ลองของ!! Nissan Kicks e-Power ลูกผสมที่จัดจ้าน รถไฟฟ้าที่ไม่ต้องชาร์จไฟ!
เก็บงำความคันปากนี้มานานตั้งแต่ 5 มีนาคม ซึ่งเป็นวันที่ทางนิสสันได้เชิญไปร่วม Work Shop เกี่ยวกับ Nissan e-Power โดยในวันนั้นเป็นการพรีวิวเกี่ยวกับเทคโนโลยี e-Power แบบภาพกว้าง รวมทั้งได้ทดลองขับ Nissan Kicks แบบพอให้ได้สัมผัสถึงการออกตัว การควบคุม และลูกเล่นบางอย่าง เท่านั้น แถมรถที่ได้ลองขับในวันนั้นยังเป็นรถที่หุ้มสติ๊กเกอร์สีดำทั้งคัน พอรู้ว่าขนาดตัวถังมันประมาณไหน แต่ไม่สามารถเล่าเรื่องการทดลองขับได้เพราะติดเอมบาโก้จนกว่าเจ้า Kicks จะเปิดตัว และห้ามบันทึกภาพทั้งภาพนิ่ง, วีดีโอ, สมาร์ทโฟน!!..และในเมื่อเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว ได้เวลานำมาเล่าสู่กันฟังสักที เก็บความในใจเอาไว้นานร่วมสองเดือนกว่า เพราะเจ้าโควิด-19 แท้ๆ
อย่างที่รู้กันว่าเทคโนโลยี e-Power (อี-พาวเวอร์) ที่มีอยู่ใน Kicks, Note และ Serena นั้นเหมือนกัน พูดได้ว่าเป็นเทคโนโลยีทางเลือก เป็นความหวังที่จะทำให้นิสสันกลับมามียอดขายที่น่าชื่นใจขึ้นอีกครั้ง ซึ่งในไทยเลือกทำตลาด e-Power ใน Kicks รถในกลุ่มคอมแพ็ค เอสยูวี ที่คาดว่าน่าจะตอบโจทย์ผู้ใช้รถคนไทยมากที่สุด
สำหรับ Kicks e-Power ประเด็นสำคัญอยู่ที่การขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี e-Power ที่รถถูกขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าล้วนๆ 100% โดยมีต้นกำเนิดพลังงานมาจากเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร ที่ทำหน้าที่เสมือนเครื่องปั่นไฟ ส่งพลังงานมายังตัวแปลงไฟ หรือ Inverter ควบคุมกระแสไฟฟ้าส่งไปในแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน แล้วดึงพลังงานจากแบตฯ มายังมอเตอร์ขับเคลื่อน ทำให้รถเคลื่อนที่…หัวใจมันอยู่แค่นี้จริงๆ ไม่ได้ซับซ้อนมากมาย คิดว่าไม่น่าจะงงกันนะ
นั่นทำให้การออกตัวตั้งแต่ 0 มีแรงบิดเกิดขึ้น 260 นิวตันเมตร ในทันที เป็นการออกตัวที่เหมือนกับนิสสัน ลีฟ (Leaf) และรถไฟฟ้าค่ายอื่น แต่จะให้อารมณ์ในการขับรถมากกว่าเพราะมีเครื่องยนต์ที่ทำงานตลอดเวลา ทำให้เวลาที่กดคันเร่งลึกขึ้น ทำความเร็วสูงขึ้น เครื่องยนต์จึงทำงานรอบสูงขึ้นตามมา และมีเสียงเครื่องยนต์ดังเข้ามาพอให้รู้สึกสนุกอยู่พอสมควร ซึ่งเครื่องยนต์จะทำงานตั้งแต่สตาร์ทเครื่อง โดยที่รอบเครื่องจะอยู่ในรอบต่ำและจะกวาดรอบขึ้นสูงเมื่อทำความเร็วเพิ่มขึ้น ทุกอย่างจะเหมือนกับการขับอีโคคาร์ เครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร นั่นเอง แต่อัตราเร่งจะจัดจ้านกว่าเพราะไม่ต้องรอรอบนั่นเอง
โดยขุมพลังประกอบไปด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า EM57 เครื่องกำเนิดไฟฟ้า (generator) และอุปกรณ์แปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) ทีผลิตกระแสไฟฟ้าจากเครื่องยนต์สันดาปภายในขนาด 1.2 ลิตร 12 วาล์ว 3 สูบ แถวเรียงแบบ DOHC (Double Overhead Camshaft) ระบบอี-พาวเวอร์ ให้พละกำลังสูงสุด 95 กิโลวัตต์ (129 แรงม้า) มีแรงบิดสูงสุด 260 นิวตันเมตร และใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 1.57 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) ที่มี 4 โมดูล
ในการทดลองขับ ทางทีมงานจัดให้ขับคนละ 2 รอบ เท่านั้น ซึ่งใช้เวลาที่สั้นมาก แต่ก็พอที่จะอธิบายอารมณ์การขับได้ประมาณหนึ่ง เริ่มจากอัตราเร่งทำได้กระฉับกระเฉง ฉับไว เช่นเดียวกับรถไฟฟ้า 100% พวงมาลัยมีน้ำหนักค่อนข้างเบา แต่สามารถควบคุมได้ง่ายและให้ชีวิตชีวาเมื่อขับแบบสลาลอมด้วยความเร็ว 60 กม./ชม. องศาการเลี้ยวทำได้ค่อนข้างแม่นยำ น้ำหนักเบรกทำได้กำลังพอดี ไม่ลึกเกินไป
โดยมีสิ่งที่ทำได้ดีกว่า นิสสัน ลีฟ คือ การใช้โหมด e-Pedal แต่ใน Kicks ใช้ชื่อว่า เทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะ One-Pedal (วัน-เพดัล) ที่เป็นการขับแบบใช้เท้าขวากับคันเร่งเพียงอย่างเดียว เมื่อถอนคันเร่ง รถจะชะลอเบรกแบบนุ่มนวล และเบรกจนรถหยุดนิ่งได้ด้วยการใช้คันเร่งเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งระหว่างการใช้งานเมื่อถอนคันเร่งจะไม่ได้รู้สึกถึงอาการหน่วงหนักๆ เหมือนในลีฟ หากเรียนรู้การใช้งานจนคล่องแล้วน่าจะเป็นจุดเด่นที่ทำให้ขับรถได้สบายมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อขับในเขตเมืองที่การจราจรแออัด และเจ้า Kicks ยังสามารถจอดขวางได้ เพราะออกแบบมาให้เข็นได้ด้วย แต่ต้องเรียนรู้วิธีการจอดให้เข็นได้นิดหน่อยเท่านั้นเอง ตรงนี้ถือว่าทำการบ้านมาดีเลยทีเดียว
นอกจากนี้ ยังมีโหมดการขับให้เลือก 4 รูปแบบ คือ แบบปกติ (Normal Mode) แบบ S หรือสมาร์ทโหมด (Smart Mode) แบบอีโค (Eco Mode) และ แบบ EV (EV Mode) ซึ่งในวันที่ทดลองขับได้ใช้ 2 โหมด คือ แบบปกติ Normal Mode และ แบบ EV สองโหมดนี้มีความแตกต่างกันในเรื่องของอัตราเร่งอย่างชัดเจน ในแบบ EV จะให้อัตราเร่งที่รวดเร็วกว่า น้ำหนักพวงมาลัยจะหนักขึ้นเล็กน้อย
โดยสรุปแล้วภาพรวมถือว่าเป็นรถไฟฟ้าเติมน้ำมันที่ให้การควบคุมที่คล่องตัว อัตราเร่งจัดจ้าน ห้องโดยสารกว้างนั่งสบาย คุณจะสนุกกับการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเช่นเดียวกับรถไฟฟ้า 100% แต่ไม่ต้องกังวลกับการกลัวแบตเตอรี่หมด เพราะรถคันนี้ใช้เครื่องยนต์ปั่นไฟให้เกิดพลังงานไฟฟ้านั่นเอง และด้วยราคาที่เปิดตัวมา ในรุ่น S 889,000 บาท, รุ่น E 949,000 บาท, รุ่น V 999,000 บาท และรุ่น VL 1,049,000 บาท ถือว่าเป็นราคาที่น่าสนใจมาก หากไม่คิดอะไรมาอยากลองขับรถที่เป็นรถไฟฟ้าตัวเลือกในรุ่นเริ่มต้นนั้นคุ้มแล้ว ถ้าไม่เน้นออปชั่น เพราะหน้าตาภายนอกเหมือนกันหมด ขาดแต่ไฟตัดหมอกเท่านั้น
ส่วนคำถามที่ว่ามันเป็นรถไฟฟ้าใช่มั้ย คำตอบคือใช่, ขับขึ้นเขาได้มั้ย คำตอบคือได้, แบตเตอรี่จะทนแค่ไหน คำตอบคือ ยังไม่รู้ แต่นิสสันรับประกันแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 10 ปี รับประกันระบบไฟฟ้าเป็นเวลา 5 ปี และรับประกันคุณภาพรถยนต์ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน มีประกันขนาดนี้คงไม่น่ากังวลใจนะ รวมทั้งเทคโนโลยี e-Power นี้ ไม่ได้เพิ่งใช้เป็นครั้งแรก มีการนำมาใช้ในนิสสัน เซเรน่า (Serena) และ นิสสัน โน้ต (Note) ในญี่ปุ่นมาแล้ว เพียงแค่ นิสสัน คิกส์ (Kicks) เป็นโมเดลแรกที่นำมาจำหน่ายและประกอบในเมืองไทยเป็นครั้งแรกในโลก ถือว่าเราได้ลองของใหม่กับเทคโนโลยีที่ขายดีมาแล้ว เรื่องนี้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรด้วยเช่นกัน
เอาเป็นว่านี่เป็นการเล่าสู่กันฟังสั้นๆ กับการได้ทดลองขับ All-New Nissan Kicks ในช่วงก่อนเปิดตัว เอาไว้ได้ลองแบบเต็มๆ กับการใช้งานจริง Grandprix Online ไม่พลาดที่จะนำเสนออย่างแน่นอน
เรื่อง: พุทธิ ผาสุข
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th