NISSAN GT-R50 by Italdesign เวอร์ชันฉลองครบรอบ 50 ปี GT-R และ Italdesign
จะมีรถสปอร์ตตัวท็อปจากญี่ปุ่นสักกี่รุ่น ที่สามารถเทียบชั้นสายแข็งทั้งจาก BMW, M-B หรือแม้แต่ PORSCHE ได้แบบไม่เกรงกลัวศักดิ์ศรี หนึ่งในนั้นต้องมี GT-R ตัวแรงระดับตำนานจากแดนซามูไรรวมอยู่ด้วย บอดี้ปัจจุบัน R35 อายุอานามกว่า 10 ปี นั่นทำให้บรรดาสาวกต่างเฝ้ารอการมาของ GT-R โมเดลใหม่ มีลุ้นทุกงานมอเตอร์โชว์ระดับโลก ว่าจะได้เห็นรถต้นแบบของ GT-R หรือไม่ แล้ววันนั้นก็มาถึง ภายใต้รหัส ‘GT-R50’ เป็นรถเวอร์ชันพิเศษที่ฉลองครบรอบ 50 ปี ของตระกูล GT-R และสำนักออกแบบรถยนต์อันดับต้นๆ ของโลก นาม Italdesign
NISSAN ใช้ GT-R50 สื่อสารกับบรรดาแฟนคลับ รวมทั้งเช็กเรตติ้งของ GT-R โมเดลใหม่ ที่ถึงเวลาเปลี่ยนโมเดลอย่างเป็นทางการ เป็นความร่วมมือครั้งสำคัญของบริษัทออกแบบรถยนต์ชั้นเซียนอย่าง Italdesign กับ NISSAN ทั้งหมดถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของ GT-R NISMO โมเดลปี 2018 โดยพันธมิตรคู่นี้แบ่งงานกันอย่างลงตัว Italdesign รับหน้าที่ในส่วนการพัฒนา งานวิศวกรรม จนถึงขั้นตอนการสร้างตัวรถ ขณะที่ NISSAN รับผิดชอบในการออกแบบตัวถังภายนอกและภายในห้องโดยสาร โดยเป็นความร่วมมือของทีม Nissan Design Europe in London กับ Nissan Design America
GT-R50 รักษา DNA ที่ถูกส่งต่อกันมายาวนานไว้ได้อย่างครบถ้วน เริ่มต้นที่ด้านหน้ารถ โดดเด่นด้วยองค์ประกอบสีทองในหลายชิ้นส่วน ซึ่งวางทอดยาวเกือบเต็มความกว้างรถ ฝากระโปรงหน้าเจาะช่องรับลมที่เด่นชัดมากขึ้น ดูลงตัวกับแนวไฟ LED บางๆ รูปทรงคล้ายบูมเมอแรง ที่วางยาวนับตั้งแต่ช่องรับลมหน้ารถ ต่อเนื่องไปจนถึงแนวซุ้มล้อ
มุมมองด้านข้าง โดดเด่นด้วยความลาดเอียงของแนวหลังคา ซึ่งกลายเป็นซิกเนเจอร์ของ GT-R ได้รับการลดระดับลง 54 มิลลิเมตร ส่วนของหลังคา ดีไซเนอร์ลดระดับท่อนกลางของหลังคา ดังนั้น ในตำแหน่งเหนือศีรษะผู้ขับและผู้โดยสารจึงนูนขึ้นเล็กน้อย เป็นรายละเอียดที่ช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อให้กับตัวถัง ช่องระบายความร้อนแนวตั้งหลังอุโมงค์ล้อหน้า ใช้รูปแบบคล้ายคมดาบซามูไร เน้นความสะดุดตาด้วยครีบสีทอง พาดยาวจาก Shoulder Line มาจนถึงขอบล่างของบานประตู
GT-R50 ใช้ระยะแทร็กล้อหลังกว้าง ซุ้มล้อหลังถูกดึงขยายออก ประกอบกับการเน้น Shoulder Line เหนือแนวอุโมงค์ล้อ จึงดูเสมือนเป็นมัดกล้ามบนตัวถัง ที่สื่อสารถึงความแข็งแกร่งได้อย่างชัดเจน ท่อนหลังรถออกแบบในลักษณะแยกส่วนออกมาจากตัวถังหลัก ดูลอยตัว มีมิติ และยังคงโดดเด่นด้วยสีทอง เช่นเดียวกับไฟท้ายทรงโดนัทคู่ ที่วางในลักษณะลอยตัวออกมาจากส่วนท้ายรถ กึ่งกลางไฟท้ายทั้ง 2 ฝั่ง เป็นปีกหลังขนาดใหญ่ ซึ่งใช้ไฮดรอลิกปรับองศาการกระดก สร้างแรงกดท้าย แปรผันไปตามความเร็วรถ
Italdesign ก่อตั้งเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ปี 1968 เป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำของโลก ในการบริการและพัฒนาสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ พื้นที่โรงงานครอบคลุมกว่า 50,000 ตารางเมตร และแรงงานอีกกว่า 1,000 คน ในอิตาลี และต่างประเทศ นับตั้งแต่ก่อตั้ง ภารกิจของบริษัทได้ให้บริการหลากหลายรูปแบบ เพื่อการพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ๆ ด้วยประสบการณ์ 50 ปี Italdesign ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้ผลิตรถยนต์ ตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงขั้นตอนการผลิต
Italdesign เป็นส่วนหนึ่งของ VW Group นับตั้งแต่ปี 2010 และในปี 2017 ได้เปิดตัว “Italdesign Automobili Speciali” แบรนด์ใหม่ รับผลิตรถเวอร์ชันพิเศษให้กับบริษัทรถยนต์ สำหรับนักสะสม เท่านั้น
งานออกแบบภายใน GT-R50 สะท้อนให้เห็นถึงความทันสมัย และคงประสิทธิภาพในการใช้งาน มีการใช้คาร์บอนไฟเบอร์ 2 รูปแบบที่แตกต่างกัน ทั้งแผงคอนโซลกลาง แผงหน้าปัด และวัสดุบุผิว เบาะนั่งใช้โครงคาร์บอนไฟเบอร์ เน้นความดิบด้วยหนังอัลคันทาร่า และหนังอิตาเลียนสีดำ ดีไซเนอร์เชื่อมโยงกับการตกแต่งภายนอก ด้วยคิ้วขอบโทนสีทอง บนแผงหน้าปัด และบานประตู สำหรับพวงมาลัย ส่วนกลาง ขอบบนและขอบล่าง ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ ขณะที่รอบวงพวงมาลัยฝั่ง ซ้าย-ขวา ใช้อัลคันทาร่า
เครื่องยนต์รหัส ‘VR38DETT’ ถูกนำมาใช้กับ GT-R50 เป็นบล็อก V6 ความจุ 3.8 ลิตร อัปพลังด้วยทวินเทอร์โบ โมต่อโดย NISMO แรงระดับ 720 PS ที่ 7,100 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 780 Nm ที่ 3,600-5,600 รอบ/นาที เทคโนโลยีที่กลายเป็นเอกลักษณ์ของ GT-R คือ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (AWD) ที่มีชื่อว่า ATTESA E-TS ถูกจัดรวมอยู่ในกระปุกเกียร์ และถูกวางตำแหน่งไว้ติดกับเพลาหลัง ด้วยเหตุผลด้านการกระจายน้ำหนัก ทั้งเครื่องยนต์และกระปุกเกียร์จะถูกเชื่อมไว้ด้วยเพลากลาง
ระบบกันสะเทือนยกชุด GT-R NISMO ถูกออกแบบให้รองรับการขับขี่ทั่วไป ความเร็วสูง จนถึงขั้นการขับในสนามแข่ง แน่นอนถ้าอเนกประสงค์ขนาดนี้ ก็ต้องเป็น Adaptive Suspension หรือช่วงล่างที่ปรับระดับการตอบสนองได้ตามสภาพการขับขี่ ความเร็วต่ำมีความนุ่มนวลให้สัมผัส ในความเร็วสูงความแน่นและนิ่ง ก็จะถูกเปลี่ยนเข้ามาแทนที่ พื้นฐานโครงสร้างด้านหน้าเป็นปีกนกคู่ ส่วนด้านหลังเป็นมัลติลิงก์ มีไฮไลต์อยู่ที่ระบบ ‘DampTronic’ (Damper + Electronic) ผลงานของมือหนึ่งของวงการช็อคอัพอย่าง BILSTEIN
ล้อ GT-R50 ตัวต้นแบบ จัดเต็มมาที่ขนาด 21×10 นิ้ว ในคู่หน้า และ 21×10.5 นิ้ว สำหรับคู่หลัง ขณะที่ระบบเบรกยังคงใช้บริการชุดใหญ่จาก BREMBO คู่หน้าใช้จานขนาด 390 x 32.6 มิลลิเมตร พร้อมคาลิเปอร์ 6 pot ส่วนคู่หลังใช้ขนาด 380 x 30 มิลลิเมตร กับคาลิเปอร์ 4 pot
NISSAN เช็กเรตติ้งของ All-new GT-R รอบนี้ เรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อย เพราะ GT-R50 ที่เกิดจากความร่วมมือกับสำนัก Italdesign สวยงาม โดดเด่น และคมกริบในทุกมุมมอง แถมยังคงอารมณ์ของ GT-R ไว้ในทุกสัมผัส ที่ต้องติดตามต่อ ก็เหลือเพียงชุดขับเคลื่อน ทั้งเครื่องยนต์ และเกียร์ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูง ว่าจะได้ใช้ของใหม่ จะเป็นเครื่องยนต์เพียวๆ หรือลูกผสมด้วยระบบไฮบริด คงต้องติดตามกันต่อไป
เรื่อง: พิทักษ์ บุญท้วม
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX MAGAZINE ISSUE 584
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th