All-new Supra รถสปอร์ตระดับตำนาน คืนชีพอย่างเป็นทางการพร้อมเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ 3.0 ลิตร ที่มีกำลังสูงสุด 335 แรงม้า เหยียบจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 4.3 วินาที และความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 250 กม./ชม. ครองตำแหน่งโมเดลที่เร็วที่สุดของ Toyota ในปัจจุบัน โดยประกาศราคาขายในประเทศสหรัฐฯ เริ่มต้นที่ 49,000 ดอลล่าร์หรือราว 1.51 ล้านบาท พร้อมส่งมอบช่วงซัมเมอร์นี้

All-new Supra ยังคงรักษาเอกลักษณ์ที่สืบทอดมาตั้งแต่เจเนอเรชั่นแรกที่เปิดตัวเมื่อปี 1978 ด้วยการเป็นรถสปอร์ตเครื่องยนต์แถวเรียง 6 สูบ (Inline Six-cylinder) วางหน้าขับเคลื่อนล้อหลัง แต่เป็นครั้งแรกที่พัฒนาโดยวิศวกรจากทีมแข่ง Toyota Gazoo Racing ที่ให้ความสำคัญกับ 3 องค์ประกอบพื้นฐานคือ ระยะฐานล้อ, ผิวสัมผัสของยางกับพื้นถนน และจุดศูนย์ถ่วง เพื่อสร้างรถสปอร์ตที่มีสมรรถนะการควบคุมที่ดีที่สุด

ระหว่างการเปิดตัวที่งานนอร์ธ อเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล ออโต้โชว์ 2019 ในเมืองดีทรอยต์ ประเทศสหรัฐฯ เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา Akio Toyoda ประธานใหญ่ Toyota เผยความรู้สึกว่า “ย้อนกลับไปในวันที่ผมใช้เวลาหลายสิบชั่วโมงขับรถ Supra รุ่นเก่าในสนามนูร์เบิร์กริงต์ เพื่อฝึกฝนตัวเองให้กลายเป็นนักแข่งชั้นยอด Supra เปรียบเสมือนเพื่อนเก่าที่มีพื้นที่พิเศษอยู่ในใจของผมเสมอมา”

“ในขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นๆ นำเสนอรถต้นแบบที่สวยงาม และเปิดตัวออกมาอย่างต่อเนื่อง ผมยังคงขับรถ Supra คันเก่าที่ยุติการผลิตไปแล้ว ถึงจะรับรู้ว่า Toyota ไม่มีแผนจะสร้าง Supra รุ่นใหม่ แต่ผมก็รู้สึกไม่แตกต่างจากบรรดาแฟนเดนตายของ Supra ทั่วโลก ผมแอบหวังอยู่ลึกๆ ว่ามันจะเกิดขึ้นจริง และ New GR Supra ได้ถือกำเนิดขึ้นหลังจากผ่านการทดสอบแสนทรหดที่นูร์เบิร์กริงต์ และผมสามารถพูดด้วยความสัตย์จริงว่านี่คือรถที่ขับสนุก และดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา”

คอนเซ็ปต์การดีไซน์ All-new Supra พัฒนาจากรถต้นแบบ FT-1 ที่เป็นผลงานจากทีมออกแบบ Toyota ประจำศูนย์ดีไซน์ Calty ในแคลิฟอร์เนีย เมื่อปี 2014 โดยถูกกำหนดให้มีการถ่ายเทน้ำหนักแบบ 50:50 เพื่อรักษาสมดุลของระบบแอโรไดนามิกที่ถ่ายเทอากาศจากด้านหน้ารถสู่ด้านหลัง

โครงสร้างตัวถังผลิตจากอลูมิเนียมผสมเหล็กกล้าที่เพิ่มความแข็งแกร่งทนรับแรงบิดได้มากสูงกว่า 2.5 เท่าหากเทียบกับ Toyota 86 รวมถึงแบรนด์หรูในเครือ Lexus LFA ใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์เข้ามาเสริมสำหรับโครงสร้างภายในห้องโดยสาร พร้อมออกแบบตำแหน่งคนขับเพื่อให้มีวิสัยทัศน์ และการควบคุมรถที่ดีที่สุดอีกด้วย

ขุมกำลังของ All-new 2020 Supra ในรุ่นท็อป RZ ที่จะออกขายในประเทศญี่ปุ่น จะเป็นเครื่องยนต์ Inline-6 Twin-scroll Turbocharger 3.0 ลิตร ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 8-speed Sports Automatic Transmission ความแรง 335 แรงม้าที่ 5,000-6,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตรที่ 1,600-4,500 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม. ในเวลา 4.3 วินาที ความเร็วสูงสุดถูก 250 กม./ชม. (ถูกจำกัดด้วยระบบอิเล็คทรอนิคส์) โดย 2 รุ่นรอง SZ-R  กับ SZ เครื่องยนต์จะถูกลดขนาดลงมาเหลือ 4 สูบ 2.0 ลิตร ที่มีกำลังแตกต่างกัน พร้อมประกาศกำหนดขายอย่างเป็นทางการในช่วงฤดูใบไม้ผลิหรือราวเดือนมีนาคม-เมษายนนี้

ส่วนตลาดสหรัฐฯ จะมีเฉพาะเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร เอาใจบรรดานักซิ่งอย่างเต็มที่ แต่มีการตั้งเงื่อนไขพิเศษสำหรับคนที่อยากจับจองเป็นเจ้าของ โดยล็อตแรก 1,500 คัน จะผลิตขึ้นพิเศษในชื่อ Launch Edition ราคาเริ่มต้น 55,250 ดอลล่าร์สหรัฐฯ (ราว 1.71 ล้านบาท) มีให้เลือก 3 โทนสีได้แก่ Absolute Zero White, Nocturnal Black และ Renaissance Red 2.0 พร้อมอุปกรณ์ตบแต่งพิเศษทั้งล้ออัลลอยสีดำขนาด 19 นิ้ว, กระจกมองข้ามสีแดงพิเศษ และเบาะแข่งที่ตัดเย็บจากหนังสีแดงอย่างดี พร้อมส่งมอบให้ลูกค้าชาวอเมริกันในช่วงซัมเมอร์นี้

สำหรับ Supra อีก 2 รุ่นที่จะเปิดตัวขายแบบปกติที่สหรัฐฯ แบ่งเป็นรุ่น 3.0 ราคา 49,990 ดอลล่าร์สหรัฐฯ (ราว 1.54 ล้านบาท) และ 3.0 Premium ราคา 53,990 ดอลล่าร์สหรัฐฯ (ราว 1.67 ล้านบาท) โดยจะมีชุด Driver Assist Package ให้เลือกติดตั้งออปชั่นเสริมเพื่อความปลอดภัยในราคา 1,195 ดอลล่าร์สหรัฐฯ (ราว 37,000 บาท)

ในขณะที่แถบยุโรปคาดการณ์ยอดขายไว้ที่ 900 คัน โดยจะใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า Toyota GR Supra กำหนดส่งมอบให้ลูกค้าในช่วงปลายซัมเมอร์นี้ แต่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดรุ่นย่อย และราคาออกมา

รายละเอียดทางเทคนิค All-new Toyota Supra (สำหรับประเทศญี่ปุ่น) 

All-new Toyota Supra Gallery (คลิกที่ภาพเพื่อขยาย) 

เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล

ขอบคุณข้อมูล: Toyota Media

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th