ในโอกาสที่ Datsun 240Z เปิดตัวครั้งแรกในสหรัฐอเมริกาเมื่อ 50 ปีที่แล้วที่นิวยอร์ก ทาง Nissan จึงเลือกเมืองเดียวกันโดยใช้นิวยอร์กออโตโชว์เป็นสถานที่เปิดตัวรุ่นพิเศษครบรอบ 50 ปีของรถสปอร์ต Z ในอเมริกาด้วย 370Z 50^th Anniversary Edition ซึ่งมีการแต่งพิเศษเพื่อเป็นการระลึกถึงรถแข่ง Datson 240Z #46 BRE ที่ชนะการแข่งขันรายการ SCCA National Championship หลายครั้งโดยฝีมือการขับของ John Morton ในยุค 70

การแต่งภายนอกของ Nissan 370Z 50^th Anniversary Edition จะเป็นการเลียนแบบรถแข่ง BRE ดั้งเดิมที่ใช้ 2 โทนสีที่แตกต่างกันกับภายนอกของรถคือตัวรถสีขาวกับการแต่งด้วยสีแดง หรือรถสีเงินซึ่งใช้สีดำแต่ง ด้วยการใช้สีแดงหรือสีดำทั้งที่ฝากระโปรงหน้า เสาเอ ขอบหลังคา ฝากระโปรงหลัง กระจกมองข้าง รวมทั้งแถบคู่ที่ประตูรถ และยังมีเส้นสีแดงหรือดำเล็กๆ ที่ยาวตลอดด้านข้างของรถตั้งแต่ไฟหน้าไปจนถึงด้านหลังของประตูโดยสิ้นสุดที่สามเหลี่ยมรูปสามเหลี่ยมที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเสาซีของ 240Z นอกจากนี้ยังใช้ล้ออัลลอย 19 นิ้วที่ออกแบบเป็นพิเศษโดยเฉพาะด้วยการมีขอบสีแดงเพิ่มความโดดเด่น และแน่นอนว่ารถรุ่นพิเศษนี้มาพร้อมกับป้ายบ่งบอกการครบรอบ 50 ปีทั้งที่หลังซุ้มล้อหน้าและด้านหลังของรถ

ภายในของ 370Z รุ่นพิเศษครบ 50 ปีมีทั้งพวงมาลัย 50^th Anniversary หุ้มด้วย Alcantara พร้อมแถบกลางแบบรถแข่ง ในขณะที่เบาะหุ้มหนังและหนังกลับปรับได้ 4 ทิศทางพร้อมปรับความอุ่นได้ จะมีตะเข็บและเส้นบนเบาะที่เป็นเอกลักษณ์ รวมทั้งลายกราฟฟิกสัญลักษณ์ 50^th Anniversary ที่พนักพิงหลัง นอกจากนี้ยังมีการใช้ดาร์กโครเมียมแต่งทั่วทั้งห้องโดยสาร ในขณะที่แผ่นรองพื้นมาพร้อมสัญลักษณ์ Z และปิดท้ายด้วยสัญลักษณ์ฉลองครบรอบ 50 ปีทั้งที่มาตรวัดหลังพวงมาลัยและฐานคันเกียร์

ไม่เพียงแค่แต่งภายนอกและภายในเท่านั้น 370Z รุ่นครบรอบ 50 ปียังมาพร้อมกับระบบเสียง Bose ซึ่งใช้ลำโพง 8 ตัวร่วมกับซับวูเฟอร์คู่โดยมีการทำงาน Active Noise Cancellation และระบบ Active Sound Enhancement เป็นอุปกรร์มาตรฐานเพื่อให้ความบันเทิงขณะเดินทาง

          หัวใจความแรงของ Nissan 370Z 50^th Anniversary Edition คือเครื่องยนต์ V6 3,700 ซีซี 332 แรงม้า แรงบิด 366 นิวตัน-เมตร โดยที่มีให้เลือกระหว่างใช้เกียร์แมนนวล 6 สปีดหรือเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดพร้อม Downshift Rev Matching ส่งกำลังจากเครื่องยนต์ รวมไปถึงมีการปรับช่วงล่างหน้าดับเบิลวิชโบนด้วยการใช้อลูมิเนียมที่มีน้ำหนักเบาและความทนทานในหลายจุด ในขณะที่ช่วงล่างหลัง Multi-Link ก็มีน้ำหนักเบาลงและแข็งแกร่งขึ้น พร้อมกับใช้ Viscous Limited Slip Differential ช่วยในการส่งกำลังสู่พื้น

เรื่อง: กองบรรณาธิการ

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th