NEW NISSAN LEAF 2023 มาพร้อมหัวชาร์จ TYPE2 เปิดตัว ราคา 1.59 ล้านบาท
New Nissan Leaf รถยนต์ไฟฟ้า รุ่นไมเนอร์เชนจ์ ปี 2023 เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย พร้อมปรับ ราคา ใหม่เป็น 1,590,000 บาท
นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย ซุ่มเงียบส่งรุ่นไมเนอร์เชนจ์ New Nissan LEAF รถยนต์ไฟฟ้ายอดนิยมของพวกเขา เปิดตัวขายในประเทศไทย ผ่านทางหน้าเว็บไซต์ https://www.nissan.co.th/vehicles/new-vehicles/leaf.html เมื่อวันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา
NISSAN LEAF 1.299 ล้านบาท นิสสันเปิดช่องดีลเลอร์ ปรับราคาสู้ศึกรถไฟฟ้า
ตามข้อมูลอีโคสติกเกอร์ Nissan Leaf 2023 เพิ่งได้รับการอนุมัติเมื่อวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยนำเข้าจากโรงงานนิสสัน มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น เสียภาษีสรรพสามิตในอัตรา 8 เปอร์เซ็นต์ มีอัตราการใช้ไฟฟ้า 171 วัตต์ต่อ 1 กิโลเมตร
New Leaf 2023 มีการปรับดีไซน์ทั้งภายนอก-ภายใน โดยกระจังหน้าถูกออกแบบให้มีความล้ำสมัยมากขึ้นพร้อมติดตั้งโลโก้ใหม่ของ Nissan เช่นเดียวกับชุดกันชนหลังใหม่ที่เพิ่มความปอร์ต และเปลี่ยนล้อใหม่เป็นอัลลอย 17 นิ้ว สีดำปัดเงา
อุปกรณ์มาตรฐานภายนอก New Nissan Leaf 2023
– กันชนหน้า-หลังสีเดียวกับตัวรถ
– สเกิร์ตหน้า ข้างซ้าย-ขวา และหลัง (สีดำ)
– มือจับประตูด้านนอกสีเงิน
– ไฟหน้าแบบ LED และไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (DRL) แบบ LED
– สวิตช์ปรับระดับไฟหน้าอัติโนมัติ
– ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED และไฟท้ายแบบ LED
– ที่ปัดน้ำฝนกระจกหน้า และที่ปัดน้ำฝนกระจกหลัง
– กระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ ปรับ และพับเก็บอัตโนมัติเมื่อล็อกรถพร้อมไฟเลี้ยว
– ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบตั้งเวลาหน่วง/ระบบปัดน้ำฝนด้านหลังแบบหน่วงเวลา
– ระบบไล่ฝ้ากระจกหลังแบบตั้งเวลา
– เสาอากาศวิทยุแบบ Roof Antenna
ภายในห้องโดยสารของ New Leaf 2023 มีความกว้างขวาง ทั้งที่นั่งด้านหน้า และด้านหลัง สามารถเลือกได้ 2 แบบ ทั้งสไตล์สปอร์ตเบาะหนังสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีฟ้า หรือจะลักชัวรี่ขึ้นมากับเบาะหนังโทนสีเทาอ่อน ตกแต่งด้วยด้ายสีฟ้า
ในส่วนของเสียงรบกวนในห้องโดยสาร Nissan ระบุว่าด้วยการผสานการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าที่เดินเงียบ และฉนวนที่ช่วยดูดซับเสียงทุกจุดรอบคันจะช่วยลดเสียงรบกวนลงได้มากกว่าเดิม
ความอเนกประสงค์ในห้องโดยสารของ Leaf ยังคงเหมือนเดิมกับตอนเปิดตัวครั้งแรก เบาะนั่งแถวสองสามารถเลือกปรับแบบ 60:40 หรือพับลงทั้งแถวก็จะรองรับสัมภาระได้สูงสุด 435 ลิตร เรียกว่าใส่ถุงกอล์ฟ 3 ใบเข้าไปได้อย่างสบายๆ
อุปกรณ์มาตรฐานภายใน New Nissan Leaf 2023
– เบาะนั่งคนขับปรับระดับสูง-ต่ำ, เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลังแบบแยกพับ 60 : 40
– พนักวางแขนด้านหน้าพร้อมที่เก็บของ และช่องจ่ายไฟแบบ USB
– พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง พร้อมสวิตช์ควบคุมระบบเครื่องเสียงและระบบโทรศัพท์บนพวงมาลัย, สวิตช์ควบคุมหน้าจอหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบ TFT และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control)
– กระจกมองหลังพร้อมกล้องส่องภาพจากภายนอก (Smart Rear View Mirror)
– กุญแจรีโมตอัจริยะ (Intelligent Key – I-Key)
– ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ (Push Start Button)
– ระบบคันเร่งอัจฉริยะ (e-Pedal)
– มาตรวัดแบบเรืองแสง Fine Vision Meter แบบ Digital ผ่านหน้าจอ TFT
– มาตรวัดอุณหภูมิภายนอก
– กระจกไฟฟ้ารอบคันพร้อมระบบป้องกันการหนีบ (Anti-jam Protection) ด้านคนขับ
– ที่บังแดดด้านหน้าพร้อมกระจกแต่งหน้าด้านคนขับ
– ช่องเก็บเอกสารหลังเบาะที่นั่งคนขับ และผู้โดยสารตอนหน้า
– พนักพิงศีรษะสำหรับเบาะนั่งด้านหน้า แบบปรับสูง-ต่ำได้
– พนักพิงศีรษะสำหรับเบาะนั่งด้านหลัง 3 ตำแหน่ง แบบปรับสูง-ต่ำได้
– ไฟอ่านแผนที่ด้านหน้า, ไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสาร, ไฟห้องสัมภาระท้าย และแผงบังสัมภาระด้านท้าย
– กล่องเก็บของด้านหน้า, ที่วางแก้วตอนหน้า และที่วางแก้วตอนหลัง
– มือจับด้านใน
– ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ
– ช่องจ่ายไฟสำรอง 12V
– หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับระบบเครื่องเสียง วิทยุ พร้อมระบบเชื่อมต่อ Bluetooth, USB, AUX-IN, Apple CarPlay และ Android Auto
– ลำโพง 4 ตำแหน่ง
เปลี่ยนหัวชาร์จใหม่ Type 2–แบตฯ เท่าเดิม 311 กม./ชาร์จ
ขุมกำลังของ New Nissan Leaf 2023 ไม่แตกต่างจากตอนที่เปิดตัวเจเนอเรชั่นนี้ครั้งแรกเมื่อปี 2017 โดยยังคงเป็นแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 40 กิโลวัตต์ชั่วโมงเหมือนเดิม และมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ AC3 Synchronous ให้กำลังสูงสุด 110 กิโลวัตต์หรือ 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร
ทำให้ระยะทางการขับต่อการชาร์จจะอยู่ที่ 311 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) โดยระยะเวลาการชาร์จแตกต่างตามกำลังไฟฟ้า Normal Charge กระแสไฟ 3.6 กิโลวัตต์ จะใช้เวลา 12 ชั่วโมง* และ Double Speed Charge กระแสไฟ 6.6 กิโลวัตต์ จะใช้เวลา 6 ชั่วโมง*
อย่างไรก็ตามในรุ่นไมเนอร์เชนจ์ Leaf 2023 มีการเปลี่ยนหัวชาร์จเป็นแบบ Type 2 ทำให้เจ้าของรถสะดวกสบายมากขึ้นเวลาไปจอดชาร์จนอกบ้านหรือเดินทางออกต่างจังหวัด เพราะส่วนใหญ่ตามจุดชาร์จจะเป็นหัว Type 2 แต่การชาร์จแบบเร็ว Quick Charge ยังต้องเสียบผ่านหัวชาร์จ CHadeMO เหมือนเดิม
แต่ที่ทำให้หลายคนลังเลว่าจะซื้อ Leaf ดีไหม? คงเป็นอุปกรณ์ Wallbox ที่เจ้าของรถ Leaf ยังต้องเสียงเงินติดตั้งเองเหมือนเดิม โดยตอนรับรถจากโชว์รูมคุณจะได้แค่สายชาร์จไฟบ้าน EVSE Cable รองรับกำลังไฟฟ้าสูงสุดแค่ 3.6 กิโลวัตต์เท่านั้น
หากเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์จีน ในราคาที่ต่ำกว่าหรือเท่ากัน เกือบทุกรุ่นจะให้ Wallbox พร้อมบริการติดตั้งฟรีมาเลย ทำให้ใครที่อยากได้ Leaf ต้องรอดูไปก่อนว่านิสสัน ประเทศไทย จะเปลี่ยนใจออกโปรโมชั่นแถม Wallbox ตามออกมาอีกหรือไม่
ในส่วนการรับประกันแบตเตอรี่ Nissan ยังคงมอบเงื่อนไขเดิมคือ 8 ปีหรือ 160,000 กิโลเมตร** และรับประกันระบบไฟฟ้า 5 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตร**
*เป็นการชาร์จตั้งแต่ 0-100%/ระยะเวลาการชาร์จโดยประมาณ ขึ้นอยู่กับสเปคของอุปกรณ์ชาร์จ, ** (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน)
เทคโนโลยี และระบบความปลอดภัย
1 ในเทคโนโลยีที่เป็นความภาคภูมิใจของ Nissan ที่อยู่ในรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้คือ e-Pedal ระบบคันเร่งอัจฉริยะที่ผู้ขับขี่สามารถควบคุมได้ด้วยคันเร่งเดียวทั้งเบรก และเร่งความเร็ว ให้ความสะดวกในการขับขี่ และลดอาการเมื่อยล้าในสภาพการจราจรติดขัด
เช่นเดียวกับเทคโนโลยีความปลอดภัย 360° Safety Shield มีระบบสนับสนุนการขับขี่ที่ครบครันเหมือนเดิม ด้วยแนวความคิดการพัฒนา Nissan Leaf ที่ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพียงเพื่อเป็นยานยนต์ แต่ยังเป็นเพื่อนร่วมทางด้วยการติดตั้งฟังก์ชันอัจฉริยะ ที่ช่วยเตือนเมื่ออยู่ในสถานการณ์คับขัน
ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ NISSAN INTELLIGENT MOBILITY (NIM)
– ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ Vehicle Dynamic Control (VDC)
– ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน Hill Start Assist (HSA)
– ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ Intelligent Emergency Braking (IEB)
– ระบบช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ Driver Attention Alert (DAA)
– ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง Around View Monitor (AVM)
– ระบบตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุและบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน Moving Object Detection (MOD)
– ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control)
– ระบบเตือนจุดอับสายตา Blind Spot Warning system (BSW)
– ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ High Beam Assist (HBA)
– ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง Lane Departure Warning (LDW)
– ระบบช่วยป้องกันรถออกนอกช่องทาง Lane Departure Prevention (LDP)
สำหรับ Leaf ไมเนอร์เชนจ์ 2023 จะติดตั้งกระจกมองหลัง Intelligent Rear View Mirror (IRVM) เข้ามาเพิ่ม โดยจะช่วยเพิ่มวิสัยทัศน์มุมมองด้านหลังจากการใช้กล้องที่ติดตั้งบริเวณประตูหลังมาแสดงภาพบนกระจกแทนเหมือนที่อยู่ใน Nissan Terra และ New Kicks ที่ขายในประเทศไทยก่อนหน้านี้
ในส่วนระบบความปลอดภัยทั้ง Active และ Passive Safety จะติดตั้งใน New Leaf 2023 เป็นมาตรฐานเหมือนรุ่นที่แล้ว ประกอบด้วย
– ถุงลมนิรภัย SRS คู่หน้า, ถุงลมนิรภัยด้านข้าง (Side Airbags) และม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง (Side Curtain Airbags)
– ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค Anti-lock Braking System (ABS)
– ระบบกระจายแรงเบรก Electronic Brake Force Distribution System (EBD)
– ระบบเสริมแรงเบรก Brake Assist (BA)
– เทคโนโลยีเบรกมือไฟฟ้า Electronic Parking Brake (E-PKB)
– ระบบกุญแจ Immobilizer
– ปุ่มควบคุมระบบเซ็นทรัลล็อก
– เข็มขัดนิรภัยคนขับ ELR แบบดึงกลับ และผ่อนแรงอัตโนมัติแบบสองทิศทาง (Double Pre-tentioner with Load Limiter)
– เข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า ELR แบบดึงกลับ และผ่อนแรงอัตโนมัติ (Single Pre-tentioner with Load Limiter)
– เข็มขัดนิรภัยที่นั่งด้านหลัง ELR แบบ 3 จุด 3 ตำแหน่ง
– ระบบป้องกันเด็กเปิดประตูหลังจากภายในรถ
Vehicle-to-Home พลังงานสะอาดแห่งอนาคต
นอกจากนี้นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย พยายามนำเสนอระบบพลังงานสะอาดของพวกเขาด้วยการใช้รถยนต์ไฟฟ้า นิสสัน ลีฟ ใหม่ เป็นแหล่งจ่ายไฟฟ้าให้กับบ้าน โดยติดตั้งสถานีไฟฟ้า EV ที่เป็นพลังงานสะอาดแห่งอนาคตไว้ที่บ้าน ทำให้ Leaf ไม่ได้เป็นเพียงรถ แต่สามารถใช้เป็นแบตเตอรีสำรองช่วยประหยัดพลังงานในครัวเรือนได้ด้วย 3 ความโดดเด่นของระบบ Vehicle-to-Home
1. การประหยัดพลังงาน/อัตราการประหยัดไฟฟ้า
2. เป็นแหล่งไฟสำรองฉุกเฉิน
3. มีอัตราการชาร์จไฟที่รวดเร็ว
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th
NISSAN LEAF 2023 ราคา