รู้จักเทคโนโลยีไฮบริดของ New Honda City e:HEV พร้อมแล้วสำหรับคนไทย!
ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ใหม่ ยนตรกรรมรุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูล The City Series มาพร้อมเทคโนโลยีการขับเคลื่อนแห่งอนาคตแบบ Full Hybrid กับระบบขับเคลื่อน Sport Hybrid Intelligent Multi-Mode Drive (i-MMD) ที่มอบความสนุกสนานในการขับขี่ ด้วยสมรรถนะที่ทรงพลัง และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ New Honda City e:HEV มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) โดดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอกกับชุดแต่งสไตล์ RS รอบคัน ตอกย้ำความเป็นไฮบริดด้วยโลโก้ฮอนด้าสีฟ้า และสัญลักษณ์ e:HEV ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง ครบครันด้วยฟังก์ชันและเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบายและความปลอดภัยอันล้ำสมัย พร้อมให้คุณเปิดโลกใบใหม่แห่งการขับขี่ที่มาพร้อมเทคโนโลยีแห่งอนาคต
เปิดมุมมองการออกแบบที่ผสานความสปอร์ต และความหรูหรา
New Honda City e:HEV ได้รับการออกแบบ และพัฒนาต่อยอดจากฮอนด้า ซิตี้ เจเนอเรชันที่ 5 ภายใต้แนวคิด “Ambitious Sedan” ที่มุ่งเน้นการสร้างความมั่นใจและยกระดับการใช้ชีวิตให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น โดยคงไว้ซึ่งดีไซน์ที่โดดเด่น ห้องโดยสารที่กว้างขวาง อุปกรณ์อำนวยความสะดวกอันล้ำสมัย สมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม และคุณภาพของยนตรกรรมฮอนด้า ซึ่งเป็นคุณค่าหลักของฮอนด้า ซิตี้
การออกแบบภายนอก
ดีไซน์ภายนอกของฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ใหม่ ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด “Standing on the Edge”
มาพร้อมโครงสร้างตัวถังแบบ Wide & Low ที่ให้ความสปอร์ตปราดเปรียว สะกดทุกสายตาด้วยเส้นสายที่เฉียบคม โดดเด่นด้วยด้วยดีไซน์สปอร์ต และสง่างาม อาทิ
- ไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED
- ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED
- ไฟท้ายแบบ LED
- ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ
- ระบบปิดไฟหน้าอัตโนมัติ เมื่อดับเครื่องยนต์
- กระจังหน้าแบบ Gloss Black พร้อมโลโก้ฮอนด้าสีฟ้า (H Mark)
- กระจกมองข้างสีดำแบบสปอร์ตปรับ และพับไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยวในตัว
- สปอยเลอร์หลังแบบ Gloss Black พร้อมสัญลักษณ์ RS และ e:HEV
- เสาอากาศแบบครีบฉลาม
- ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ดีไซน์สปอร์ต
- แป้นเหยียบคันเร่งและเบรกแบบสปอร์ต
การออกแบบภายใน
ห้องโดยสารได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด “Ambitious Beauty” เน้นความเรียบง่าย ทันสมัย และแฝงความประณีตในทุกรายละเอียด โดยยึดหลักของฮอนด้าในการพัฒนาคือ “Man-Maximum Machine-Minimum” ด้วยการออกแบบพื้นที่ให้สอดคล้องกับสรีระ มีความกว้างขวางสะดวกสบายในทุกมิติทั้งผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร ให้ความรู้สึกหรูหราและสวยงามด้วย
- เบาะที่นั่งหนังกลับดีไซน์สปอร์ตตกแต่งด้วยด้ายสีแดง
- ใช้เส้นสายแนวนอนเพื่อช่วยเพิ่มความรู้สึกโปร่งโล่งและสะดวกสบายในการขับขี่
- ภายในห้องโดยสารโทนสีดำ
- คอนโซลหน้าแบบ Piano Black พร้อมที่วางแก้วน้ำ
- คอนโซลกลางมาพร้อมที่วางแขนขนาดใหญ่
- พนักเท้าแขนด้านหน้าและด้านหลัง พร้อมที่วางแก้วน้ำ
- มือจับเปิดประตูด้านในตกแต่งโครเมียม
ลงตัวกับทุกการใช้งานด้วยฟังก์ชันการใช้งานระดับพรีเมียม ได้แก่
- มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว
- พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์
- ระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors)
- ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และช่องปรับอากาศตอนหลัง เพื่อความสะดวกสบายในห้องโดยสาร มาพร้อมช่องจ่ายไฟสำรอง 2 ตำแหน่ง
- ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay พร้อม Google Maps และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI
- ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start)
- ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ (Honda Smart Key System)
- ช่องเชื่อมต่อ USB จำนวน 2 ช่อง
ครั้งแรกของยนตรกรรม Full Hybrid ในเซกเมนต์ซิตี้คาร์ในประเทศไทย
ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังแบบ Full Hybrid ระบบ Sport Hybrid Intelligent Multi-Mode Drive (i-MMD) ที่ผสานการทำงานอันทรงพลังร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ตอบสนองทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 253 นิวตัน-เมตรที่ 0-3,000 รอบต่อนาที ให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 27.8 กิโลเมตร/ลิตร และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 85 กรัม/กิโลเมตร สามารถรองรับน้ำมัน E20
เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้า New Honda City e:HEV มาพร้อมการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง พร้อมด้วยโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ด้วยการขยายการรับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่โดยเพิ่มระยะเวลาอีก 2 ปีหรือระยะทาง 40,000 กิโลเมตร สูงสุด 5 ปีหรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) อีกทั้งฟรีค่าแรงในการเช็คระยะเป็นเวลา 5 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
พุ่งทะยานได้อย่างมั่นใจด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะฮอนด้า เซนส์ซิ่ง
ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ใหม่ มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่เทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงได้รับการติดตั้งในรถซิตี้คาร์ของฮอนด้า ด้วยการทำงานของกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ที่ช่วยตรวจจับวัตถุบนท้องถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยแจ้งเตือนผู้ขับขี่และช่วยควบคุมในสถานการณ์การขับขี่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้รถมากยิ่งขึ้น โดยมีระบบการทำงานดังต่อไปนี้
- ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control: ACC)
- ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
และยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยอันล้ำสมัย เช่น
- ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch)
- ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) • ระบบ Brake Hold อัตโนมัติ (Auto Brake Hold)
- ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock)
- ถุงลม 6 ตำแหน่ง ได้แก่ ถุงลมคู่หน้า (Dual SRS), ถุงลมด้านข้าง (Side Airbags) และม่านถุงลมด้านข้าง (Side Curtain Airbags)
- กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการถอย
- ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) ช่วยป้องกันล้อล็อกเมื่อเบรกกะทันหัน และระบบกระจายแรงเบรก (EBD) บนพื้นถนนที่ลื่น
- ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (Vehicle Stability Assist – VSA)
- ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist – HSA)
- สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (Emergency Stop Signal – ESS)
- ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) เทคโนโลยีเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ มาพร้อมหลากหลายฟังก์ชันการทำงาน โดยมี 8 ฟังก์ชันการใช้งานหลัก ที่จะมาช่วยอำนวยความสะดวก และเพิ่มความปลอดภัยตลอดการเดินทาง
- My Service ตรวจสอบประวัติการเข้ารับบริการ รวมทั้งการประเมินรายการอะไหล่และค่าใช้จ่ายเบื้องต้น โดยจะมีการแจ้งเตือนกำหนดการเข้ารับบริการครั้งต่อไป
- Car Log ข้อมูลการขับขี่จะประกอบด้วยพฤติกรรมการขับขี่ ที่สามารถแสดงผลเป็นรายวัน รายเดือนหรือรายปี และบันทึกการเดินทาง ที่สามารถเลือกทริปโปรด และแชร์ผ่านโซเชียลมีเดีย เช่น ไลน์, อินสตาแกรม, เฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ เป็นต้น
- WiFi สามารถเชื่อมต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตไร้สายจากรถยนต์ โดยจะใช้งานได้พร้อมกันสูงสุดถึง 5 อุปกรณ์ มีระยะการส่งสัญญาณห่างจากตัวรถยนต์อยู่ที่ 40 เมตร โดยต้องไม่มีสิ่งกีดขวาง (* ลูกค้าสามารถสมัครแพ็กเกจอินเตอร์เน็ตจากผู้ให้บริการเครือข่าย (เอไอเอส) โดยลูกค้าจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย)
- Airbag Deployment เมื่อเกิดอุบัติเหตุและถุงลมทำงาน กล่องอุปกรณ์ TCU จะส่งสัญญาณเตือนให้ทราบทันทีผ่านทางแอปพลิเคชัน พร้อมทั้งส่งข้อมูลไปยังศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้าเพื่อทำการติดต่อไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่ลงทะเบียนไว้ หรือเบอร์โทรฉุกเฉินที่ลูกค้าผู้ใช้งานระบุไว้ในระบบ เพื่อทำการประสานงานให้ความช่วยเหลือขั้นต้น
- Car Status แจ้งเตือนสถานะรถยนต์ เมื่อเกิดความผิดปกติจากระบบของรถยนต์ และ แจ้งเตือนสัญญาณกันขโมย เมื่อเกิดความผิดปกติกับรถยนต์จากภายนอก เช่น การเปิดประตู กระโปรงหน้า และฝากระโปรงท้ายของรถยนต์อย่างผิดปกติ
6. Remote Vehicle Control สามารถสั่งการล็อกและปลดล็อกประตูทั้งหมด อีกทั้งยังสามารถสั่งสตาร์ทเครื่องยนต์ พร้อมทั้งตั้งค่าระดับอุณหภูมิของระบบปรับอากาศในรถยนต์ และการสั่งดับเครื่องยนต์ ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถสั่งเปิดสัญญาณไฟ ทั้งไฟหน้าและไฟท้าย โดยผู้ใช้งานจะต้องกำหนดรหัสส่วนตัวเป็นตัวเลข 4 หลัก (PIN) และจะต้องป้อนรหัสส่วนตัวทุกครั้งก่อนการใช้งาน
7. Geo Fence & Speed Alert สามารถกำหนดขอบเขตการขับขี่รถยนต์ทั้งเข้าและออกตามพื้นที่ที่กำหนดไว้ และยังสามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนความเร็วตามกำหนดได้อีกด้วย
8. Find My Car สามารถตรวจสอบพิกัดรถยนต์ โดยระบบจะส่งพิกัดรถยนต์บนแผนที่ล่าสุด แสดงผลบนแอปพลิเคชัน ซึ่งผู้ใช้งานจะต้องใส่รหัสส่วนตัว 4 หลัก (PIN) ก่อนการใช้งาน
สำหรับ New Honda City e:HEV มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีใหม่ สีน้ำเงินออบซิเดียน (มุก), สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก), สีขาวแพลทินัม (มุก), สีดำคริสตัล (มุก), สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) และสีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) โดย New Honda City e:HEV RS มีราคาจำหน่ายที่ 839,000 บาท
ชุดอุปกรณ์ตกแต่ง
เสริมความพรีเมียมด้วยชุดอุปกรณ์ตกแต่งโมดูโล (Modulo) รอบคัน ที่มาพร้อมกับแนวคิด “Stage Up Booster” โดยมีไอเท็มอุปกรณ์ตกแต่งให้เลือก เช่น คิ้วตกแต่งซุ้มล้อด้านหน้า ราคา 1,700 บาท, คิ้วบันไดสเตนเลส LED ราคา 4,400 บาท, อุปกรณ์เพิ่มอรรถประโยชน์ใช้สอยในห้องเก็บสัมภาระท้ายรถ เช่น กระบะใส่ของท้ายรถ ราคา 1,250 บาท
นอกจากนี้ยังมีให้เลือกในรูปแบบแพ็กเกจชุดแต่งรอบคัน ได้แก่ Modulo Aero RS Package ราคา 17,900 บาท ประกอบด้วย สเกิร์ตหน้าแบบ 2 ชิ้น, สเกิร์ตข้าง และสเกิร์ตหลังแบบ 2 ชิ้น
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: ฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทย
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th