Mazda CX-5 ใหม่ เอสยูวีที่คนบ้าขับ..ต้องชอบ!
นี่น่าจะเป็นโฉมสุดท้ายแล้วของ Mazda CX-5 รถเอสยูวีที่ถือว่าเป็นรถที่สร้างประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญให้กับมาสด้า ก่อนที่จะเปลี่ยนใหม่เป็น Model Change ทั้งในด้านยอดขายและสมรรถนะที่ไม่ได้เป็นรองใครในตลาด เผยโฉมในไทยเป็นครั้งแรกเมื่อ 11 ปีที่ผ่านมา และในวันนี้มีการปรับปรุงทั้งหน้าตา การตกแต่งภายในห้องโดยสาร และฟังก์ชั่นการใช้งานที่ทันสมัยมากขึ้น แต่ที่สำคัญที่สุดคือ สมรรถนะในด้านการขับขี่ที่คนบ้าขับจะต้องติดใจอย่างแน่นอน เพราะนี่คือรถเอสยูวีญี่ปุ่นที่คุณภาพเทียบชั้นเอสยูวีในยุโรปไปแล้ว
ย้อนอดีตกลับไปในยุคแรกของ CX-5 มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ได้พัฒนารถยนต์รุ่นนี้อย่างจริงจัง และส่งลงตลาดครั้งแรก ในฐานะรถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์เอสยูวีที่ดีไซน์สวยเฉียบ โดดเด่นด้านคอนเซ็ปต์การออกแบบ มาพร้อมสมรรถนะของเครื่องยนต์สกายแอคทีฟ ที่ให้ทั้งพละกำลังแรงและประหยัดน้ำมัน และมีเครื่องยนต์ให้เลือกมากที่สุดในตลาดถึง 3 แบบ ที่สำคัญให้ความอเนกประสงค์และตอบโจทย์การใช้งานหลากหลายสไตล์ ส่งผลให้มาสด้า CX-5 กลายเป็นรถเรือธงที่โดดเด่นที่สุดในตอนนั้น
ความสำเร็จที่เกิดขึ้นเกิดจากความ “กล้าที่จะแตกต่าง” กล้าที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางเลือกใหม่ ซึ่งในตอนนั้นยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก นั่นคือโจทย์ที่ท้าทาย แต่มาสด้ากลับมองตรงข้าม มองเห็นถึงโอกาสที่รถกลุ่มนี้จะตอบสนองความต้องการของลูกค้ายุคใหม่ ทำให้มาสด้า CX-5 ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันมีลูกค้าจากทั่วโลกเป็นเจ้าของ CX-5 ไปแล้วเกือบ 5 ล้านคัน และหนึ่งในนั้นคือลูกค้าชาวไทยที่เป็นเจ้าของกว่า 33,000 คัน
จะเนื่องด้วยเหตุผลกลใดจึงทำให้ มาสด้า CX-5 เจเนอเรชั่นแรก เปิดตัวครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2555 ถูกจับตามองเรียกความสนใจจากผู้คนทั่วโลกเป็นอย่างมาก กลายเป็นรถครอสโอเวอร์ที่สร้างชื่อให้กับมาสด้าอย่างรวดเร็ว พร้อมคว้ารางวัลความสำเร็จมากมาย อาทิ Japan Car of The Year ประจำปี 2555 – 2556 และรางวัล JNCAP Five-star award ประเทศญี่ปุ่น ปี 2556 จนถึงปัจจุบันมาสด้า CX-5 มียอดขายสะสมทั่วโลกสูงถึง 4.6 ล้านคัน
มาสด้า CX-5 เดินทางมาถึงประเทศไทยในเดือนพฤศจิกายน 2556 กลายเป็นรถครอสโอเวอร์เอสยูวีรุ่นแรกที่สร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์มาสด้าจนขึ้นแถวหน้าของตลาด อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีสกายแอคทีฟทั้งคัน ผนวกกับการออกแบบตามแนวทาง Kodo design – Soul of motion หรือ จิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหวอันสง่างาม เกิดจากเส้นสายที่แสดงออกถึงความแข็งแกร่งอันทรงพลัง และความคล่องแคล่วปราดเปรียวของเสือชีต้าห์ที่กำลังกระโจนเข้าตะครุบเหยื่อซึ่งเป็นท่วงท่าที่สง่างาม นั่นคือแรงบันดาลใจของนักออกแบบ จึงกลายเป็นรถรุ่นยอดนิยมในตลาดประเทศไทยอย่างรวดเร็ว โดยมียอดขายสะสมสูงถึง 17,365 คัน ส่วนเจเนอเรชั่นที่สองเปิดตัวเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2560 ปัจจุบันมียอดขายรวม 15,767 คัน เมื่อรวมทั้งสองเจเนอเรชั่นแล้ว มาสด้า CX-5 มีอยู่ในการครอบครองของลูกค้าไปแล้วถึง 33,132 คัน โดยปัจจัยหลักสำคัญที่ส่งผลทำให้ มาสด้า CX-5 ประสบความสำเร็จจนได้รับการตอบรับอย่างรวดเร็ว
ความสำเร็จของมาสด้า CX-5 มาจากองค์ประกอบที่สำคัญหลากหลายด้าน โดยเฉพาะในเรื่องของเทคโนโลยีสกายแอคทีฟที่ให้ทั้งพละกำลังแรงและประหยัดน้ำมัน มีให้เลือกถึง 3 เครื่องยนต์ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์เบนซิน Skyactiv-G 2.0 ประหยัดน้ำมันและมอบความคุ้มค่าคุ้มราคา เครื่องยนต์เบนซิน Skyactiv-G 2.5 เทอร์โบ ให้สมรรถนะอันทรงพลัง และเครื่องยนต์คลีนดีเซล Skyactiv-D 2.2 ทั้งแรงและประหยัดน้ำมัน นอกจากองค์ประกอบที่สำคัญของเทคโนโลยีสกายแอคทีฟแล้ว ยังรวมถึงระบบความปลอดภัยระดับโลก ด้วยโครงสร้างตัวถังสกายแอคทีฟที่มีน้ำหนักเบาแต่ความแข็งแรงสูงและทนต่อแรงบิดมากขึ้น ให้ความปลอดภัยขั้นสูงสุดหากเกิดการชนปะทะ ระบบช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยวสกายแอคทีฟ แน่นหนึบทุกการเข้าโค้ง และเกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ 6 สปีด องค์ประกอบที่สมบูรณ์แบบเหล่านี้ คือองค์ประกอบสำคัญที่ส่งผลทำให้ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง
ล่าสุด มาสด้า CX-5 ปรับโฉมอีกครั้งให้มีความสดใหม่มากขึ้นทั้งในด้านของหน้าตาและฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ ดีไซน์ใหม่รอบคัน กระจังหน้าใหม่ ไฟหน้าและไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่ ชุดตกแต่งคิ้วข้างประตูใหม่ ล้ออัลลอยและท่อไอเสียดีไซน์ใหม่ และสีภายนอกใหม่มีให้เลือกเพิ่มถึง 2 สี การตกแต่งภายในหรูหราพรีเมี่ยมกว่าเดิม เลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง เพิ่มเทคโนโลยีความสะดวกสบายมาให้ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น ไม่ว่าจะเป็น Sports Paddle Shift และ Wireless Apple CarPlay ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมระบบแฮนด์ฟรี ขับนุ่มสบายขึ้นกับช่วงล่างใหม่ ลดการสั่นสะเทือน ทรงตัวดีเยี่ยม นิ่งแน่นหนึบ
ในส่วนของการทดลองขับ รถที่ได้มาเป็น 2.0 SP ขุมพลังเบนซิน Skyactiv-G 2.0 ขับเคลื่อน 2 ล้อ 2WD ราคาค่าตัว 1,299,000 บาท เป็นการขับจากแถวเลียบด่วนรามอินทราไปฐานทัพเรือสัตหีบ ใช้ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ต่อเนื่องไปมอเตอร์เวย์ เป็นเส้นทางปกติที่ใช้ขับจากกรุงเทพไปพัทยา สัตหีบ จึงทำให้ได้ลองในส่วนของอัตราเร่ง ระบบช่วงล่าง การควบคุม ได้อย่างเต็มที่บนพื้นฐานของการขับใช้งานจริง ด้วยความเร็วตามกฎหมายกำหนด
ต้องยอมรับว่า CX-5 ยังคงคาแรคเตอร์เดิมๆ ไม่มีเปลี่ยน นั่นคือ พวงมาลัยมีความแม่นยำสูง อัตราเร่งที่จัดจ้านทันใจ การเปลี่ยนเกียร์ที่ราบรื่น ช่วงล่างที่นิ่งแน่นหนึบ ที่หากใครที่ไม่ได้ขับตั้งแต่เจนฯ แรก จะไม่รู้เลยว่ามันมีความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ที่ว่าเปลี่ยนไปนั่นคือ ปกติแล้วช่วงล่างของ CX-5 จะเน้นไปในทางสปอร์ต นุ่มไม่มาก เน้นไปทางแข็งกระด้างระดับหนึ่ง เพื่อให้เป็นรถที่ขับได้เร้าใจ ขับสนุกกว่ารถในกลุ่มเดียวกัน แต่สำหรับรุ่นใหม่นี้ ช่วงล่างถูกปรับเซ็ตให้มีความนุ่มนวลมากขึ้น ความแข็งกระด้างลดลง แต่ยังคงมีอยู่ให้สัมผัสได้ เพิ่มเติมความนุ่มนวลมากกว่าเดิม ทำให้การขับใช้งานออกต่างจังหวัดแบบนี้ กลายเป็นรถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์เอสยูวีตัวถังใหญ่ ที่มีความคล่องตัวสูง ขับสนุก มั่นใจในทุกช่วงความเร็ว โดยเฉพาะกับการใช้ความเร็วสูง การเก็บเสียงภายในห้องโดยสารทำได้ดี ค่อนข้างเงียบ เสียงลมที่เสา A ค่อนข้างเบา เสียงของยางดังเข้ามาระดับที่ไม่ได้ดังมาก ไม่ได้ทำให้รำคาญ
ในเรื่องของการลองขับ CX-5 ยังคงเป็นรถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์เอสยูวี ที่ขับได้สนุก อัตราเร่งดี ช่วงล่างหนึบแน่น ถือว่ายังคงอยู่ในระดับท๊อปของรถในกลุ่มนี้ อาจจะเป็นรองอยู่บ้างแค่กับแบรนด์ยุโรปเท่านั้น ซึ่งนอกจากจะเหมาะกับคนที่เป็นสายขับที่ต้องการสมรรถนะในการขับขี่แล้ว ยังเหมาะกับการขับใช้งานในแบบครอบครัวได้อีกด้วย แถมหน้าตาตอนนี้ทำออกมาได้โฉบเฉี่ยวหล่อได้เรื่อง และอัตราสิ้นเปลืองยังอยู่ในเกณฑ์กลางๆ ถึงจะเป็นรุ่นใหม่แล้ว แต่ยังเฉลี่ย 13 กิโลเมตรต่อลิตร
แม้ว่าภายในห้องโดยสารจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมาก แต่ในภาพรวมเรื่องของการไมเนอร์เชนจ์ รวมทั้งสมรรถนะในการขับขี่ ถือว่ายังคงเป็นรถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์เอสยูวี ที่น่าเป็นเจ้าของ พูดเลยว่าถ้าเป็นคนที่บ้าขับรถต้องติดใจอย่างแน่นอน
เรื่อง : พุทธิ ผาสุข
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th