5 เหตุผลที่ NEW MG HS PHEV ถูกยกให้เป็นเอสยูวีที่ “ครบเครื่อง” แห่งปี
ด้วยสถานการณ์ด้านพลังงานเชื้อเพลิงที่ราคาทะยานสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในทั่วโลก ประเทศไทยเองก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ทำให้ผู้บริโภคที่กำลังพิจารณารถยนต์คันใหม่ ต่างให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีการขับเคลื่อนที่ตอบโจทย์เรื่องความประหยัดน้ำมันมากขึ้น นอกเหนือจากรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงยังมีอีกหนึ่งเทคโนโลยีขับเคลื่อนที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันคือรถยนต์กลุ่ม Plug-in Hybrid ที่ยังไงก็ประหยัดน้ำมันมากกว่ารถยนต์สันดาป แม้จะเป็นรถเอสยูวีขนาดใหญ่แต่ระบบขับเคลื่อนแบบลูกผสมที่ใช้ทั้งน้ำมันและไฟฟ้าก็ทำให้คุณขับขี่ได้คุ้มค่ามากขึ้น อีกทั้งยังให้ความสะดวกสบายทั้งผู้ขับขี่ และผู้โดยสารควบคู่ไปกับความอเนกประสงค์
ก่อนหน้านี้พอพูดถึงรถยนต์ Plug-in Hybrid ในสมัยก่อนแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่คนทั่วไปจะเอื้อมถึง ด้วยราคาค่าตัวที่สูงลิ่ว และส่วนใหญ่จะเป็นแบรนด์หรูฝั่งยุโรปทั้งนั้น หลังจาก MG เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยไม่นานได้มองเห็นความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยที่ต้องเข้ามาเติมเต็ม จึงเปิดตัวรถรุ่นใหม่ MG HS กับขุมพลังแบบ Plug-in Hybrid เป็นตัวเลือกที่เพิ่มเติมจากรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน ซึ่งประสบความสำเร็จดีเกินคาด ด้วยจุดขายการเป็นรถเอสยูวีสุดหรูในราคาจับที่ต้องได้ มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ “พลังงานไฟฟ้า” ที่ไม่ต้องกังวลว่าแบตเตอรี่จะหมดเมื่อไร เพราะยังใช้เครื่องยนต์สันดาปมาขับเคลื่อนได้ “รถยนต์พลังงานลูกผสม” จึงเป็นอีกหนึ่งทางออกที่น่าสนใจในยุคน้ำมันแพง! เรามาดูกันว่าเหตุผลใด NEW MG HS PHEV โฉมใหม่ กลายเป็นรถ PHEV ที่ต้องพูดถึงในปี 2022
1. ดีไซน์ลงตัว ยกระดับภาพลักษณ์รถเอสยูวีสไตล์หรู ดูพรีเมี่ยม
NEW MG HS PHEV โฉมใหม่ ถือเป็นรถเอสยูวีสไตล์สปอร์ตผสมกับความพรีเมี่ยมที่ค่อนข้างลงตัวดูได้จากเส้นสายของตัวถังที่เอ็มจีกล่าวว่ามันคือแบบ British Shoulder Line เน้นเรื่องความโค้งมนที่สมบูรณ์แบบของตัวรถ จุดที่ดึงดูดสายตาได้เป็นอย่างดีเลยก็คือกระจังหน้าดีไซน์ใหม่สี 2-Tone กันชนหน้า และกันชนท้ายก็ดีไซน์ใหม่ มาพร้อมท่อไอเสียคู่ ไฟหน้าแบบ QUAD LED Projector ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lights) ไฟท้ายแบบ Full LED ติดตั้งไฟ Welcome Light สปอยเลอร์หลังพร้อมราวหลังคา ฝากระโปรงท้ายระบบไฟฟ้ามีฟังก์ชั่นปรับระดับสูง-ต่ำ พร้อมสั่งการผ่านทางรีโมทคอนโทรล ใส่ล้ออัลลอยด์ BI-COLOUR ดีไซน์ใหม่ ขนาด 18 นิ้ว เรื่องดีไซน์ของ NEW MG HS PHEV ต้องยกให้เค้าจริงๆ
2. ห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย
ภายในห้องโดยสารของ NEW MG HS PHEV ถือว่าใส่ใจในทุกรายละเอียดจริงๆ ตกแต่งด้วยสี 2-Tone Monaco Blue ใช้วัสดุบุนุ่มแบบ Soft Touch ให้ความรู้สึกหรูหราและพรีเมี่ยมขั้นสุด เบาะหนังคู่หน้าปรับไฟฟ้าแบบ Sport Bucket Seat ใช้วัสดุ Alcantara พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ใส่ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift) มาให้ด้วย หลังคาเป็น Panoramic Sunroof ขนาดใหญ่ ให้ความสำคัญกับบรรยากาศภายในห้องโดยสารโดยมี Interactive Ambient Light ที่ปรับได้ 64 เฉดสี และระบบเสียง Surround เหนือระดับกับ BOSE 8.1 Sound System ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ Dual Zone มีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลังเย็นสบายทั่วคัน มีระบบกรองอากาศ PM 2.5 ดูล้ำด้วยหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะ Full Virtual Dashboard ขนาด 12 นิ้ว หน้าจอกลาง แบบ Multi-Function Touchscreen ขนาด 10 นิ้ว สามารถเชื่อมต่อ Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Andriod กระจกมองหลังตัดแสงแบบอัตโนมัติ ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Key) พร้อมปุ่ม Push Start
สัมผัสกับเทคโนโลยีที่สุดล้ำ และใหม่แกะกล่องของเอ็มจีที่ใส่ในรุ่นนี้เป็นรุ่นแรกเลยก็คือระบบนำทางเสมือนจริง หรือ AR NAVIGATION ซึ่งระบบดังกล่าวเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างกล้องหน้าที่ถ่ายทอดสภาวะแวดล้อมจริงในขณะเดินทางร่วมกับระบบนำทาง Navigation แบบ real time ช่วยให้การใช้งานระบบนำทางแม่นยำมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงได้มีการพัฒนาระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART ล่าสุดสามารถอัพเดตฟังก์ชันการทำงานใหม่ๆ ผ่านทางออนไลน์หรือ FOTA (Firmware-Over-The-Air) ได้แล้วช่วยให้สะดวกสบายยิ่งขึ้นปัญหาการลืมกุญแจรถ กุญแจรถหายจะหมดไปด้วยระบบกุญแจดิจิตอล (Digital Key Technology) อีกทั้งเจ้าของรถสั่งงานผ่านทางมือถือได้โดยไม่ต้องใช้กุญแจสตาร์ทรถ และยังส่งกุญแจดิจิตอลให้ผู้อื่นเพื่อใช้งานรถยนต์ได้ด้วยการรับ-ส่งโค้ดผ่านทางแอพพลิเคชั่น i-SMART ได้อีกด้วย
3. Plug-in Hybrid ของเอ็มจี คือ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่มีระบบ Hybrid รองรับ
เทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดเป็นการผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ และมอเตอร์ไฟฟ้า ให้พละกำลังสูงสุด 284 แรงม้า มาพร้อมแบตเตอรี่ Lithium-ion แบบ 6 โมดูล ขนาดใหญ่ 16.6 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์แบบ EDU II – 10 Speeds ทำอัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายในเวลา 7.5 วินาที สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% (EV Mode) ได้ไกลถึง 67 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าเยอะพอสมควรเลย หากคุณเป็นที่ใช้รถแค่ขับขี่ในเมืองระยะทางสั้นๆ อาจลืมการเติมน้ำมันไปได้เลย สามารถเลือกรูปแบบการขับขี่ 5 รูปแบบ ได้แก่ โหมด EV, โหมด Eco, โหมด Normal, โหมด Sport และโหมด Super Sport มีระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) 3 ระดับ ที่จะคอยช่วยเก็บกระแสไฟฟ้ากลับสู่แบตเตอรี่
ระบบช่วงล่างของ NEW MG HS PHEV เป็นแบบ EURO TUNING SUSPENSIONช่วงล่างหน้า MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง และระบบช่วงล่างหลังแบบ Multi-link พร้อมเหล็กกันโคลงทั้งหน้าและหลัง ติดตั้งดิสก์เบรกหน้าพร้อมช่องระบายความร้อน และดิสก์เบรกหลัง สมรรถนะการขับขี่ของรุ่นนี้จึงกลายเป็นอีกหนึ่งจุดขายเป็นที่เรียบร้อย
4. ระบบความปลอดภัยที่ให้มาเต็มพิกัด ปกป้องทั้งก่อนและหลังเกิดอุบัติเหตุ
ระบบความปลอดภัยมาตรฐานสากลที่ให้มาสูงสุดถึง 26 ระบบ โดยแบ่งออกเป็นระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันก่อนเกิดอุบัติเหตุที่ช่วยทั้งเรื่องระบบเบรก และช่วยรักษาเสถียรภาพในการขับขี่ จำนวน 14 ระบบ และระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ Advanced Driver Assistance System (ADAS) หรือระบบช่วยควบคุมการขับขี่ และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุทั้งด้านหน้าและด้านท้ายรถ ซึ่งเทียบเท่ากับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติระดับที่ 2 (Autonomous Level 2) รวมกันกว่า 12 ระบบ ได้แก่
ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning)
ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)
ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถจะออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention)
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist)
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าในขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)
ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-Beam Control)
ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Brake) ที่เพิ่มเติมเข้ามาในโฉมล่าสุดนี้ เพื่อความปลอดภัยที่ดียิ่งกว่า
นอกจากนี้ ยังเสริมอุปกรณ์ความปลอดภัย อาทิ จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ (Speed Sensing Door Lock) เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ (3D Around View Monitor) พร้อมสัญญาณเตือนระยะถอยหลัง ระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง และระบบไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ เอ็มจีเค้าให้มาแบบจัดเต็มมากจริงๆ
5. อเนกประสงค์ สะดวกสบาย เหมาะสมกับครอบครัวยุคใหม่
ด้วยความเป็นเอสยูวีที่ใช้งานได้หลากหลาย ครอบคลุมกว่ารถยนต์ซีดานทั่วไปด้วยมิติและความสูงจากพื้นทำให้คุณลุยได้มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมสนุกๆ ทั้งของคุณ หรือทั้งครอบครัวค่อนข้างตอบรับกับไลฟ์สไตล์ของครอบครัวยุคใหม่ได้ดี ด้วยความอเนกประสงค์ของพื้นที่ใช้สอยทั้งในวันทำงานและวันพักผ่อน จึงกลายเป็นความคุ้มค่าที่ เสริมด้วยเทคโนโลยีการขับเคลื่อนแบบ Plug-in Hybrid
NEW MG HS PHEV มีสีตัวถังทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาว (Arctic White) สีดำ (Black Knight) สีเทา (Metal Ash Grey) และสีแดง (Scarlet Red)
ราคาจำหน่าย ราคา (บาท)
NEW MG HS PHEV รุ่น D 1,299,000.-
NEW MG HS PHEV รุ่น X 1,379,000.-
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้ามาสัมผัสพร้อมทดลองขับได้ที่โชว์รูมเอ็มจีกว่า 150 แห่งทั่วประเทศ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็ปไซด์ www.mgcars.com
เรื่อง : ณัฐพล จีระมงคลกุล
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th