Nio ผู้ผลิตรถไฟฟ้าจีนที่มีจุดเด่นด้วยการใช้ระบบสลับแบตเตอรีที่สถานีแทนการชาร์จไฟที่สถานีชาร์จตามปกติเปิดตัวรถเอสยูวีคูเป้รุ่นใหม่ในชื่อ EC7 ออกมา โดยมี 3 ขนาดแบตเตอรีให้เลือก ซึ่งแบตเตรอีขนาดใหญ่สุดให้ระยะการเดินทางได้ถึง 940 กิโลเมตร

Nio EC7 ถูกเปิดตัวออกมาพร้อมกับสโลแกน Elegance is the Power และตัวรถที่มีความยาว 4,968 มม. กว้าง 1,974 มม. สูง 1,714 มม. ขณะที่ระยะฐานล้อของรถมีความยาว 2,960 มม. โดยรถเอสยูวีคูเป้รุ่นใหม่อยู่บนแพลตฟอร์ม NT2.0 ของ Nio ซึ่งทำให้มาพร้อมกับเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ NAD รวมทั้ง Nio Aquila Super Sensing และ Nio Adam Super Computing ล่าสุดของ Nio นอกจากนี้ EC7 ยังมีโครงสร้างตัวรถเป็นอลูมินัมน้ำหนักเบา มีการกระจายน้ำหนักหน้า-หลังที่สมดุลย์ 50:50 

ด้านดีไซน์ภายนอกรถเน้นความไหลลื่นรอบตัวรถพร้อมเรียบโล่งของพื้นผิวไม่มีเส้นสายที่ซับซ้อน โดยด้านหน้าของรถมาพร้อมกับไฟหน้าแบบแยกอยู่ที่ขอบฝสกระโปรงหน้าและกันชน  ขณะที่ด้านข้างมาพร้อมกับที่เปิดประตูที่เรียบไปกับตัวรถ กระจกหน้าต่างที่ไม่มีขอบด้านข้าง และแนวเส้นหลังคาที่ลาดลงด้านหลังในบริเวณเบาะหลังอย่าชัดเจน ส่วนด้านหลังมีแถบไฟท้ายเรียวยาวเต็มความกว้างของรถ พร้อมให้ความสปอร์ตทันสมัยด้วยสปอยเลอร์ปลายฝาท้ายที่ยกตัวอัตโนมัติเพื่อช่วยเพิ่มแรงกดให้กับรถ และให้ความแข็งแกร่งในสไตล์รถเอสยูวีด้วยขอบสีดำที่ส่วนล่างของรถรวมทั้งซุ้มล้อ

ด้านการขับเคลื่อนของ EC7 ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ โดยมอเตอร์ที่ด้านหน้ามีกำลัง 241 แรงม้า มอเตอร์หลังมีกำลัง 402 แรงม้า ให้กำลังขับเคลื่อนรวม 644 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 850 นิวตัน-เมตร พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออีเล็กทรอนิก โดยที่มี 10 โหมดการขับให้เลือกใช้ และใช้เวลา 3.8 วินาทีเพื่อทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม.

ส่วนแบตเตอรีที่ให้พลังงานแก่มอเตอร์มี 3 ขนาดคือ 75 kWh เดินทางได้ถึง 490 กิโลเมตร 100 kWh เดินทางได้ 635 กิโลเมตร และ 150 kWh เดินทางได้ 940 กิโลเมตร นอกจากนี้เพื่อลองรับกำลังขับเคลื่อนเกือบ 650 แรงม้าของรถ EC7 จึงใช้คลิเปอร์เบรก 6 ลูกสูบพร้อมดิสก์เบรกมีรูระบายความร้อนขนาด 380 มม. ที่ล้อหน้าเพื่อหยุดรถ

ส่วนในห้องโดยสารมีจอตรงกลางแนวตั้งลอยตัวในสไตล์แท็บเล็ตขนาด 12.8 นิ้ว และผู้ช่วยดิจิตอล นอกจากนี้ยังมีระบบเสงในห้องโดยสารที่เรียกว่า Light Waterfall Surround Ambient Light ที่ทาง Nio ระบุว่าให้แสงที่นุ่มกระจายบนพื้นผิวในห้องโดยสาร โดยปรับได้ 10 ธีมแสง พร้อมให้ความเต็มอิ่มด้านเสียงขณะเดินทางด้วยเทคโนโลยีเสียง Dolby Atmos ลำโพง 23 ตัว และกำลังเสียง 1,000 วัตต์ ส่วนจอแสงข้อมูลผู้ขับเป็นทรงยาวขนาด 10.2 นิ้วลอยตัวหลังพวงมาลัย พร้อมมีการแสดงข้อมูล Head-up Display ให้ใช้

อย่างไรก็ตามราคาขายออกมาเฉพาะรุ่นแบตเตอรี 75 kWh และ 100 kWh โดยมีราคา 488,000 หยวนในรุ่นแบตเตอรี 75 kWh และรุ่นแบตเตอรี 100 kWh กับราคา 546,000 หยวนหรือประมาณ 2,435,000 บาทและ 2,725,000 บาท ขณะที่รุ่นแบตเตอรี 150 kWh ยังไม่ระบุราคาออกมา ส่วนการส่งมอบรถจะเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2023

เรื่อง: กองบรรณาธิการ

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th