เบนซ์ย้ำรถไฟฟ้า EQC ขายไทยปีนี้-วางแผนประกอบในประเทศ, 3 เดือนเดินเครื่องรง.แบตฯ
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยืนยันเตรียมนำเอสยูวีไฟฟ้า EQC เข้ามาขายในเมืองไทยปีนี้ พร้อมเดินเครื่องโรงงานประกอบแบตเตอรี่ต้นเดือนพฤษภาคมนี้เพื่อส่งออกทั่วโลก และเตรียมวางแผนประกอบรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ
ระหว่างงานแถลงข่าวผลประกอบการประจำปี 2018 ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหารฝ่ายขาย และการตลาดบริษัทเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า Mercedes-Benz EQC รถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกของพวกเขาจะเป็น 1 ใน 20 โมเดลใหม่ที่พวกเขาจะนำเข้ามาขายในปี 2019
“ถูกต้องครับ หลายคนคงจะได้ทราบข่าวการเปิดตัว EQC รถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตเพื่อจำหน่ายจริงรุ่นแรกของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่เปิดตัวเมื่อปลายปีที่ผ่านมา เท่าที่ผมบอกได้ตอนนี้คือพวกคุณ (สื่อมวลชน) จะได้ขับ EQC ภายในปีนี้อย่างแน่นอน” รองบิ๊กบอสค่ายดาวสามแฉก ยืนยันพร้อมเผยถึงความเป็นไปได้จะนำเข้ามาประกอบในประเทศไทย “EQC เป็นส่วนหนึ่งในแผนการลงทุนที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทยยื่นขอพิจารณากับคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ทำให้มีโอกาสที่จะนำเข้ามาประกอบในประเทศ”
สำหรับ New Mercedes-Benz EQC ขับเคลื่อนด้วยพลังงานแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 80 กิโลวัตต์ชั่วโมง ส่งกำลังผ่านมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ Asynchronous Motors ด้วยระบบขับเคลื่อนที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่แยกการควบคุมเพลาแต่ละข้างเพื่อให้ได้อารมณ์การขับแบบ All-wheel Drive มีกำลังสูงสุด 300 กิโลวัตต์หรือ 408 แรงม้า และแรงบิด 765 นิวตันเมตร จำกัดความเร็วสูงสุดไว้ที่ 180 กม./ชม. ใช้เวลา 5.1 วินาทีทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม.
(คลิก) EQC-รถไฟฟ้ารุ่นแรกจากเมอร์เซเดส, ชาร์จครั้งเดียววิ่งทะลุ 450 กม.
เพิ่มการลงทุน-เปิดรง.แบตเตอรี่ส่งออกทั่วโลก
ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมนี้ โรงงานประกอบแบตเตอรี่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่จังหวัดสมุทรปราการ จะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ โดยชไตน์อัคเคอร์ กล่าวถึงแผนการลงทุนว่า “เราได้ยื่นขอสนับสนุนการลงทุนเพื่อผลิตรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้ากับบีโอไอ เมอร์เซเดส-เบนซ์ มีความมั่นใจในเทคโนโลยี EQ หลังจากเริ่มต้นก้าวแรกในประเทศไทยด้วยการประกอบรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด และในปี 2018 เราได้เพิ่มการลงทุนสร้างโรงงานประกอบแบตเตอรี่ ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าในอนาคตเมอร์เซเดส-เบนซ์ จะนำเสนอรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอีกหลายรุ่นสู่ประเทศไทย”
“ผมคิดว่าสิ่งสำคัญคือการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความเป็นผู้นำ และในฐานะหมายเลขหนึ่ง ทำให้เราไม่สามารถเฝ้ารอ แต่ต้องตัดสินใจทำเป็นรายแรกเสมอ เพื่อนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ๆ และก้าวสู่อนาคต ทั้งหมดคือความมุ่งมั่นที่ชัดเจนของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เราตัดสินใจยื่นข้อการสนับสนุนจากบีโอไอ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมาสู่ประเทศไทย”
นอกจากนี้ชไตน์อัคเคอร์ อธิบายแผนการดำเนินงานของโรงงานประกอบแบตเตอรี่ในประเทศไทยที่จะเป็นเพียง 1 ใน 6 แห่งของพวกเขาที่ตั้งอยู่ทั่วโลกว่า “โรงงานผลิตของเมอร์เซเดส-เบนซ์ แบ่งเป็นหลายระดับ เราจะเรียกทั้งหมดว่าเครือข่ายการผลิตระหว่างประเทศ (International Production Network) หมายความเมอร์เซเดสฯ จะมีโรงงานหลายรูปแบบตั้งอยู่ทั่วโลกเพื่อรองรับการผลิตรถยนต์ให้ตรงกับความต้องการของแต่ละภูมิภาค โดยฐานการผลิตใหญ่ของเมอร์เซเดสฯ จะอยู่ที่เยอรมัน สหรัฐฯ, แอฟริกาใต้ และจีน ในขณะที่โรงงานประกอบรถยนต์แบบ CKD (Completely Knocked Down) ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย หรืออินเดีย”
“สำหรับโรงงานประกอบแบตเตอรี่ จากการที่คุณไม่สามารถใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตภายในประเทศทั้งหมด ทำให้เราต้องมีเครือข่ายการผลิตแบตเตอรี่โลก (Global Network) ที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคต่างๆ เพื่อสนับสนุนแบตเตอรี่สู่โรงงานผลิตที่ต้องการ เห็นได้ชัดว่าหากคุณมองไปที่โรงงานผลิตแบตเตอรี่ในเยอรมัน, สหรัฐฯ, จีน หรือกรุงเทพฯ ที่กำลังจะเริ่มดำเนินการ แต่ความต้องการแบตเตอรี่ที่มีอยู่ทั่วโลก ทำให้โรงงานผลิตแบตเตอรี่ทั้งหมดต้องสนับสนุนทั้งเครือข่ายการผลิตของเมอร์เซเดสฯ ทั่วโลก เพื่อผลิตรถยนต์ออกสู่ประเทศต่างๆ”
นำเสนอน้ำมันเครื่อง AMG-ยางคุณภาพสูง Mercedes-Benz Original
ทางด้านคุณพุทธิ ตุลยธัญ รองประธานบริหารฝ่ายบริการลูกค้าบริษัทเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) กล่าวถึงการยกระดับบริการหลังการขายด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่อง Mercedes-Benz Genuine Oil Sales และยางคุณภาพสูงที่ติดสัญลักษณ์ Mercedes-Benz Original (MO) ที่จะมีการสื่อสารสร้างความเข้าใจกับลูกค้ามากขึ้นในปีนี้
“จุดมุ่งหมายของเราคือดูแลลูกค้าให้ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา อย่างเช่นผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่อง ก่อนหน้านี้เราให้ความสำคัญกับน้ำมันเครื่องแบบปกติที่เหมาะกับรถยนต์รุ่นต่างๆ ที่นำเข้ามาขายในประเทศไทย แต่หลังจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย เริ่มต้นทำตลาดแบรนด์รถสมรรถนะสูง AMG ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เราต้องการแนะนำผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่อง AMG เพื่อเป็นทางเลือกมากขึ้นสำหรับลูกค้า ในการดูแลรถยนต์อย่างดีที่สุด
“ในส่วนของธุรกิจยาง ก่อนหน้านี้การนำเข้ายางรถยนต์จากต่างประเทศมีขั้นตอนที่ซับซ้อนตามนโยบายภาครัฐ และปริมาณรถยนต์เมอร์เซเดสฯ ยังมีไม่มากพอที่จะสร้างความคุ้มค่าในการลงทุนส่วนนี้ แต่ปัจจุบันปริมาณรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในประเทศไทย เพิ่มสูงขึ้นถึงจุดที่เราสามารถทำได้ และน่าสนใจสำหรับลูกค้าที่บางส่วนอาจมองข้ามความสำคัญของยางรถยนต์”
“สำหรับรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ จะต้องมีสัญลักษณ์ MO เพื่อรับรองว่าเป็นยางที่เราได้ทำงานร่วมกับผู้ผลิตในการกำหนดสัดส่วนวัตถุดิบเพื่อผลิตยางที่เหมาะสมกับการใช้งาน ถึงจะเป็นยางขนาดเดียวกันจากผู้ผลิตรายเดียวกันแต่คุณภาพจะไม่เหมือนกัน ตรงจุดนี้เราจะเข้ามาให้ความรู้กับลูกค้ามากขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกในการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และหน้าที่ของเราคือให้ลูกค้าใช้บริการกับศูนย์บริการอย่างเป็นทางการได้รับรถกลับไปในสภาพใกล้เคียงกับวันแรกที่ซื้อจากบริษัทมากที่สุด” พุทธิ กล่าวทิ้งท้าย
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย)
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th