มาสด้าส่ง New Mazda2 เจาะกลุ่ม GEN Z—รักษาระดับยอดขาย 1,000 คัน/เดือน
มาสด้า ปรับโฉม New Mazda2 เพิ่มทางเลือกในการดีไซน์มากกว่า 83 คอมบิเนชั่น เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า Gen Z พร้อมรุ่นย่อยใหม่เครื่องยนต์ดีเซลราคา 7.2 แสนบาท มุ่งมั่นรักษาระดับยอดขาย 1,000 คันต่อเดือน และยกระดับการผลิตใช้วัสดุเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เตรียมก้าวสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2035
ธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโสบริษัทมาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) ให้สัมภาษณ์ระหว่างงานเปิดตัว New Mazda2 เมื่อวันพุธที่ 21 มิถุนายนผ่านมา โดยระบุว่ารถซับคอมแพ็กต์ยอดนิยมรุ่นปรับโฉมปี 2023 ของพวกเขามาพร้อมแนวคิด “Express Your Identity เลือกต่างในแบบเรา” ด้วยความพิเศษของดีไซน์ที่หลากหลาย เพื่อตอบโจทย์วัยรุ่นยุคใหม่เจเนอเรชั่น Z (Gen Z) ที่เป็นกลุ่มลูกค้าหลักของรถรุ่นนี้
“สำหรับการปรับโฉมของ New Mazda2 ในปี 2023 มีการปรับเปลี่ยนตั้งแต่กระจังหน้าซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์ โดยเป็นครั้งแรกที่มีกระจังหน้า 2 ดีไซน์ให้เลือกคือ Sport Design และ New Wave Design ที่เพิ่มความสดใสมากขึ้น ด้วยโทนสีใหม่ การใช้คอมบิเนชั่นคู่สีในส่วนของกระจกมองข้าง, กันชน, ล้อ และสปอยเลอร์ ทั้งหมดคือสิ่งที่พยายามทำเพื่อให้เกิดเป็นเอกลักษณ์ และความสดใส เพื่อจับกลุ่มลูกค้า Gen Z”
ทางเลือกที่เพิ่มขึ้น และรุ่นย่อยใหม่ New Mazda2
ในการปรับโฉมครั้งนี้ New Mazda2 มีการเพิ่มเป็น 5 รุ่นย่อย โดยมีตัวเลือกทั้ง Sedan และ Hatchback ในราคาเริ่มต้น 599,000 บาท พร้อมอีก 2 รุ่นพิเศษ Rookie Drive Sports และ Clap Pop Sports ที่ใช้พื้นฐานจากรุ่นย่อย C ตัวถัง Hatchback
รองประธานบริหารอาวุโสบริษัทมาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) ให้สัมภาษณ์ว่า “ในรุ่นเริ่มต้น Mazda2 ไม่มีการปรับราคาเพิ่มขึ้น แต่ในทุกรุ่นย่อยจะติดตั้งเทคโนโลยีความปลอดภัย i-Activsense เป็นมาตรฐาน รวมทั้งเพิ่มออปชั่นใหม่ๆ ทำให้บางรุ่นมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นระหว่าง 19,000-40,000 บาท”
“สำหรับรุ่น S ยังเป็นรุ่นย่อยที่ขายดีที่สุดของ Mazda2 จากการที่เบาะนั่งคนขับเป็นพาวเวอร์ซีตปรับไฟฟ้า ซึ่งเราเป็นแบรนด์เดียวที่มีออปชั่นนี้ในเซกเมนต์อีโคคาร์ โดยจะมีการเปลี่ยนวัสดุเบาะนั่งใหม่เป็นหนังแท้สลับกับหนังกลับสำหรับรุ่นปี 2023” ธีร์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติม “ในรุ่นพิเศษ Rookie Drive และ Clap Pop ใช้พื้นฐานจากรุ่นย่อย C โดยนำมาติดตั้งชุดแต่งใหม่ การเลือกเพนต์ชิ้นส่วนของรถยนต์ให้เข้ากับคู่สี กันชนหน้าหลังดีไซน์ใหม่ ตบแต่งเพิ่มด้วยแถบสีทั้งภายใน และภายนอก”
นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกที่มาสด้า ประเทศไทย เพิ่มรุ่นเริ่มต้นของ Mazda2 Skyactiv-D เพื่อเป็นอีกตัวเลือกของลูกค้าชาวไทย หลังจากขุมกำลังดีเซลมียอดขายราว 10 เปอร์เซ็นต์จากตัวเลขรวมของซับคอมแพ็กต์คาร์รุ่นนี้มาตลอด
“เป็นครั้งแรกที่มาสด้า เพิ่มรุ่นย่อยเครื่องยนต์ดีเซล XD ในราคา 720,000 บาท หลังจากที่ผ่านมา Mazda2 เครื่องยนต์ดีเซลจะมีเฉพาะรุ่นท็อป (XDL) ถือเป็นแพ็คเกจที่คุ้มค่า เพราะปกติรถยนต์ดีเซลจะเน้นเรื่องความประหยัด และขับสนุก มีแรงบิดสูงๆ ที่สำคัญในเซกเมนต์นี้ Mazda2 ยังเป็นตัวเลือกเดียวที่มีเครื่องยนต์ดีเซล ซึ่งหากเทียบกันจริงๆ อัตราประหยัดน้ำมันถือว่าเท่ากับเครื่องยนต์ไฮบริด แต่มีค่าบำรุงรักษาที่ถูกกว่า”
“การเปิดตัว New Mazda2 เราคาดหวังว่าจะมียอดขายราว 1,000 คันต่อเดือน และในความเป็นจริง Mazda2 เป็นโมเดลที่ถือเป็นยอดขายหลักประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ของมาสด้า ในประเทศไทย รองลงมาคือ CX-30 ซึ่งสถานการณ์ตอนนี้อย่างที่เราเห็นว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ในครึ่งปีแรกยังไม่มีความชัดเจนนว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นมากน้อยเท่าไร ตอนนี้แผนการของเราพยายามรักษาระดับยอดขายให้คงที่”
GEN Z เมืองไทย ฐานลูกค้าสำคัญของอีโคคาร์?
ในระหว่างการให้สัมภาษณ์ ธีร์ พูดถึงความสำคัญของฐานลูกค้า GEN Z ที่มีทั้งเพิ่งเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยไปจนถึงวัยทำงานที่อายุกำลังใกล้หลัก 3 ที่มีความสนใจซื้อรถยนต์เพื่อความสะดวกสบายในการเดินทาง และใช้ท่องเที่ยวในช่วงสุดสัปดาห์
“ในปัจจุบัน Gen Z มีแนวโน้มเป็นกลุ่มที่มีทางเลือกของตัวเองค่อนข้างเยอะ เข้าถึงข้อมูลในทุกๆเรื่อง ทำให้บริษัทรถยนต์หรือเจ้าของสินค้าต้องพยายามเข้าใจพวกเขา ทำให้เรานำเสนอ Mazda2 ให้เป็นเหมือนพาร์ตเนอร์สำหรับเจ้าของรถ และช่วยตอบสนองในสิ่งที่พวกเขาต้องการ”
“Mazda2 จะเน้นในเรื่องความคุ้มค่า ความสมเหตุสมผลในเรื่องราคาที่คุณสามารถเป็นเจ้าของได้ การบำรุงรักษาที่ไม่ยุ่งยาก โดยรวมแล้วคิดว่าเป็นแพ็คเกจที่ตอบโจทย์ลูกค้าในกลุ่ม Gen Z และโมเดลปี 2023 ยังสามารถเลือกการตบแต่งได้ถึง 83 รูปแบบ (Combination) ที่เกิดจากรุ่นย่อยต่างๆ ทั้งการออกแบบคู่สี, อุปกรณ์มาตรฐาน และเทคโนโลยีในแต่ละรุ่นย่อย”
New Mazda2 จุดเริ่มต้นสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน
ในขณะเดียวกัน มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) เริ่มดำเนินการลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนหรือ “Carbon Neutrality” ตามแผนของบริษัทแม่ Mazda Motor Corporation ที่จะเปลี่ยนโรงงานผลิตทั่วโลกของพวกเขาไม่ให้มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ภายในปี 2035
ทำให้ New Mazda2 โมเดลปี 2023 มีขั้นตอนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามรอยเวอร์ชั่นที่ออกขายในประเทศญี่ปุ่น เมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยธีร์ เปิดเผยว่า “ที่สำคัญ Mazda2 รุ่นนี้ มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยคอนโซลของรถผลิตจากไบโอพลาสติก ไม่ใช่พลาสติกที่มาจากปิโตรเคมี เพื่อเป็นการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม”
“การใช้ไบโอพลาสติกที่ผลิตจากพืชต้องใช้เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นใหม่ เพราะเราไม่สามารถพ่นสีได้เหมือนการผลิตแบบเดิมที่เป็นการเพิ่ม CO2 ทำให้เราต้องใช้เวลา และขั้นตอนในการคิดค้นเพื่อผลิตไบโอพลาสติกให้ได้สีที่ต้องการสำหรับใช้ในรถยนต์ Mazda2 โดยมีการลงทุนในส่วนของการวิจัย และพัฒนา (R&D) ที่ค่อนข้างสูง แต่เป็นส่วนหนึ่งในความพยายามที่จะทำให้ Mazda2 เป็นรถที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยไทยนับเป็นประเทศที่ 2 ของโลกที่เปิดตัว Mazda2 ที่ผลิตด้วยวัสดุไบโอพลาสติกต่อจากประเทศญี่ปุ่น”
“เช่นเดียวกับหลังคาของ New Mazda2 เราติดเป็นแผ่นไวนิลสำหรับคู่สีดำกับสีขาว (ขึ้นอยู่กับการเลือกตบแต่งตัวรถของลูกค้า) ไม่ใช่สติกเกอร์ทั่วไป โดยขั้นตอนการผลิตส่วนนี้จะช่วยลด CO2 ได้ราว 40 เปอร์เซ็นต์ เป็นอีกรายละเอียดที่ Mazda พยายามทำเพื่อตอบโจทย์ในเรื่อง Carbon Neutrality” ผู้บริหารหนุ่มของ Mazda กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับช่วงครึ่งหลังของปี 2023 มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) มีแผนจะเปิดตัวโมเดลไมเนอร์เชนจ์รุ่นอื่นๆ เพิ่มเติม พร้อมปรับแผนการตลาดในด้าน Customer Relation การสร้างฐานลูกค้าของมาสด้า เพิ่มการทำตลาดเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าปัจจุบัน และลูกค้ามุ่งหวังให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้นต่อไป
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย)
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th
มาสด้า New Mazda2