Nissan Juke เจนเนอเรชั่นสองเฉี่ยวเหมือนเดิมเพิ่มด้วยเทคโนโลยี
จากความสำเร็จของ Juke รุ่นแรกในยุโรปด้วยการมียอดขายเกือบ 1 ล้านคัน จึงทำให้ Nissan เลือกที่จะเปิดตัว Juke รุ่นใหม่ซึ่งเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 2 ที่ยุโรป โดยมีการเปิดตัวพร้อมกันใน 5 เมืองใหญ่ของยุโรปทั้งที่ลอนดอน ปารีส มิลาน บาร์เซโลน่า และโคโลจ์นในวันและเวลาเดียวกัน เพื่อแสดงทั้งดีไซน์เฉี่ยวและเทคโนโลยีที่ล้ำในรถซับคอมแพกต์เอสยูวีรุ่นใหม่ของตน
สำหรับแฟนของ Juke ที่ชื่นชอบในดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ของรถ กับรุ่นใหม่ยังคงมีให้เห็นเหมือนเดิม เพราะทาง Nissan ยังคงสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ด้านหน้าของ Juke รุ่นแรกไว้ทั้งไฟหน้าทรงกลมที่มาพร้อมกับรูปแบบ Y-Shape ที่เป็นเอกลักษณ์ และไฟ LED Daytime Running Light ที่ถูกแยกออกมาอยู่เหนือไฟหน้าซึ่งในรุ่นใหม่มาในรูปทรงเรียวยาวเพื่อช่วยเพิ่มความทันสมัยของรถ และแน่นอนว่า Juke ใหม่มาพร้อมกับกระจังหน้า V-Motion ซึ่งเอกลักษณ์ในรถรุ่นใหม่ของ Nissan
แต่หากอยากเห็นไฟท้ายรูปทรงบูมเมอแรงที่มีสไตล์แบบในรุ่นแรกคงต้องผิดหวัง เพราะ Nissan เปลี่ยนมาใช้ไฟท้ายทรง 4 เหลี่ยมยาวกับ Juke ใหม่แทน อย่างไรก็ตามการขาดหายไปของไฟท้ายที่มีเอกลักษณ์ถูกแทนที่ด้วยรูปลักษณ์ของรถที่สปอร์ตขึ้นจากทั้งหลังคาที่ถูกออกแบบให้มีลักษณะ Floating Roof และเส้นด้านข้างรถที่ชัดเจนซึ่งดูเหมือนมัดกล้ามเสริมให้รถดูมีพลังแบบในรถสปอร์ต[expander_maker id=”4″ more=”อ่านเพิ่มเติม” less=”Read less”]
เนื่องจาก Juke ใหม่ถูกออกแบบเพื่อให้มีความสปอร์ตคล่องแคล่วในการขับ จึงทำให้แม้จะมีการขยายขนาดในทุกด้านของรถจนมีความยาว 4,210 มม. กว้าง 1,800 มม. และสูง 1,595 มม. ซึ่งทำให้ยาวขึ้น 85 มม. กว้างและสูงขึ้น 35 มม. เหมือนกัน แต่น้ำหนักของรถกลับลดลงจากรุ่นก่อนหน้า 23 กิโลกรัม
ภายในห้องโดยสารของ Juke ที่มีพื้นที่ช่วงเข่าของเบาะหลังเพิ่มขึ้นถึง 5.8 ซม. และพื้นที่ส่วนหัวเพิ่มขึ้น 1.1 ซม. ได้รับการออกแบบใหม่ให้มีจอขนาด 8 นิ้วและช่องระบบปรับอากาศที่คอนโซลกลางในลักษณะลอยตัว ในขณะที่พวงมาลัยเป็นแบบมัลติฟังก์ชั่นเพื่อลดปุ่มควบคุมที่คอนโซลกลางลง ทาง Nissan ระบุว่าใช้วัสดุใหม่ที่ให้สัมผัสนุ่มทั้งที่แผงแดชบอร์ด ประตู และส่วนเท้า โดยที่มีเบาะสปอร์ตเป็นอุปกรณ์มาตรฐานมากับรถ และมี Alcantara รวมทั้งหนังเป็นอุปกรณ์เสริมสำหรับใช้แต่งภายในห้องโดยสาร
ส่วนระบบ Infotainment ใหม่ NissanConnect มาพร้อมกับ Apple CarPlay และ Android Auto รวมไปถึงสามารถใช้เสียงเพื่อเริ่มบางการทำงานผ่าน Google Assistant ได้ นอกจากนี้ยังตรวจสอบสถานะการล็อกรถ ควบคุมการล็อกและปลดล็อกรถได้ผ่านสมาร์ทโฟนด้วยการใช้แอพพ์ NissanConnect Service
เมื่ออยู่ในห้องโดยสารไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ดื่มด่ำกับเสียงเพลง เพราะ Nissan ใช้ระบบเสียง Bose Personal Plus กับ Juke ใหม่ที่นอกจากมาพร้อมกับลำโพง 8 ตัวแล้ว ยังมีลำโพง Bose UltraNearfield ที่พนักพิงศรีษะของ 2 เบาะหน้า
ในส่วนของเครื่องยนต์ที่เปิดตัวออกมายังคงมีทางเลือกเดียวกับเครื่องยนต์เบนซิน DIG-T 3 สูบ 1,000 ซีซี เทอร์โบ 117 แรงม้า แรงบิด 180 นิวตัน-เมตรโดยเพิ่มเป็น 200 นิวตัน-เมตรได้ด้วยการทำงาน Over Torque แต่จะมีระบบส่งกำลังให้เลือก 2 แบบระหว่างแมนนวล 6 สปีด และอัตโนมัติดูอัลคลัตช์ 7 สปีดพร้อมเแป้นเปลี่ยนเกียร์ และมี 3 โหมดการขับระหว่าง Eco, Standard และ Sport ให้เลือก สำหรับช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบแมกเฟอร์สัน สตรัต ส่วนด้านหลังเป็นแบบ Twist Beam คอยล์สปริง
Juke มาพร้อมกับหลากหลายระบบช่วยในการขับอย่าง ProPilot ที่ช่วยควบคุมทิศทาง การเร่ง และเบรกด้วยอีเล็กทรอนิกเพื่อรักษาระยะห่างและความเร็วรวมทั้งเลนของรถเมื่ออยู่ในไฮเวย์ที่มีช่องจราจรเดียว ในขณะที่ระบบช่วยผู้ขับด้านความปลอดภัยมีทั้งระบบช่วยเบรกฉุกเฉินพร้อมตรวจจับคนเดินถนนและจักรยาน, ระบบจดจำสัญญาณจราจร, ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน, ระบบเตือนเมื่อมีรถเข้ามาด้านหลังขณะถอย และระบบเตือนเมื่อมีรถเข้ามาในมุมบอดขณะเปลี่ยนเลน
Nissan จะยังคงใช้โรงงานที่ Sunderland ในอังกฤษเพื่อเป็นสถานที่ผลิต Juke
ใหม่สำหรับยุโรปอยู่แม้จะยังไม่มีข้อตกลงเรื่อง Brexit โดยจะมีการส่งมอบรถได้ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนปีนี้
เรื่อง: กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th[/expander_maker]