New Mercedes-Benz G-Class รุ่นใหม่ยังคงเอกลักษณ์พร้อมเพิ่มความทันสมัย
Mercedes-Benz เผยโฉมรถออฟโรดที่เป็นตำนานของตน New G-Class รุ่นใหม่ออกมา ซึ่งแม้ภายนอกของรถจะดูเหมือนไม่ค่อยมีควมเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมนัก เพราะยังคงสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของรถเอาไว้ แต่ทางค่ายดาวสามแฉกก็ระบุว่าเป็นรถรุ่นใหม่ในแบบ All-New โดยที่มีเทคโนโลยีมากขึ้นทั้งขุมพลังและในห้องโดยสาร
New Mercedes-Benz G-Class ใหม่มาใน 2 ขนาดภายนอกรถ โดยรุ่นปกติมีความยาว 4,825 มม. กว้าง 1,931 มม. สูง 2,042 มม. ขณะที่รุ่นสมรรถนะสูงจาก AMG มีความยาว 4,873 มม. กว้าง 1,984 มม. สูง 1,971 มม. ส่วนระยะฐานล้อของรถมีความยาวเท่ากันที่ 2,890 มม.
ในด้านการออกแบบรถยังคงรายละเอียดต่างๆ ที่เป็นความคลาสสิกเอาไว้อย่างมือจับเปิดประตูรถ การแต่งภายนอกที่มีความแกร่งเพื่อปกป้องรถ ล้ออะไหล่ที่ติดอยู่บนประตูหลัง และไฟเลี้ยวที่ยื่นออกมานอกรถ แต่มีความเปลี่ยนแปลงรายละเอียดต่างๆ ภายนอกรถไปจากรุ่นก่อนหน้าอย่างกระจังหน้าใหม่พร้อม 4 แถบแนวนอน กันชนหน้าและกันชนหลังที่ได้รับการออกแบบใหม่ โดยกันชนหน้าให้ความรู้สึกหรูมากขึ้น
นอกจากนี้รถออฟโรดรุ่นใหม่ยังมีคิ้วหุ้มเสา A-Pillar ใหม่ สปอยเลอร์ขนาดเล็กปลายหลังคา และวัสดุป้องกันเสียงใหม่ เพื่อให้รถมีทั้งแอโรไดนามิกและการป้องกันเสียงที่ดีขึ้น รวมไปถึงมีล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วเน้นแอโรไดนามิกเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ส่วนการแต่งรถมีให้เลือกทั้งแบบ Professional Line Exterior ที่เน้นความเป็นรถออฟโรดมากขึ้น Exclusive Line Exterior ที่เน้นความโดดเด่นของรถมากขึ้น และ AMG Line ที่ให้ความสปอร์ต
ห้องโดยสารของรถถูกระบุว่าจะให้ความประทับใจจากคุณภาพและภาษาการออกแบบ Pioneering เป็นการรวมกันระหว่างลักษณะของรถออฟโรดกับอุปกรณ์ระดับสูง ขณะที่บางส่วนในห้องโดยสารสะท้อนมาจากภายนอกรถอย่างช่องระบบปรับอากาศด้านข้างทรงกลมที่มาจากไฟหน้าของรถ รวมทั้งยังคงมีมือจับข้างผู้โดยสารอยู่ ขณะที่ส่วนควบคุมออฟโรดกลางได้รับการออกแบบใหม่โดยที่ยังมีสวิตช์ 3 Differential Lock อยู่ตรงกลาง ส่วนพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันของรถเป็นรุ่นล่าสุดหุ้มหนัง Nappa พร้อมพื้นผิวทัชคอนโทรล
อีกความทันสมัยในห้องโดยสารของรถคือการมาพร้อมกับจอแสดงข้อมูลผู้ขับและจอ Infotainment ขนาด 12.3 นิ้ว ที่มาพร้อมกับระบบ MBUX รวมทั้งมีการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนไร้สายผ่าน Android Auto ไร้สายและ Apple CarPlay โดยที่มีออปชันให้เพิ่มทั้งความสะดวกและความบันเทิงในห้องโดยสารของรถ รวมไปถึงการแต่งทั้งภายนอกและภายในด้วยโปรแกรม Manufaktur
ขุมพลังของ G-Classใหม่มี 3 ทางเลือกซึ่งทั้งหมดมี Integrated Starter Generator และเทคโนโลยี 48-Volt ช่วยในการขับเคลื่อนเพิ่มกำลัง 20 แรงม้า และเพิ่มแรงบิด 200 นิวตัน-เมตรในช่วงเวลาสั้นๆ โดยเริ่มจาก G 450 d ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ 3.0 ลิตร 367 แรงม้า แรงบิด 750 นิวตัน-เมตร ส่วนเครื่องยนต์เบนซินเป็นรุ่น G 500 ที่มากับเครื่องยนต์ 6 สูบ 3.0 ลิตร ไบเทอร์โบ 449 แรงม้า แรงบิด 560 นิวตัน-เมตร โดยใช้ระบบส่งกำลัง 9G-Tronic ทั้งสองรุ่น และแม้จะเป็นรถออฟโรดแต่ก็มีอัตราเร่ง 5.8 วินาที และ 5.4 วินาทีตามลำดับ ส่วนความเร็วสูงสุดของรถเท่ากันที่ 210 กม./ชม.
อีกทางเลือกเป็นรุ่นสมรรถนะสูง Mercedes-AMG G 63 ที่มีขุมพลังเป็นเครื่องยนต์เบนซิน V8 4.0 ลิตร ไบเทอร์โบ 585 แรงม้า แรงบิด 850 นิวตัน-เมตร ใช้ระบบส่งกำลัง AMG Speedshift TCT 9G ใช้เวลา 4.3 วินาทีเพื่อทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. และทำความเร็วได้สูงสุด 220 กม./ชม.
ขณะที่ความสามารถในการลุยของรถรุ่นใหม่ถูกระบุว่าสามารถไต่ทางลาดชันบนพื้นที่มีความมั่นคงได้เพิ่มถึง 100 เปอร์เซ็นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ระหว่างเพลาหน้ากับเพลาหลังของรถมีความสูงจากพื้นน้อยที่สุด 241 มม. สามารถลุยน้ำได้ลึกมากสุด 70 ซม. สามารถขับบนทางลาดเอียงได้ถึง 35 องศา มีมุมไต่ 31 องศา และมุมจาก 30 องศา ส่วนมุม Breakover อยู่ที่ 26 องศา นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชัน Transparent Bonnet เพื่อดูภาพเสมือนใต้ฝากระโปรงหน้าของรถบนจอตรงกลาง รวมทั้งมีโหมด Trail, Rock และ Sand เพิ่มเข้ามาให้เลือกสำหรับการขับออฟโรด
ราคาของรถถูกระบุว่าจะเริ่มต้นที่ 122,808 ยูโร แต่ยังไม่มีกำหนดขายรถเปิดเผยออกมา
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th