New Xpander HEV รีวิว ลองขับครั้งแรกในโลกก่อนเปิดตัวในไทย
New Xpander HEV รีวิว ฉบับแรกนี้เป็นการทดลองขับสั้นๆ ก่อนเปิดตัวขายจริงในไทย โดย มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จัดให้สื่อมวลชนฯ ได้สัมผัสตัวรถเพื่อพิสูจน์สมรรถนะของระบบขับเคลื่อนใหม่ในรถรุ่นนี้ชูความเป็นฟูลไฮบริด ที่มาพร้อมพละกำลังและความประหยัดที่เหนือชั้น พร้อมเพิ่มออปชั่นโหมดการขับขี่ 7 รูปแบบให้ผู้ขับขี่สนุกได้ทั้งออนโรด และในแบบออฟโรดไม่หนักมาก ที่สำคัญขับเคลื่อนในแบบ EV Mode ได้ ตั้งเป้าผลิตในไทย ลุ้นเปิดราคาไม่เกินล้านในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 กับงานเปิดตัว World Premiere ครั้งแรกในโลกที่กรุงเทพฯ
ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
รุ่น New Xpander HEV ราคา 912,000 บาท
รุ่น New Xpander Cross HEV ราคา 946,000 บาท
ย้อนกลับไปในปี 2018 ช่วงที่ประเทศไทยเริ่มมีเทรนด์ของรถยนต์มินิเอ็มพีวี 7 ที่นั่งเข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่องจากผู้ผลิตสัญชาติญี่ปุ่นโดยทั้งหมดเป็นรถยนต์นำเข้าจากเพื่อนบ้านอินโดนีเชียที่ขายความคุ้มค่า เจาะกลุ่มเป้าหมายครอบครัวใหญ่ สามารถเดินทางได้มากถึง 7 ที่นั่งกับเบาะพับได้สามแถว พร้อมเก็บสัมภาระได้สบายๆ โดยส่วนใหญ่มีราคาช่วง 7-8 แสนบาท ซึ่งผู้บริโภคกลุ่มนี้ต้องการรถยนต์ที่ใช้งานได้คลอบคลุมทุกกิจกรรมไม่ว่าจะเป็นการทำงาน หรือในวันหยุดในงบประมาณที่เอื้อมถึงได้ไม่ยาก แข็งแกร่งทนทาน และที่สำคัญดูแลรักษาง่าย อะไหล่ไม่แพง ไม่ต้องมีออปชั่นเยอะจนเกินไป
การบุกเซ็กเมนต์ใหม่ในประเทศไทย ซึ่งมิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ได้รับการถ่ายทอดเอกลักษณ์และความเชี่ยวชาญด้านรถอเนกประสงค์จากทีมงานวิศวกรที่เข้าใจความต้องการของผู้บริโภคในแถมอาเซียน พร้อมด้วยการสื่อสารการตลาดว่ารถยนต์รุ่นนี้มีสมรรถนะพร้อมผ่านอุปสรรคในทุกเส้นทางแบบรถเอสยูวี ผสานเข้ากับความสะดวกสบายในแบบรถเอ็มพีวี และนี่คือนิยามใหม่ที่หลายผู้ผลิตมักชูรถตัวเองให้เป็นครอสโอเวอร์โดยเฉพาะกับค่ายมิตซูบิชิเอง
มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ใช้เวลาทำตลาดไม่นานนักก็ได้รับนิยมจากชาวไทย ด้วยหน้าตาที่หล่อไม่เบา แถมงานประกอบ และวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ก็ดูปราณีตใช้ได้ ในขณะที่แบรนด์เจ้าตลาดยังไม่ได้มีสินค้าในกลุ่มนี้ออกมา ส่งผลให้ มิตซูบิชิ เข้ามาครองตลาดในช่วงเวลาหนึ่ง ระหว่างนั้นมีการปรับเปลี่ยนนิดๆ หน่อยเพื่อกระตุ้นยอดรวมทั้งการ เพิ่มรุ่นครอสเข้ามาเป็นอีกหนึ่งทางเลือก ส่วนขุมกำลังยังคงเป็น เครื่องยนต์รหัส 4A91 แบบเบนซิน 4 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร DOHC 16 วาล์ว ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงจนถึงวันนี้ และในที่สุดเจ้าตลาดอย่างโตโยต้าก็ส่งคู่แข่งเข้ามาสู้
แน่นอน…เปิดก่อนย่อมได้เปรียบการปรับโฉมใหม่ยังไม่ถึงเวลาเพราะ เอ็กซ์แพนเดอร์ ยังมียอดขายโตต่อเนื่อง แต่ถ้าจะปรับใหม่คงต้องมีไม้เด็ดให้เหมาะกับยุคสมัยอย่างขุมพลังใหม่….เครื่องยนต์ไฮบริดแบบ “ฟูลไฮบริด” ที่ไม่ได้มีดีแค่ช่วยเสริมอัตราเร่งตอนออกตัว แต่มีความน่าสนใจจนคุณต้องหันมามอง! HEV รถรุ่นใหม่คันนี้ถอดเทคโนโลยีมาจากรุ่นพี่ในค่ายกับรถ PHEV เดี๋ยวคนไม่รู้คิดว่ามิตซูไม่เคยรถรถยนต์ไฟฟ้า
จนมาถึงวันที่ 16 มกราคม 2566 มิตซูบิชิ ประเทศไทยได้เชิญ กรังด์ปรีซ์ ออนไลน์ ร่วมสัมผัสรถคันจริงก่อนเปิดตัวในแบบไม่เปิดเผยข้อมูลมากนักซึ่งทางมิตซูบิชิเองเน้นว่าจะเผยข้อมูลทั้งหมดในวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง โดยการจัดทดสอบเกิดขึ้นที่จังหวัดชลบุรี แถวอ่างเก็บน้ำหนองค้อ โดยใช้สนามปิดเป็นที่จัดงาน จำได้ว่าบรรยากาศเป็นไปด้วยความตื่นเต้นกับรถยนต์ที่พรางด้วยสติ๊กเกอร์ฟ้าขาว แต่ก็พอดูออกว่าเส้นสายเหมือนเดิมไม่ได้ปรับหน้าตาอะไรมาก มีให้ลองสองรุ่นย่อยทั้ง New Xpander HEV รุ่นเริ่มต้น และ New Xpander Cross HEV ที่เห็นได้ชัดว่ามีแร็คหลังคาติดมาให้ ภายใต้การจับตามองของทีมงานญี่ปุ่นที่มิตซูบิชิขนมาฟังเสียงตอบรับยกใหญ่…งานนี้คงไม่ธรรมดา! (แต่พอจบงานส่งรูปไม่พรางตัวมาให้ซะงั้น)
ก่อนทำความรู้จักนั่งฟังทีมงานแนะนำโหมโรงกันก่อนเสียงลอยผ่านลำโพงพร้อมเพลงดังกระหึ่ม “ก้าวเข้าสู่…ยุคใหม่ของรถยนต์นั่ง xEV” ครั้งแรกในโลกของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ครั้งแรกของรถครอบครัว 7 ที่นั่งขนาดเล็กในประเทศไทย ประสบการณ์ใหม่ในการขับขี่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง ผสานการทำงานอย่างลงตัวจาก 3 สุดยอดเทคโนโลยี จับใจความได้ทันทีว่าวันนี้มี 3 เรื่องที่ทางมิตซูบิชิอย่างเกริ่นเบาๆ คือ เรื่องเครื่องยนต์ไฮบริด ,โหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ และระบบ Active Yaw Contro หรือที่เรียกว่า AYC เทคโนโลยีความปลอดภัยช่วยควบคุมสมดุลในการเข้าโค้ง
มีอะไรใหม่บ้าง…ดีไซน์ภายนอก ภายใน
หน้าตาโดยรวมไม่ได้ปรับอะไรมากมาย หลักๆ มีโลโก้ไฮบริดติดเพิ่มด้านข้างและด้านท้าย ทั้งสองรุ่นกันชนหน้าแตกต่างกัน รวมทั้งไฟหน้า และสปอร์ตไลซ์ ที่เหลือกมุมมองด้านข้างคล้ายตัวเดิม มีปรับภายในนิดหน่อย ทั้งมาตรวัดใหม่ขนาด 8 นิ้ว ที่ต้องแสดงเรื่อง Drive Mode และระบบไฮบริด พวงมาลัยใหม่แบบมัลติฟังก์ชันสามก้าน เกียร์ไฟฟ้าแบบใหม่ ที่ใกล้ๆ กันมีปุ่มปรับโหมดขับเคลื่อนเพิ่มเข้ามา ที่เหลือดูแล้วเหมือนเดิมยังขายได้อยู่ แต่พิเศษ…เพิ่มดิสก์เบรกหลังให้แล้ว รวมทั้งปรับช่วงล่างใหม่ให้เฟิร์มขับดีขึ้นกว่ารุ่นตัวเครื่องยนต์ธรรมดา แน่นอนว่าตัวครอสยังมีความสูงจากพื้นมากถึง 205 มม.
วิศวกรแจ้งว่าได้เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างห้องโดยสาร “แข็งขึ้น ปลอดภัยขึ้น” รวมทั้งเพิ่มความเงียบในห้องโดยสารช่วยให้สะดวกสบายในทุกเส้นทาง ส่วนสีรถนั้นมีให้เลือกแค่ ขาว เทา ดำ เงิน ส่วนรุ่นครอสจะมีสีกรีนบรอนซ์เพิ่มเข้ามา
ระบบไฮบริดของ 2024 Mitsubishi Xpander
มาดูหัวใจของเรื่องนี้กันเครื่องยนต์ฟูลไฮบริด ที่เป็นการผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์เบนซินและมอเตอร์ไฟฟ้า โดยทางมิตซูบิชิระบุว่า “เครื่องยนต์ใหม่” เพิ่มขนาดเป็น 1.6 ลิตร MIVEC ส่งกำลังผ่านเกียร์แบบใหม่ Transaxle หรือเกียร์ไฟฟ้าแบบรถ EV ในส่วนเครื่องยนต์ให้กำลังสูงสุด 95 แรงม้า (โมเดลก่อนหน้า 105 แรงม้า ) แรงบิดสูงสุด 134 นิวตันเมตร (โมเดลก่อนหน้า 141 นิวตันเมตร) แต่เพิ่มมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ให้กำลังอีก 116 แรงม้า แรงบิดอีก 255 นิวตันเมตร เรียกว่ารวมกันแล้วไม่ธรรมดา
ตำแหน่งแบตเตอรี่วางไว้ใต้เบาะคู่หน้าอยู่ในตำแหน่งที่สูงพอตัว มั่นใจได้ว่าปลอดภัย จุดเด่นของเทคโนโลยีไฮบริดหนนี้คือขับเคลื่อนได้ทุกรูปแบบเช่นเดียวกับรถ PHEV ที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานได้อย่างอัตโนมัติ คนขับไม่ต้องคิดเยอะเหยียบๆ ไปรถจัดการให้หมด หรือเลือกโหมดการขับเพื่อประสิทธิภาพในการขับเคลื่อน
ระบบไฮบริดของ New Xpander HEV นึกภาพตามตอนออกตัวจากจุดหยุดนิ่งเป็นการใช้ไฟฟ้าขับเคลื่อน (ออกจากบ้านได้โดยไม่มีใครรู้) ผ่านไประยะหนึ่งเร่งความเร็วจนถึงช่วงที่ต้องการเป็นขับเคลื่อนแบบซีรีส์ไฮบริด Series Hybrid ผ่านไปสักระยะความเร็วเริ่มนิ่งวิ่งยาวๆ แบบทางมอเตอร์เวย์เป็นพาราเรลไฮบริด Parallel Hybrid เวลาถอนคันเร่งหรือลงเขาระบบจะรีเจนแปลงแรงเฉื่อยเป็นกระแสไฟฟ้ากลับมาเก็บไว้ในแบตเตอรี่ ส่วนตอนเครื่องไม่ทำงานระบบทำความเย็นได้ปกติ
มั่นใจได้ในคุณภาพจากการผลิตในประเทศไทย ยังไงน่าจะมีอะไหล่ครบ พร้อมรับประกันรถยนต์ใหม่นาน 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร รับประกันระบบ HEV นาน 5 ปี และแบตเตอรี่ขับเคลื่อนนาน 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
7 DRIVE MODE คืออะไร
ปกติโหมดการขับขี่เราจะรู้จักแต่โหมดประหยัด โหมดปกติ หรือโหมดสปอร์ต แต่ในรถรุ่นนี้มีให้เลือกเล่นได้ถึง 7 โหมด แบ่งเป็น EV Mode 2 รูปแบบ คือ โหมด CHARGE พลังงานไฟฟ้าขณะจอดหยุดนิ่ง หรือขณะขับเคลื่อน และโหมด EV PRIORITY ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนทำความเร็วได้ระดับหนึ่ง
จากนั้นเป็น Terrain Modes อีก 5 รูปแบบ คือ Normal ถนนปกติ ,Wet ถนนเปียก ,Gravel ทางลูกรรัง,Tarmac โหมดสปอร์ตบนถนนดำ และ Mud ทางลุยโคลน ทั้งหมดนี้ตอบสนองปรับเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนได้อย่างแม่ยำ โดยการที่กล่อง ECU จะทำหน้าที่ควบคุมระบบ Traction Control ระบบควบคุมการเลี้ยว AYC ระบบพวงมาลัยไฟฟ้า และระบบส่งกำลัง
ลองขับ..เฟิร์สอิมเพรสชั่น
ถึงเวลาลองขับ เราได้ลองในสนามปิดระยะทางสั้นๆ แต่พอจับความรู้สึกได้ว่ารถรุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวออกมาคราวนี้มีพัฒนาการจากรุ่นเดิมในด้านสมรรถนะไปแบบก้าวกระโดด ทั้งอัตราเร่งที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดทั้งรอบต้น และรอบกลาง มีให้เรียกใช้ได้ลื่นไหลต่อเนื่องจากระบบเกียร์ไฟฟ้าแบบใหม่ พวงมาลัยที่แม่นยำควบคุมได้ง่ายผ่านอุปสรรคได้อย่างคล่องตัวไม่ต้องออกแรงโหนเยอะจากตำแหน่งที่นั่งที่ดี ไม่เคยคิดว่ารถทรงนี้กับเครื่องขนาด 1.6 ลิตรจะพัฒนามาต่อได้จนถึง HEV มันลงตัวกับความเป็นรถครอบครัว ขับง่ายขึ้นจากอัตราเร่งที่ช่วยให้คุณมั่นใจได้มากกว่าเดิม
ระบบความปลอดภัยที่เพิ่มเข้ามาทำให้ขับแบบสปอร์ตได้สนุกมากขึ้น แม้ทรงรถจะมีความสูง และขนาดล้อยางที่ไม่ได้หน้ากว้างมากแต่ก็ผ่านโค้งต่างๆ แบบสบายแต่น่าเสียดายที่ไม่ค่อยมีช่วงทางตรงเท่าไรนักอยากลองดูฟูลไฮบริดจะไปได้แค่ไหน ส่วนตัวเลขต่างๆ รอคอนเฟิร์มวันเปิดตัวทีมงานมิตซูบิชิถึงจะแจ้งทั้งอัตราสิ้นเปลืองที่ว่า 19.2 กม./ลิตร จริงหรือไม่ และวิ่งไฟฟ้าล้วนได้ถึง 5 กิโลเมตร (ไม่ได้ใบ้นะ) ไกด์ไว้เฉยๆ
ส่วนที่สนุกที่สุดคงเป็นโหมดขับเคลื่อนรูปแบบต่างๆ ได้ลองหลายแบบอยู่ แต่ที่ประทับใจคือโหมดลุยโคลนบนดินแบบทางร่องส่วน ไม่ถึงกับหนังหมูผ่านไปได้สบาย ถ้าเค้าไม่จำลองมาให้ขับ เจอสถานการณ์แบบนี้รถขับเคลื่อนสองล้อปกติไม่มีทางลุยไปแน่นอน แต่นี่ลื่นไหลขับผ่านได้เฉยเลย ดูเอามันเป็นพอไม่ต้องไปทำตาม เอาเป็นว่าทางฝุ่นก็ขับเที่ยวได้สบายใจระดับหนึ่งมากกว่ารถเก๋งแน่นอน
ส่วนโหมดไฟฟ้าล้วนใช้งานได้จริงขับรอบสนามได้จบเครื่องยังไม่ติดเพราะความเร็วไม่สูงมาก (ตั้งใจให้เป็นแบบนี้) เรียกว่าเหมือนรถยนต์ไฟฟ้าเลย แถมมีโหมดปั่นไฟสำหรับคนอยากขับเข้าหมู่บ้านเวลาแบตแสดงผลว่าเหลือน้อย เพื่อสิ่งแวดล้อม หรือแบบย่องเงียบๆ แล้วแต่ชอบเลย ถามว่ารู้สึกยังไงภาพรวม “เหมือนกับรถไฮบริดราคาแพงเลย!!”
ส่วนจุดเด่นเรื่องเบาะพับได้ไม่ขอพูดถึงแล้ววันนี้เชื่อว่าคนไทยรู้จักเลย์เอาท์รถแบบนี้กันดีว่ามันมีประโยชน์ นั่งได้จริงทั้ง 7 ที่นั่งสบายๆ ไว้หลังงานเปิดตัวจะได้รู้ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ รวมทั้งข้อมูลเพิ่มเติมไว้มาเล่าสู่กันฟังอีกครั้ง ซึ่งจะได้รู้ว่ารุ่นเก่าเครื่องสันดาปได้ไปต่อไหม หรือจะมีขายเหมือนเดิมเพิ่ม New Xpander HEV และ New Xpander Cross HEV
เรื่อง : ณัฐพล จีระมงคลกุล
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th