ เพราะถ้าเครื่องยนต์อืด และช่วงล่างห่วย มันจะสัมผัสได้ทันที เรามาพูดถึงเครื่องยนต์ทั้งสองกันก่อนเลยดกว่า เชื่อว่าเพื่อนๆหลายท่านคงได้ลองขับกันมาบ้างแล้ว เครื่องยนต์ทั้งสองนี้ผ่านมาตรฐานและอยู่ในโครงการอีโคคาร์ เฟส 2

สรุปเครื่องยนต์ ในเรื่องอัตราการเร่งตอบสนองได้ดีทั้ง 2 เครื่องยนต์ สำหรับเครื่องดีเซลมีน้ำหนักที่มากกว่าเครื่องเบนซินเล็ก แต่มันก็มีเทอร์โบ มาช่วยนะครับ อีกทั้งมีแรงบิดถึง 250 นิวตัน-เมตร และเกียร์ 6 สปีดที่ทำงานผสานกันได้อย่างลงตัว ต้องบอกเลยว่าขับสนุก และมันส์มาก บอกเลยว่ากดติดตูด MX-5 ได้แบบสบายเลย แถมถ้าใครอยากมันส์ขึ้นไปอีก อย่างได้ฟิลลิ่งแบบเค้าโค้งเชนเกียร์ขึ้น-ลงเองก็มี Paddle Shift มาให้หลังพวงมาลัย ช่วงล่างบอกเลยว่าผมชอบ แน่น และหนึบ ดีมากครับเค้าโค้งสนุกมาก ใครคิดว่า1.5 ดีเซลอืด! คิดใหม่นะครับ

สำหรับตัวเบนซินมีพละกำลังของเครื่องยนต์น้อยกว่าพูดตรงๆขับไม่สนุกเท่าเครื่องยนต์ดีเซลเพราะมีแรงบิด และแรงม้าที่น้อยกว่า แต่ก็ไม่ได้อืดจนน่าเบื่อนะครับ อัตราเร่งยังคงดีอยู่ขับสนุกอยู่ เดี๋ยวก่อน! เค้าให้โหมด Sport มาเป็นตัวช่วยกดไปเลยจร้าเปลี่ยนเป็นโหมด Sport อัตราเร่งกระฉับกระเฉงมากขึ้นขับมันส์ขึ้น ช่วงเร่งขึ้นเนินทำได้ไหลลื่นด้วยตัวรถที่เบากว่าเครื่องดีเซลจึงทำให้ไม่ทิ้งกันเท่าไหร่นักในโหมด Sport

ช่วงล่างด้านหน้า McPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง ช่วงล่างด้านหลังกึ่งอิสระTorsion Beam ซึ่งแน่น หนึบ เค้าโค้งด้วยความเร็วได้อย่างสบาย แถมยังคงให้ความนุ่นนวลเมื่อขับผ่านพื้นผิวการจราจรที่ขรุขระ วิ่งทางตรงยาวตัวรถนิ่งควบคุมง่าย

มาถึงระบบ GVC Plus(G-Vectoring Control PLUS)ที่มาสด้ามั่นใจและแสนภาคภูมิใจมากที่อัพเกรดเข้ามาอยู่ใน NEW MAZDA 2 มันคืออะไรและมันดีตรงไหน มันคือระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง คือขณะที่รถเริ่มเค้าโค้งระบบจะลดแรงบิดเครื่องยนต์เล็กน้อย เพื่อให้ล้อหน้ายึดเกาะถนนได้มากขึ้นทำให้เค้าโค้งได้อย่างแม่นยำขึ้น และขณะที่รถอยู่ในโค้งแรงบิดเครื่องยนต์จะกลับสู่สภาวะปกติเพื่อรักษาสมดุลของรถให้ดีขึ้นสุดท้ายขณะที่รถออกจากโค้งระบบจะเพิ่มการทำงานของเบรคเพียงเล็กน้อยในล้อหน้านอกโค้ง เพื่อช่วยให้รถกลับสู่ทางตรงอย่างมีเสถียรภาพมากขึ้น แต่เราต้องเอาเท้าเลี้ยงคันเร่งเอาไว้ตลอดนะครับถ้าเรายกเท้าออกจากคันเร่งระบบจะไม่ทำงาน

เอาง่ายเวลาที่เพื่อนๆขับเค้าโค้งด้วยความเร็วสูงมักจะกังวลกลัวรถจะเสียอาการหน้าดื้อไหลออกไปใช่มั้ยละครับ ระบบ GVC Plus จะเป็นตัวช่วยทำให้เราควบคุมรถเค้าโค้งด้วยความเร็วได้ง่ายเหมือนปลอกกล้วย ผมลองในสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต แน่นอนเส้นทางสำหรับแข่งขันรถระดับโลกมันไม่ได้ขับง่ายๆ มีหลายโค้งที่อันตรายรถสามารถหลุดหมุนออกไปได้ทุกเมื่อ ผมลองเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงและยกคันเร่งเมื่ออยู่ในโค้งตัวรถมีอาการท้ายไหลออก เพราะด้วยความเร็วที่เยอะเกินไป รอบที่ 2 โค้งเดิมความเร็วเท่าเดิมรอบนี้ผมเลี้ยงคันเร่งไว้ขณะเค้าโค้งระบบ GVC Plusช่วยดึงตัวรถให้อยู่ในเส้นทางแบบสบายๆขับง่ายกลายเป็นเรื่องง่ายเลยครับ ปล่อยไปให้รถ NEW MAZDA 2 จัดการให้เราเองครับฉลาดขึ้นเยอะเลยครับสำหรับระบบ GVC Plus เข้าโค้งได้สมูทและนุ่มนวล