เผยโฉม SCRAMBLER 1200 พร้อมแล้วสำหรับปี 2024
SCRAMBLER 1200 ปี 2024 จาก ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เตรียมเผยโฉม“สแครมเบลอร์” (Scrambler) ล่าสุด เปิดตัว Scrambler 1200 X และ Scrambler 1200 XE ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่
รถจักรยานยนต์ทั้ง 2 รุ่น โดดเด่นด้วยเครื่องยนต์ไทรอัมพ์บอนเนวิลล์ 1200 ซีซี ซึ่งทั้งสองรุ่นใหม่ได้ยกระดับมาตรฐานให้สูงขึ้นทั้งในด้านประสิทธิภาพ และสไตล์แบบฉบับสแครมเบลอร์อย่างแท้จริง
สำหรับ X รุ่นใหม่ มีคุณสมบัติดังนี้:
- ระบบกันสะเทือนใหม่ โช้ค Marzocchi™ USD และ RSU ขนาด 45 มม.พร้อมกระปุกน้ำมันแยก และการปรับพรีโหลด ให้ระยะยุบตัวของล้อ 170 มม. ที่ถูกปรับให้เหมาะสมสำหรับการขับขี่บนถนน
- เทคโนโลยีขับขี่ขั้นสูง (ไม่สามารถใช้ร่วมกับ Scrambler 1200 XC รุ่นก่อนหน้าได้) ทำให้ Scrambler 1200 X ขับขี่ได้ดียิ่งขึ้นบนท้องถนน รวมถึง Optimised Cornering ABS รุ่นปรับปรุงใหม่ ระบบ Optimised Cornering Traction Control ที่สามารถเปิด – ปิดได้
- แผงหน้าปัดมัลติฟังก์ชั่นพร้อมจอแสดงผล TFT ในตัว
- โหมดขับขี่ 5 โหมด รวมถึงโหมดออฟโรด
- ไฟ LED ทั้งคัน รวมถึงไฟหน้า DRL อันเป็นเอกลักษณ์ ไฟท้ายขนาดกะทัดรัด และไฟเลี้ยวแบบใหม่ที่เพรียวบางร่วมสมัย
- ช่องชาร์จไฟ USB
- อุปกรณ์เสริมที่สามารถติดตั้งเพิ่มเพื่อเชื่อมต่อกับรถจักรยานยนต์ ในการนำทางแบบ Turn-by-turn การใช้งานควบคุมโทรศัพท์ และการฟังเพลง
การอัปเดตสำหรับ XE ในปี 2024 ประกอบด้วย:
- อัปเดตคาลิปเปอร์เบรก Brembo Stylema® เจนเนอเรชั่นล่าสุด พร้อมจานเบรกคู่ขนาด 320 มม. และคาลิปเปอร์เบรก Nissin ลูกสูบเดี่ยวที่ด้านหลัง
- โช้ค Marzocchi™ USD ขนาด 45 มม. และ RSU แบบ ‘สปริงคู่’ พร้อมกระปุกน้ำมันเบรก
- ระบบกันสะเทือน Marzocchi™ ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ พร้อมระยะยุบตัวล้อหน้า และหลังยาว 250 มม. ปรับแต่งได้อย่างเต็มที่ และรองรับการปรับขั้นสูง
- ท่อไอดีและส่วนหัวท่อไอเสียที่ได้รับการปรับปรุงให้กระจายแรงบิดได้กว้างขึ้นในช่วงรอบสูง
- รายละเอียดการตกแต่งที่ได้รับการปรับปรุง รวมถึงไฟเลี้ยว LED แบบเพรียวบาง และไฟท้าย LED ขนาดกะทัดรัดใหม่
- เพิ่มประสิทธิภาพในการเดินทางด้วยอุปกรณ์เสริม ชิลด์หน้าสูง และอุปกรณ์จัดเก็บสัมภาระที่ด้านท้าย
ประสิทธิภาพอันเร้าใจ
เครื่องยนต์สูบคู่บอนเนวิลล์ 1200 ซีซี แบบเดียวกัน และการปรับแต่งแบบ Scrambler ที่ให้แรงบิดสูง มาพร้อมคันเร่งเดี่ยวขนาด 50 มม. และส่วนหัวท่อไอเสียที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ช่วยให้มีอัตราการไหลเวียนที่ดีขึ้นและการกระจายแรงบิดได้กว้างขึ้นในช่วงรอบสูง ตั้งแต่ 5,000 RPM จนถึงเส้น Redline โดยรุ่นปี 2024 ยังได้รับการปรับแต่งใหม่ กำลังสูงสุดมาถึงเร็วขึ้นเล็กน้อยในช่วงรอบหมุน โดยแตะได้ถึง 90 แรงม้า ที่ 7,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 110 นิวตันเมตร
คุณลักษณะเฉพาะระดับพรีเมียม
- เฟรม Scrambler ที่ทำจาก Tubular Steel เฉพาะ เช่นเดียวกับล้อซี่ลวดสแตนเลสสเปคสูง พร้อมขอบล้ออะลูมิเนียมน้ำหนักเบา และทนทาน ทั้งสองรุ่นมีหลักสรีรศาสตร์และการออกแบบแฮนด์รถที่แตกต่างกัน โดย XE มีความกว้างมากกว่ารุ่น X ถึง 65 มม. สำหรับขับขี่ออฟโรด และ XE ยังมีฐานรองแฮนด์แบบถอดได้ สำหรับการปรับความสูง 10 มม. เพื่อการปรับหลักสรีรศาสตร์ให้ดียิ่งขึ้น
- สวิงอาร์มอะลูมิเนียมหล่อแบบพรีเมียมสองด้าน ด้วยความสูง 579 มม. XE มีสวิงอาร์มที่ยาวกว่า 32 มม. และระยะฐานล้อที่ยาวกว่า X ซึ่งช่วยเพิ่มการควบคุมในการขับขี่แบบออฟโรด ในขณะที่ฐานล้อที่สั้นกว่าของ X ช่วยให้การขับขี่บนถนนคล่องตัว และตอบสนองได้ดี
- ยางเลือกใช้ Metzeler อีกด้วย โดย X ใช้ยาง Karoo Street ที่เน้นการใช้งานบนถนนเป็นหลัก ในขณะที่รุ่น XE มาพร้อมยาง Metzeler Tourance รวมถึงยาง Michelin Anakee Wild ที่ไทรอัมพ์รับรอง ซึ่งจะมาช่วยเพิ่มความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดที่เหนือชั้นยิ่งขึ้น
อุปกรณ์ล้ำสมัย
- XE มีคาลิปเปอร์เบรกหน้า Brembo™ Stylema® โมโนบล็อกเรเดียล อันทรงพลังรุ่นล่าสุด พร้อมจานเบรกคู่ขนาด 320 มม. ให้ประสิทธิภาพในการเบรกระดับชั้นนำ ในขณะเดียวกัน เบรกหลังมาพร้อมจานเบรกขนาด 255 มม. และคาลิปเปอร์ Nissin เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเบรกสูงสุด
- ด้านรุ่น X มีจานเบรกหน้าคู่ขนาด 310 มม. พร้อมคาลิปเปอร์ลูกสูบคู่ของ Nissin ในขณะเดียวกันจานเบรกหลังขนาด 255 มม. และคาลิปเปอร์เบรกของ Nissin ให้ประสิทธิภาพการเบรกอย่างมั่นใจบนท้องถนน
ระบบช่วยเหลือในการขับขี่
- ทั้งสองรุ่นมาพร้อมระบบ Optimised Cornering ABS และระบบ Optimised Cornering Traction Control มีให้เลือก 5 โหมดสำหรับ รุ่นX โดยแต่ละโหมดมีการตอบสนองคันเร่งเฉพาะของตัวเอง รวมถึงการตั้งค่า ABS และระบบควบคุมการยึดเกาะถนนโดยเฉพาะ ผู้ขี่สามารถเลือกได้ Sport, Road, Rain, Off-Road และ Rider Configable
- ในขณะที่ XE เพิ่มเติมโหมด Off-Road Pro เพื่อให้นักบิดมากประสบการณ์ควบคุมรถได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่สะดุดเพื่อการขับขี่แบบออฟโรดที่ท้าทายที่สุด
- ระบบตรวจจับแรงเฉื่อย IMU (Inertial Measurement Unit) สเปคสูงซึ่งได้รับการพัฒนาร่วมกับ Continental ระบบนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบ Optimised Cornering ABS
- ระบบ Optimised Cornering Traction Control โดยจะเลือกการตั้งค่าที่ถูกต้องแบบอัตโนมัติโดยการวัดอัตรา Roll, Pitch, Yaw และการเร่งความเร็วเพื่อคำนวณมุมเอียง พร้อมยกระดับประสบการณ์การขับขี่โดยรวม นอกจากนี้ทั้ง X และ XE มีการติดตั้งคลัตช์เสริมแรงบิดเข้ามาด้วย
โดย XE จะประกอบด้วย สี Phantom Black & Storm Grey ร่วมสมัย พร้อมโดดเด่นด้วยเส้นสีแดง ตามด้วยสี Baja Orange & Phantom Black ใหม่ล่าสุด และสี Sapphire Black ยอดนิยมตลอดกาล ในขณะด้าน X จะมีสี Carnival Red, สี Ash Grey สุดเท่ และสี Sapphire Black แบบคลาสสิก
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ได้ที่ www.grandprix.co.th