NEW MG EP PLUS ยกระดับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่สามารถใช้งานได้จริง
เอ็มจี แม้จะเป็นแบรนด์ใหม่ที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย แต่ภาพรวมกลับมียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นในทุกปี ด้วยการชูจุดเด่นสินค้าที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคสมัยใหม่ เน้นเทคโนโลยี ความทันสมัย และความคุ้มค่า ส่งผลให้เอ็มจีขึ้นเป็นผู้นำด้านรถยนต์พลังงานทางเลือกไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฮบริด หรือรถยนต์ไฟฟ้า 100% และในวันนี้กับรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด กับ NEW MG EP PLUS ที่ต่อยอดจากรถรุ่นปกติ เอาใจไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ตอบโจทย์ทุกกิจกรรมในวันหยุด
ย้อนไปดูตอนที่เปิดตัว MG EP (รุ่นปกติ) เป็นรถสเตชันแวกอนขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกในประเทศไทย ที่มาพร้อมแนวคิด “EVeryone ตอบโจทย์ทุกฟังก์ชัน รถยนต์พลังงานไฟฟ้าของทุกคน” ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าได้ทุกรูปแบบ ผสาน 4 องค์ประกอบสำคัญ ได้แก่ มิติตัวถังและพื้นที่การใช้งาน มีพื้นที่ห้องโดยสารกว้างขวาง และพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ ความสะดวกสบายและระบบความปลอดภัย ที่ครบครัน สมรรถนะที่เปี่ยมประสิทธิภาพ รวมถึงต้นทุนในการเป็นเจ้าของที่ต่ำ ราคาไม่ถึงล้าน เรียกว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าในงบประมาณจับต้องได้มากที่สุดในตลาด ณ ปัจจุบัน ซึ่งผู้บริโภคต่างตอบรับในความคุ้มค่า แต่เหนือสิ่งอื่นใด คือ ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้า ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ในระยะยาว และเห็นผลตั้งแต่เดือนแรกที่ใช้งาน โดยมีค่าใช้จ่ายต่อการชาร์จเต็มแต่ละครั้งเพียง 200 บาท หรือเฉลี่ยค่าใช้จ่ายไม่ถึง 1 บาทต่อกิโลเมตร จึงทำให้ประหยัดกว่ารถยนต์น้ำมัน กว่า 2-3 เท่า และค่าบำรุงรักษาที่ต่ำตลอดระยะเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร อยู่ที่ 7,828 บาท
ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย พร้อมลุยทุกกิจกรรม
NEW MG EP PLUS ห้องโดยสารที่ดีไซน์ให้ความรู้สึกโอบล้อม และสามารถควบคุมระบบต่างๆ ได้อย่างทั่วถึง สะดวกสบายตลอดการเดินทาง พร้อมใส่ใจในทุก
รายละเอียดด้วยวัสดุ SOFT TOUCH ตกแต่งด้วยวัสดุดีไซน์ลาย CARBONYXE ให้สัมผัสที่หรูหรา ประณีต พร้อมติดตั้งระบบความบันเทิงครบครัน หน้าจอ Touchscreen ขนาด 8 นิ้ว ที่รองรับการเชื่อมต่อกับ Apple CarPlay มีช่องเชื่อมต่อ USB และไฟ 12 โวลต์ ด้วยจุดเด่นของการเป็นรถสเตชันแวกอนที่มีมิติตัวถังขนาดใหญ่ โดยมีความยาวตลอดตัวถัง4,544 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อที่กว้างถึง 2,665 มิลลิเมตร ทำให้มีพื้นที่ห้องโดยสารกว้างขวาง นั่งสบาย และพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ โดยเมื่อพับเบาะหลังจะสามารถเพิ่มพื้นที่ความจุได้มากสูงสุดถึง 1,456 ลิตร รองรับการบรรทุกทั้งคนและสิ่งของได้เป็นอย่างดี พร้อมการติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติมทั้งชุดราวหลังคา (Roof Rail) รองรับน้ำหนักได้ถึง 75 กิโลกรัม ที่จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถขนสัมภาระและอุปกรณ์ต่างๆ ได้มากกว่าเดิม เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นจักรยานหรือกล่องใส่สัมภาระ
เพิ่มออปชันตามคำเรียกร้อง
เทคโนโลยีความปลอดภัยทั้งในรูปแบบ Active และ Passive Safety ครบครัน จึงให้ความมั่นใจในการขับขี่ เช่น ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบเบรก ABS พร้อมระบบช่วยกระจายและเสริมแรงเบรกด้วยไฟฟ้า ระบบควบคุมเสถียรภาพในการขับขี่ กล้องมองหลัง ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง ปุ่มเบรกมือไฟฟ้าและปุ่ม Auto Hold เพิ่มอุปกรณ์ในรุ่น NEW MG EP PLUS กับระบบกรองอากาศ PM 2.5 ที่สามารถดักจับและป้องกันฝุ่นละอองอนุภาคเล็กภายในห้องโดยสาร และแผ่นปิดห้องเครื่องด้านหน้า เพิ่มความเรียบร้อยและสะดวกในการบำรุงรักษา
EV Performance
“ขับสนุก แต่ยังประหยัด” เลือกโหมดการขับขี่ได้
สมรรถนะจาก EV เทคโนโลยี ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลังสูงสุด 163 แรงม้า มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร ภายในเวลาเพียง 8.8 วินาที พร้อมโหมดการขับขี่ให้เลือก 3 รูปแบบ คือ Eco, Normal และ Sport รวมทั้งมีระบบชาร์จไฟกลับเมื่อชะลอความเร็ว หรือ KERS Mode รวม 3 ระดับ สำหรับแบตเตอรี่ของ NEW MG EP เป็นลิเทียมไอออนแบบโมดูล ระบายความร้อนด้วยของเหลว ผ่านมาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่น IP67 โดยมีขนาดความจุถึง 50.3 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ให้ระยะทางในการขับขี่ได้ไกลถึง 380 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ซึ่งสามารถชาร์จไฟได้ 2 รูปแบบ คือ การชาร์จในรูปแบบ Normal Charge จาก 0-100% ผ่าน MG Home Charger ที่ใช้เวลา 7.15 ชั่วโมง และรูปแบบ Quick Charge จาก 0-80% ผ่านสถานีอัดประจุไฟฟ้าแบบเร็ว ซึ่งใช้ระยะเวลาเพียง 40 นาที
เอ็มจี รับประกันแบตเตอรี่นานถึง 8 ปี หรือ 180,000 กม. (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) กรณีจำเป็นต้องซ่อมบำรุงรักษาแบตเตอรี่ สามารถถอดเปลี่ยนเฉพาะ
MODULE ได้ โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนทั้งชุด จึงช่วยประหยัดค่าบำรุงรักษาในอนาคต
นอกจากจุดเด่นที่กล่าวมาข้างต้น MG EP ยังถือเป็นรถพลังงานไฟฟ้าที่มีมาตรฐานระดับสากล ที่วางจำหน่ายในประเทศโซนยุโรปหลายประเทศ สำหรับในประเทศไทย NEW MG EP PLUS ราคาจำหน่าย 998,000 บาท มีสีตัวถังให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีขาว (Arctic White) สีเงิน (Metallic Grey) และสีดำ (Black Knight)