NEW TOYOTA C-HR 2021 เจาะรายละเอียด …มีอะไรใหม่บ้าง
การเดินทางของ Toyota C-HR ยังคงมีเรื่องประหลาดใจได้ตลอด ไม่น่าเชื่อว่าโตโยต้ามีแผนกระตุ้นยอดขายได้เสมอเมื่อถึงเวลา ที่ผ่านมารถยนต์รุ่นนี้มีหลายเวอร์ชั่นในการอัพเกรดเพิ่มอุปกรณ์เข้ามาขาย หรือแม้แต่รุ่นพิเศษเข้ามาสร้างสีสัน ยอมรับว่าไม่ว่าโตโยต้าจะหยิบจับตรงไหนมันก็ดูเตะตาขึ้นเสมอ หรือนี่จะเป็นรถยนต์ที่ตกแต่งได้อย่างไม่มีขีดจำกัด ย้อนไปดูวันแรกที่โตโยต้าแนะนำรถรุ่นนี้ออกขายอย่างเป็นทางการ ทั้งรุ่นเครื่องยนต์สันดาป และเครื่องยนต์ลูกผสมไฟฟ้าไฮบริด มันประสบความสำเร็จสร้างยอดขายสะสมหลายหมื่นคัน ด้วยความที่มีดีไซน์เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมาในช่วงรถเซ็กเม้นท์ Sub-Compact SUV หรือแล้วแต่จะเรียกว่าเป็นครอสโอเว่อร์ กำลังได้รับความนิยม ด้วยขนาดที่กำลังน่ารักสไตล์คอมแพค ดูล้ำสมัยด้วยเส้นสายที่โฉบเฉี่ยวไร้ที่ติทุกมุมมอง เชื่อว่าใครเห็นก็ต้องนิยมชมชอบไปตามกัน จนอยากเป็นเจ้าของ ส่วนจุดเด่นของมันคือความเป็นรถยนต์ไฮบริดที่มาได้ถูกเวลา เมื่อคนไทยกำลังเห็นดีเห็นงามกับเทคโนโลยีนี้ ซึ่งก่อนหน้ามันเป็นอะไรที่แพงอยู่ในรถที่เอื้อมไม่ถึง และชื่อชั้นไฮบริดของโตโยต้าถูกพิสูจน์แล้วว่าคุ้มค่าน่าลงทุนในรถที่เอาเข้ามาขายก่อนหน้า ส่งผลให้เราต้องโบกมือลาเครื่องยนต์สันดาบแบบทิ้งไว้กลางทาง เพราะรุ่นไฮบริดมันได้สิทธิหลายอย่างทางภาษี ซึ่งเมื่อเดือนมิถุนายน โตโยต้า ประเทศไทย ประกาศชัดว่าเหลือขายเพียงรุ่น HV Premium Safety ราคา 1,139,000 บาท
รู้กันไหมทำคอมแพคเอสยูวีถึงขายดี ไม่บ่อยหรอกที่ประเทศไทยจะได้ใช้รถที่เหมือนกับประเทศพัฒนาแล้ว และรถกลุ่มนี้มักจะเป็นโมเดลคุ้นตาที่ขายอยู่ทั่วโลก แล้วมันดียังไง “มันสวย มันเท่ห์” ไม่เหมือนรถซีดานที่เห็นกันจนชินชา ก่อให้เกิดความชอบหลงใหลได้ง่าย แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด Toyota C-HR ยังตอบโจทย์เรื่องของมิติรถที่สูงกว่ารถยนต์ซีดาน ส่งผลให้ขับง่ายกับสภาพถนนแบบบ้านเรา มีเนิน มีหลุม หรือแม้แต่จอดชิดฟุตบาทขอบสูง มันเป็นรถยนต์ที่ผู้ชายชอบ ผู้หญิงใช้ก็ดี ไม่จำกัดเพศ ก่อนที่คุณจะต่อยอดขยับสเต็ปไปรุ่นสูงกว่า ส่วนสำคัญอีกอย่างคือความอเนกประสงค์ รองรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ทั้งด้านการขับขี่ ระบบการเชื่อมต่อต่างๆ และพื้นที่การใช้งานที่ปรับเปลี่ยนได้ ด้วยเบาะพับด้านหลัง ถึงแม้ว่าจะมีพื้นที่ไม่ได้ใหญ่โตมาก แต่ผู้ออกแบบก็รีดประโยชน์ใช้สอยได้ทุกจุด
ก่อนที่จะไปดูว่ารุ่นใหม่เปลี่ยนอะไร มาดูคอมเม้นท์ของคนที่เคยขับรถรุ่นนี้มาส่วนใหญ่ชื่นชมสมรรถนะ ทั้งการขับขี่ในเมือง และทางไกล เป็นรถยนต์ที่ขับสนุกอีกรุ่น แต่ดันมาพร้อมความประหยัด พร้อมกับสวนผสมสำคัญคือสถาปัตยกรรมใหม่เพิ่มความแข็งแกร่งของโครงสร้างในชื่อ TNGA (Toyota New Global Architecture) ที่ถูกนำมาใช้ต่อในรถยนต์อีกหลายรุ่นของโตโยต้า แล้วมันคืออะไร มันคือการเพิ่มประสิทธิภาพการทรงตัวของรถ และสมรรถนะของช่วงล่าง การใช้จุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำส่งผลให้รถยนต์ยึดเกาะถนนได้อย่างดีเยี่ยมกว่าที่เคยมีมาก่อน เข้าโค้งได้อย่างสนุกสนานและควบคุมได้อย่างแม่นยำ กลายเป็นรถยนต์ที่ดีในอุดมคติ “ตัวอย่างง่ายๆ ลองไปเข้าโค้งองศาแคบๆ หลายคนต้องชะลอความเร็ว แต่ Toyota C-HR ขับผ่านไปดื้อๆ ตัวรถยังนิ่งควบคุมได้อย่างมั่นใจ แต่ก็ใช่ว่าจะชมไปหมดทุกเรื่องข้อจำกัดของรถยนต์รุ่นนี้ก็มีด้วยพื้นที่จำกัด การใช้งานแบบรถครอบครัวยังไม่ตอบโจทย์ซึ่งแนะนำว่าควรไปเล่นพวกรถ MPV หรือพวกรถ 7 ที่นั่ง 3 แถว แบบนั้นขนกันไปได้หมดทั้งคนทั้งสัมภาระ แต่ถ้าคุณยังตัดใจไม่ได้เพราะรูปลักษณ์มันหล่อเกินห้ามใจ “ไม่แปลก” หลายคนซื้อเพราะเหตุผลนี้
เอาละมาถึงย่อหน้านี้ดูกันว่าอะไรที่เพิ่ม และอะไรที่เปลี่ยนไปต้อนรับปี 2021 ที่โตโยต้าเรียกว่า “รุ่นปรับปรุงใหม่” เริ่มต้นด้วยสีภายนอกใหม่ สีน้ำเงิน Nebula Blue กับสองทางเลือกสีหลังคาใหม่ Black roof หรือ Silver roof ไม่เคยเห็นเท่าไรนักว่าผู้ผลิตจะดึงจุดนี้มาเป็นสินค้าใหม่ อันนี้เล่นใหญ่เลย…เหมือนแบรนด์โตโยต้าจะกลายเป็นคนหนุ่มสาวที่เด็กลง ส่วนต่อมาคือระบบความปลอดภัยเพิ่มขึ้น Toyota Safety Sense ใหม่…ระบบควบคุมและปรับลดความเร็วอัตโนมัติ All-Speed Dynamic Radar Cruise Control : DRCC ระบบควบคุมและปรับลดความเร็วอัตโนมัติ ซึ่งสามารถปรับลดความเร็วจนถึงจุดหยุดนิ่งตามรถยนต์คันหน้า และจะเร่งความเร็วกลับสู่ระดับที่ตั้งไว้เมื่อไม่มีรถขวางหน้า ใหม่…ติดตั้งระบบ Lane Tracing Assist : LTA ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในกลางเลน (ไม่วิ่งออกนอกช่องทางตามเส้นถนน)
Toyota C-HR 2021 มีอะไรใหม่
ปรับระบบเครื่องเสียงใหม่ มาเป็นหน้าจอสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB และ Bluetooth สามารถโทรออกหรือรับสายโทรศัพท์ได้ผ่านหน้าจอ รวมถึงเรียกแผนที่นำทางจากมือถือมาใช้ได้ หรืออยากฟัง Podcast ก็มี รองรับชีวิตดิจิตอล พร้อมกันนี้เจ้าของรถยังเข้าถึง App บนมือถือ T-Connect by Toyota ได้แล้ว ด้วย 3 คุณสมบัติ คือระบบป้องกันผ่านการติดตามการโจรกรรม พร้อมช่วยเหลือฉุกเฉิน หรือสามารถกำหนดขอบเขตความปลอดภัยให้แจ้งเตือนเมื่อรถออกนอกพื้นที่ เป็นต้น อย่างต่อมาเป็นการแจ้งเตือน ทั้งด้านการบำรุงรักษา ข้อมูลรถ และการขับขี่ และมีผู้ช่วยส่วนตัวคอยบริการช่วยดูแลตลอดการเดินทาง ทั้งหมดนี้เป็นเจ้าของในราคาที่ไม่ได้ปรับขึ้นจากตัวก่อนหน้า
Hybrid Generation 4th รับประกันแบต 10 ปี รับประกันระบบไฮบริด 5 ปี
ด้านขุมพลังยังคงเป็นเครื่องยนต์เบนซินรหัส 2ZR-FXE แบบ 4 สูบแถวเรียง ขนาด 1,798 ซีซี พร้อมระบบ VVT-I ให้กำลังสูงสุด 98 แรงม้าที่ 5,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 142 นิวตันเมตรที่ 3,600 รอบต่อ ผสานการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าร่วมกันอัตโนมัติ ที่ให้กำลังสูง 53 กิโลวัตต์ เมื่อรวมกันจะให้กำลังสูงสุดถึง 122 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ E-CVT พร้อม Shift-Lock ทนทานและประหยัดน้ำมันได้มากขึ้นส่งกำลังได้อย่างนุ่มนวลต่อเนื่อง เครื่องบล๊อกนี้รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ความจุถังน้ำมัน 43 ลิตร ส่วนอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 24.4 กม./ลิตร (ข้อมูลจาก Eco Sticker)
ทั้งนี้ Toyota C-HR มีโหมดการขับขี่ให้เลือก 3 แบบ EV Mode ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในความเร็วต่ำ Sport Mode เพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ และ Eco Mode รับการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
ตอบข้อสงสัย ข้อดีของระบบไฮบริดโตโยต้าคืออะไร? อย่างแรกชาร์จไฟในตัวขณะขับขี่ สามารถแปลงพลังงานส่วนเกินให้เป็นพลังงานไฟฟ้าสะสมหมดกังวลเรื่องสถานีชาร์จไฟ (ไม่เหมือนพวกรถเสียบปลั๊ก) จากการผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าส่งผลให้อัตราเร่งออกตัวรวดเร็วทันใจ ในทางตรงกันข้ามไฮบริดยังช่วยลดผลพิษต่อสิ่งแวดล้อม ยิ่งเมื่อขับด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า เครื่องยนต์จะหยุดทำงาน จึงไม่มีการปล่อยไอเสียสู่อากาศ และไร้เสียงรบกวน ส่วนใครที่ลังเลเครื่องการบำรุงรักษาโตโยต้าบอกว่าดูแลง่ายไม่ต่างจากเครื่องยนต์เบนซินปรกติ
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th