เจาะข้อมูล สเปค The new Mercedes-Benz E-Class Launch Edition
มาดู สเปค ของ The new E-Class: Launch Edition เจเนอเรชั่นที่ 10 ของซาลูนที่เป็นไอคอนของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ โดยประเดิมเปิดตัวในประเทศไทยกับ รุ่นพิเศษ โดยมี 2 ตัวเลือกเครื่องยนต์ดีเซล E 220 d AMG Line และปลั๊ก-อิน ไฮบริด E 350 e AMG Dynamic
เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จัดเซอร์ไพรส์ให้ลูกค้าชาวไทย นำเสนอยนตรกรรมระดับไอคอนของแบรนด์ E-Class เจเนเรชั่นที่ 10 “The new E-Class: Launch Edition” มาในรุ่นพิเศษประเดิมการเปิดตัวในไทย จัดแสดงครั้งแรกในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 (Motor Show 2024) พร้อมจำหน่ายโมเดล Launch Edition ในจำนวนจำกัด
ราคาจำหน่าย The new E-Class Launch Edition
•E 220 d AMG Line: 3,990,000 บาท (มีให้เลือก 4 สีตัวถัง ได้แก่ สีขาว Polar White, สีดำ Obsidian Black, สีเงิน High-tech Silver และสีเทา Manufaktur Alpine Grey Solid)
• E 350 e AMG Dynamic: 4,250,000 บาท (มีให้เลือก 4 สีตัว ได้แก่ สีขาว Polar White, สีดำ Obsidian Black, สีเงิน High-tech Silver และสีเทา Graphite Grey)
The new E-Class ยนตรกรรมระดับไอคอนของแบรนด์ที่ผสานความเป็นเลิศในทุกด้าน ทั้งการออกแบบ เทคนิคที่ล้ำสมัย และความสะดวกสบายชั้นเยี่ยม มาพร้อมรหัสตัวถัง W214 ชูความเป็นเลิศของ Business Saloon สุดหรูที่มาพร้อมรูปลักษณ์ที่แตกต่างจากเดิมในทุกองศา และขนาดตัวถังที่ใหญ่ขึ้นในทุกมิติ
เพื่อตอบโจทย์ทุกความทันสมัยภายใต้คอนเซ็ปต์ “EVOLVES WITH YOU” พร้อมเปิดตัวในประเทศไทย 2 รุ่น โดยมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ดีเซล E 220 d AMG Line และขุมพลัง Plug-in Hybrid E 350 e AMG Dynamic
ในด้านสมรรถนะ E 220 d AMG Line ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร 1,993 ซีซี มอบกำลังแรงม้าสูงสุด 197 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตรที่ 1,800–2,800 รอบต่อนาที
ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. เพียง 7.6 วินาที ทำงานร่วมกับ 48V Electrical System (ISG2) 23 แรงม้า 205 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ (9G-TRONIC)
ขณะที่ E 350 e AMG Dynamic ผสานขุมพลังการขับเคลื่อนในรูปแบบรถปลั๊ก-อินไฮบริด ผ่านเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบแบบ 4 สูบแถวเรียง เมื่อเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าทั้งระบบ
มอบกำลังแรงม้ารวมสูงสุด 313 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 550 นิวตันเมตร มาพร้อมระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. เพียง 6.5 วินาที
ในด้านของแหล่งพลังงาน E 350 e AMG Dynamic ติดตั้งแบตเตอรี่แรงดันสูงที่มีความจุ 25.4 kWh ช่วยให้สามารถขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าได้ไกลมากกว่า 100 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP รองรับการชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบกระแสตรง (DC Charge) สูงสุด 55 kWh ใช้เวลาชาร์จจาก 0–100% เพียง 30 นาที ส่วนการชาร์จแบบกระแสสลับ (AC Charge) รองรับสูงสุด 11 kWh ใช้เวลาชาร์จจาก 0–100% ในระยะเวลา 2 ชั่วโมง 30 นาที
ทั้ง 2 โมเดลมาพร้อมดีไซน์การออกแบบรอบคันด้วย AMG Bodystyling ที่มอบความดุดันตามแบบฉบับของ AMG พร้อมระบบปิดประตูแบบ Soft Close
ทางด้านของ E 220 d AMG Line มาพร้อมไฟหน้า LED high-performance ทำงานร่วมกับระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Adaptive Highbeam Assist มอบความสะดวกสบายด้วย KEYLESS-GO Comfort Package ที่สามารถควบคุมด้วยระบบดิจิทัลผ่านสมาร์ทโฟน
ช่วงล่างติดตั้งล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 19 นิ้ว ผสานการทำงานร่วมกับระบบกันสะเทือนแบบ AGILITY CONTROL ช่วยซับแรงกระแทก และทำให้การขับขี่มีความนุ่มนวลยิ่งขึ้น
ขณะที่ E 350 e AMG Dynamic โดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบเรืองแสง ติดตั้งไฟหน้า DIGITAL LIGHT และระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Adaptive Highbeam Assist Plus ช่วยเสริมความปลอดภัยในการขับขี่และการโดยสารในทุกเส้นทาง ด้านบนมีการติดตั้งหลังคาพาโนรามิคซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า
ยกระดับเทคโนโลยีด้วย Heat and Noise-insulting Acoustic Glass ช่วยสะท้อนความร้อน ป้องกันรังสีอินฟาเรด และเสียงสะท้อนจากภายนอกปิดท้ายด้วยล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG ขนาด 20 นิ้ว ที่ออกแบบให้มีการลดอากาศหมุนวนบริเวณด้านข้างล้อ เพื่อทุกการขับขี่ที่เต็มไปด้วยสุนทรียภาพและความปลอดภัยขั้นสูง
ภายในห้องโดยสารของทั้ง 2 รุ่นมีการตกแต่งแบบ AMG Interior Package ที่เน้นความสปอร์ตแต่ยังคงความหรูหราตามแบบฉบับของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ควบคุมทิศทางการขับขี่ด้วยพวงมาลัย Multifunction Sports Steering
เสริมความลักชัวรี่ด้วยเบาะหนังสีดำ มาพร้อมระบบปฏิบัติการ MBUX เจเนอเรชั่นที่ 3 พร้อมกล้อง Selfie สำหรับการประชุมงานหรือเพิ่มความบันเทิง ติดตั้งจอ MBUX Superscreen ขนาดใหญ่พิเศษ 14.4 นิ้ว บริเวณแผงคอนโซลกลาง และจอขนาด 12.3 นิ้ว บริเวณผู้โดยสารตอนหน้า
ตอบโจทย์ทุกการใช้งานอย่างครบครัน โดยมีการปรับปรุงให้สามารถรับ-ส่งข้อมูลออนไลน์ได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมระบบ AI ที่จะเรียนรู้และปรับฟังก์ชั่นต่าง ๆ ของรถยนต์ให้เข้ากับพฤติกรรมและรสนิยมของผู้ขับขี่
ทั้งยังติดตั้งระบบปรับอากาศ ENERGIZING AIR CONTROL ที่สามารถปรับทิศทางลมได้อย่างอิสระ และฟังก์ชั่นอื่น ๆ ที่พร้อมจะมอบความสะดวกสบายอันเหนือระดับไว้อย่างเต็มพิกัด
ด้านเทคโนโลยี และความบันเทิง E 220 d AMG Line โดดเด่นด้วยไฟเรืองแสง Ambient Lightning Plus กว่า 64 เฉดสี ที่จะเปลี่ยนบรรยากาศของห้องโดยสารได้อย่างรื่นรมย์ ทั้งยังมีการติดตั้งระบบ MBUX Augmented Reality สําหรับแผนที่นําทาง
นอกจากนี้ E 350 e AMG Dynamic มาพร้อม Digital Vent Control ช่องแอร์ที่ปรับการทำงานด้วยระบบไฟฟ้า เพื่อให้มีการหมุนเวียนอากาศเสมือนมีลมธรรมชาติภายในห้องโดยสาร พร้อมเทคโนโลยี Head-up display ให้ผู้ขับขี่สามารถเห็นข้อมูลการขับขี่โดยไม่ต้องละสายตาจากท้องถนน
ทั้งยังมอบความพิเศษด้วยระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester 4D Surround Sound System พร้อมลำโพง 21 ตัว ผสานการทำงานร่วมกับเทคโนโลยี Dolby Atmos ให้ผู้ขับขี่ และผู้โดยสารได้ฟังเสียงอย่างคมชัดสมจริงราวกับนั่งอยู่ในโรงภาพยนตร์ และไฟรอบห้องโดยสารแบบ Active Ambient Lighting ที่สามารถปรับแสงสีในห้องโดยสารให้เป็นไปตามจังหวะเพลง ให้ทุกการเดินทางเต็มไปด้วยความเพลิดเพลินในทุกอารมณ์
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th