นิสสัน เตรียมนำ Hyper Series รถไฟฟ้าต้นแบบร่วมงานบางกอก มอเตอร์โชว์ 2024
นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย เตรียมสร้างเซอร์ไพรส์ในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ 2024 ด้วยการนำรถต้นแบบจาก Hyper Series มาให้คนไทยได้สัมผัสคันจริงเป็นครั้งแรก โดย 1 ในนั้นอาจจะมี Nissan Hyper Force คอนเซ็ปต์คาร์ที่ถูกคาดการณ์ว่าจะได้รับการพัฒนากลายเป็น GT-R รหัส R36 ในอนาคตอันใกล้
อีกหนึ่งค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นที่เงียบเหงามานานในช่วงที่ผ่านมา นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย เตรียมสร้างเซอร์ไพรส์นำ Nissan Hyper Series รถต้นแบบรุ่นล่าสุดที่เปิดตัวครั้งแรกในงาน Japan Mobility Show 2023 เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว มาจัดแสดงเป็นไฮไลต์ของพวกเขาในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ที่ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม-7 เมษายนนี้
ชื่อรุ่นในคอนเซ็ปต์คาร์ซีรี่ส์นี้จะขึ้นต้นด้วยคำว่า Hyper เพื่อแสดงถึงความตื่นเต้นเร้าใจที่มากยิ่งกว่า โดยแนวคิดการออกแบบมาเพื่อให้มีคุณสมบัติที่เพิ่มมูลค่าให้แก่ลูกค้าแต่ละกลุ่มที่มีไลฟ์สไตล์แตกต่างกัน สอดคล้องกับความต้องการเฉพาะของผู้ใช้แต่ละคน ช่วยให้ลูกค้าสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลกโดยไม่กระทบต่อวิถีชีวิตหรือความสนุกสนานของการใช้รถยนต์
ทำความรู้จัก Nissan Hyper Series
Nissan Hyper Urban: สไตล์ของนิสสัน ไฮเปอร์ เออร์เบิน เป็นการเติมเต็มรสนิยมอันซับซ้อนของผู้ใช้ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งผู้ที่อาศัยอยู่ในเมือง และชานเมืองที่ต่างให้ความสำคัญกับความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม
การออกแบบของครอสโอเวอร์คันนี้ มีความโดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ที่สวยงาม, โฉบเฉี่ยว และทันสมัยแสดงออกถึงรสนิยมที่ชาญฉลาดของผู้ใช้ สร้างความโดดเด่นในขณะเดียวกันก็กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Nissan Hyper Urban สามารถเชื่อมต่อเข้ากับระบบนิเวศของยานยนต์ไฟฟ้าอย่างสมบูรณ์ ด้วยระบบการถ่ายเทพลังงานไฟฟ้าจากรถยนต์สู่ที่พักอาศัยหรือ Vehicle-to-Home (V2H) ซึ่งส่งผลให้ประหยัดการใช้พลังงานได้อย่างมาก รวมถึงสร้างความยั่งยืนในโครงข่ายไฟฟ้า โดยระบบการถ่ายเทพลังงานระหว่างยานยนต์ไฟฟ้ากับระบบโครงข่ายไฟฟ้า Vehicle-to-Grid (V2G) เจ้าของสามารถส่งต่อพลังงานไฟฟ้าส่วนเกินให้กับโครงข่ายไฟฟ้าเพื่อสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นของตน และสร้างรายได้ในกระบวนการนี้ ระบบจัดการการชาร์จอัจฉริยะจะประกอบด้วย AI ที่สามารถชาร์จยานพาหนะ และอาคารพลังงานได้โดยอัตโนมัติ ช่วยให้มีการจัดการพลังงานมีประสิทธิภาพ
แนวคิดนี้ยังนำความยั่งยืนมาประยุกต์ใช้กับอายุการใช้งานของยานพาหนะได้ ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่ตระหนักถึงคุณค่าระยะยาวของทุกสิ่งที่พวกเขาเป็นเจ้าของ ด้วยการอัปเดตฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์เป็นประจำ เพื่อสร้างประสบการณ์ของการเป็นเจ้าของที่ทันสมัยอยู่เสมอ เช่น ภายในห้องโดยสารสามารถรีเฟรชได้ด้วยแผงหน้าปัดแบบใหม่ที่สะท้อนถึงเทคโนโลยีล่าสุด และเทรนด์การติดต่อกับผู้ใช้ด้วยกราฟิกต่างๆ
Nissan Hyper Adventure: แน่นอนว่าระยะเวลาการเดินทางที่เพิ่มขึ้นจำเป็นต้องใช้พลังงานมากขึ้น ดังนั้นแนวคิดของนิสสัน ไฮเปอร์ แอดเวนเจอร์ และเทคโนโลยี Vehicle-to-Everything (V2X) จึงถูกออกแบบมาให้เก็บสะสมพลังงานไฟฟ้าเพื่อนำมาใช้ได้ทุกที่, ทุกเวลา และยังคงจุดเด่นของการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปเที่ยวภูเขาในระยะทางใกล้ ๆ ช่วงสุดสัปดาห์ หรือการเดินทางไกลเป็นเวลาร่วมเดือนไปยังสถานที่ห่างไกล เป้าหมายหลักของ Nissan Hyper Adventure คือการรองรับความต้องการที่หลากหลายของผู้คนที่ชื่นชอบการใช้ชีวิตกลางแจ้ง แบตเตอรี่ความจุสูงยังเป็นแหล่งพลังงานได้ถึง 2 เท่า ช่วยให้ผู้ใช้สามารถชาร์จพลังงานให้กับอุปกรณ์ต่างๆ ให้ความสว่างบริเวณจุดตั้งแคมป์หรือแม้แต่ชาร์จเจ็ตสกีไฟฟ้าจากคุณสมบัติการถ่ายเทพลังงาน V2X และยังสามารถจ่ายพลังงานให้กับบ้านที่เรียกว่า V2H รวมถึงชุมชนท้องถิ่นโดยการส่งพลังงานส่วนเกินให้กับโครงข่ายไฟฟ้าหรือ V2G อีกด้วย
เมื่อเดินทางผ่านภูเขาหิมะหรือเส้นทางที่เต็มไปด้วยโคลนของป่าฝนอันเขียวชอุ่ม ระบบควบคุมการขับขี่ e-4ORCE ของนิสสัน จะช่วยควบคุมล้อทั้งสี่ได้อย่างแม่นยำ มั่นใจได้ว่านักเดินทางจะไปถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างราบรื่น, ปลอดภัย และมีสไตล์
รูปโฉมภายนอกถูกออกแบบให้ปราดเปรียวของ Hyper Adventure ยังสะท้อนไลฟ์สไตล์ที่แอคทีฟ ด้วยลายเส้นทแยงมุมด้านข้างที่โดดเด่น เสริมให้เห็นถึงความกว้างขวางของห้องโดยสารภายใน เสริมทิศทางการลื่นไหลของอากาศผ่านสปอยเลอร์ด้านหน้าที่จะช่วยเพิ่มสมรรถนะตามหลักอากาศพลศาสตร์ ซึ่งได้รับการพัฒนาเพิ่มเติมในส่วนของกระจกที่รวมหลังคา กระจกด้านข้าง และพื้นที่แบนราบขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านท้ายของตัวรถไว้ ล้อ, กันชนหน้า-หลัง ติดตั้งอุปกรณ์ยึดเกาะหิมะ เพื่อให้รถสามารถขับผ่านพื้นที่ที่เต็มไปด้วยหิมะได้อย่างทรงพลัง และง่ายดาย
ขณะที่ความโดดเด่นของภายใน และพื้นที่โดยสารได้รับการออกแบบเพื่อสร้างการขับขี่ในทุกสถานการณ์เป็นเรื่องง่าย และสะดวกสบาย แผงหน้าปัดเชื่อมต่อกับด้านล่างของกระจกหน้ารถ เปรียบเสมือนจอที่เสริมให้วิสัยทัศน์การมองเห็นกว้างขึ้น ราวกับตัวรถมีความโปร่งใส
Nissan Hyper Tourer: นิสสัน ไฮเปอร์ ทัวเรอร์ ผสมผสานจิตวิญญาณของการให้บริการแบบญี่ปุ่นหรือที่เรียกว่า โอโมเตะนาชิ (Omotenashi) เข้ากับเทคโนโลยีขั้นสูงต่างๆ รวมถึงการขับขี่อัตโนมัติ, ฟังก์ชัน V2X และแบตเตอรี่ความจุสูงยังช่วยให้สามารถจ่ายไฟฟ้าให้กับบ้าน, ร้านค้า และสำนักงาน ขณะเดินทางหรือทำกิจกรรมทางธุรกิจ
รูปลักษณ์ภายนอกของรถต้นแบบคันนี้ สื่อถึงความรู้สึกสบายที่มาจากภายใน ด้วยแผงตัวถังที่เรียบลื่น มีเส้นสายที่เฉียบคมแสดงถึงความงามแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม เข้ากันได้ดีกับรูปลักษณ์ที่ดูโอ่อ่ากลมกลืนกับภูมิทัศน์โดยรอบ ด้านข้างตัวรถมาพร้อมกับเส้นแนวทแยงจากด้านหน้าไปยังบังโคลนหลังเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพตามหลักอากาศพลศาสตร์ และความรู้สึกของการขับขี่ที่นุ่มนวลซึ่งเป็นผลมาจากการผสมผสานระหว่างรถยนต์ไฟฟ้า และระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ โดยเส้นกลางตัวถังสีขาวรอบคันทำหน้าที่เป็นไฟหน้าอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของรถยนต์รุ่นนี้ ขณะที่ล้อลายคุมิโกะ และลายเส้นที่นุ่มนวลและเป็นแนวตรงบนตัวถัง เสริมความรู้สึกที่พรีเมียมเหนือระดับ
ในส่วนของพื้นที่ห้องโดยสารมีความกว้างขวาง ซึ่งเป็นผลมาจากวิสัยทัศน์ด้านเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าของนิสสัน ซึ่งรวบรวมชิ้นส่วนขนาดเล็ก และแบตเตอรี่แบบ Solid-state ไว้อย่างกะทัดรัดเพื่อให้เกิดนวัตกรรมยานยนต์ที่มีความสร้างสรรค์ ผลที่ได้คือจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำเป็นพิเศษ และเมื่อทำงานร่วมกับระบบควบคุมการขับขี่ e-4ORCE จะช่วยควบคุมล้อทั้งสี่ได้อย่างแม่นยำทั้งตอนเร่ง และชะลอความเร็ว คอนโซลเหนือศีรษะ และไฟส่องสว่างมีลวดลายคูมิโกะ และโคอุชิแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมที่สร้างความรู้สึกหรูหรา ในขณะที่แผงไฟ LED ทรงแบนบนพื้นแสดงภาพคล้ายแม่น้ำและท้องฟ้า ช่วยสร้างความผ่อนคลายที่ผสมผสานสไตล์ที่มีความเป็นดิจิทัลและธรรมชาติเข้าด้วยกันอย่างลงตัว
Nissan Hyper Punk: นิสสัน ไฮเปอร์ พังก์ มาพร้อมรูปลักษณ์ที่เน้นประโยชน์ใช้สอยและมีสไตล์ เป็นรถยนต์ครอสโอเวอร์ไฟฟ้าขนาดกะทัดรัดที่เหมาะสำหรับผู้สร้างคอนเทนต์ อินฟลูเอนเซอร์ ศิลปิน รวมถึงผู้ที่มีสไตล์ และหลงใหลในนวัตกรรม
ด้วยคุณสมบัติการเชื่อต่อที่ราบรื่นระหว่างโลกเสมือนจริงและโลกแห่งความเป็นจริง โลกภายในและโลกภายนอก นิสสัน ไฮเปอร์ พังก์ รถยนต์ครอสโอเวอร์แห่งอนาคต สร้างแรงบันดาลใจในการแสดงความเป็นตัวตนในทุกโลก ระบบ V2X ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถชาร์จอุปกรณ์ระหว่างเดินทางได้ทุกที่ทุกเวลา พร้อมยังสามารถแบ่งปันพลังงานให้กับผู้ร่วมงาน และกิจกรรมชุมชนในท้องถิ่น
ภายในองค์ประกอบสไตล์โอริกามิสะท้อนถึงความเป็นญี่ปุ่น และสร้างพื้นที่ภายในที่ผสมผสานระหว่างโลกดิจิทัล และศิลปะเข้าด้วยกัน อาทิ กล้องบนรถสามารถจับภาพทิวทัศน์รอบๆ รถ และใช้ AI เพื่อแปลงเป็นทิวทัศน์สไตล์มังงะหรือรูปแบบกราฟิกตามความต้องการของเจ้าของรถ จากนั้นภาพดังกล่าวจะถูกฉายบนจอแสดงผลสามจอที่จัดวางรอบๆ ผู้ขับขี่ ทำให้เกิดพื้นที่ที่ความเป็นจริงและโลกเสมือนถูกหลอมรวมเข้าด้วยกัน
ห้องโดยสารที่ถูกออกแบบให้เป็นเหมือนสตูดิโอเคลื่อนที่ สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้อย่างไม่มีสะดุด อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ และเครื่องมือสร้างสรรค์ผลงานของผู้เดินทาง ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลหรือออกแบบผลงานได้ทุกที่ทุกเวลา Hyper Punk ยังมาพร้อมกับ AI และไบโอเซนเซอร์ตรงพนักพิงศีรษะที่สามารถตรวจจับอารมณ์ของผู้ขับขี่ เพื่อเลือกเพลง และปรับแสงไฟที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติเป็นการช่วยเสริมพลัง และความคิดสร้างสรรค์ของผู้ขับขี่
ด้วยรูปโฉมภายนอกที่ออกแบบให้มีพื้นผิวหลายด้าน และหลากหลายมุม ทำให้รถต้นแบบคันนี้โดดเด่นด้วยสีเงินที่เปลี่ยนไปตามมุมมอง และแสงที่ตกกระทบ ประสิทธิภาพตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่เหนือกว่าจากการออกแบบ และสไตล์ที่ทรงพลังตรงข้ามกับสไตล์มินิมอล สื่อถึงความเป็นตัวเอง กล้าที่จะออกจากเกฎเกณฑ์เดิมๆ สะท้อนความมุ่งมั่นของนิสสันในการก้าวไปข้างหน้าเพื่อนำเสนอเทคโนโลยีและการออกแบบใหม่ๆ
Nissan Hyper Force: คอนเซ็ปต์คาร์ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อผู้ชื่นชอบการแข่งรถ และนักเล่นเกมที่กระหายความตื่นเต้นจากอะดรีนาลีนในสนามแข่ง แต่ยังคำนึงถึงความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นิสสัน ไฮเปอร์ ฟอร์ซ ซูเปอร์คาร์พลังงานไฟฟ้าสมรรถนะสูงที่มุ่งหวังที่จะมอบความพึงพอใจในการขับขี่ขั้นสูงสุด ขณะเดียวกันก็มอบประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อมในระดับสูง และความสะดวกสบายสำหรับการใช้งานในชีวิตประจําวัน
หัวใจหลักของรถยนต์รุ่นนี้คือระบบส่งกำลังไฟฟ้าทั้งหมดที่ให้พละกำลังสูง พร้อมด้วยแบตเตอรี่โซลิดสเตตที่มีความสมดุลของน้ำหนักอย่างเหมาะสม ซึ่งสามารถผลิตพลังงานได้สูงถึง 1,000 กิโลวัตต์ พร้อมอัตราเร่งที่รวดเร็ว ดาวน์ฟอร์ซอันทรงพลัง ระบบควบคุมการขับเคลื่อน e-4ORCE ควบคุมล้อทั้งสี่ได้อย่างแม่นยำ ตัวถังน้ำหนักเบาประกอบด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ที่มีความแข็งแรงสูง ช่วยให้เข้าโค้งได้ดีขึ้น และควบคุมได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งสนามแข่ง และเส้นทางถนนที่คดเคี้ยว
การออกแบบภายนอกมีสัดส่วนที่กว้าง และลงตัวเป็นการผสมผสานระหว่างส่วนโค้งเพรียวที่เข้ากันอย่างลงตัวกับรูปทรงเรขาคณิตที่โดดเด่น สะท้อนถึงสมรรถนะที่โดดเด่นของเครื่องยนต์ที่อยู่ด้านล่าง องค์ประกอบต่างๆ ที่รวมอยู่ในการออกแบบ อาทิ ไฟหน้า และไฟท้าย ถือเป็นสัญลักษณ์ของรถยนต์สมรรถนะสูงจาก Nissan
รูปโฉมภายนอกตอบสนองสมรรถนะสูงจากหลักอากาศพลศาสตร์ซึ่งได้รับการพัฒนาร่วมกับทีมแข่ง NISMO เพื่อสร้างแรงกด (Downforce) อันทรงพลัง โครงสร้างหลักอากาศพลศาสตร์สองชั้นใต้ฝากระโปรงหน้าให้ทั้งแรงกดที่แข็งแกร่ง และประสิทธิภาพการระบายความร้อนสูง
ในขณะเดียวกันดิฟฟิวเซอร์ด้านหลังแบบ 2 ระดับ จะควบคุมการไหลเวียนของอากาศได้อย่างเหมาะสม ชิ้นส่วนคานาร์ดด้านหน้า, บังโคลนหน้า และปลายทั้งสองข้างของปีกหลัง มอบประสิทธิภาพเชิงอากาศพลศาสตร์ที่ยอดเยี่ยม โดยชิ้นส่วนแอคทูเอเตอร์พลาสม่าที่พัฒนาขึ้นใหม่จะควบคุมการไหลของอากาศเพื่อเพิ่มการยึดเกาะสูงสุด และลดการยกตัวของล้อด้านในระหว่างการเข้าโค้ง ล้อคาร์บอนลายหินอ่อนน้ำหนักเบาช่วยเสริมอากาศพลศาสตร์ และการระบายความร้อนจากเบรก
รถยนต์ต้นแบบนี้มี 2 โหมดการขับขี่ ได้แก่ “R” (Racing) และ “GT” (Grand Touring) ซึ่งการแสดงผลผ่านกราฟิกที่จะเปลี่ยนสีและการแสดงผลตามโหมดที่เลือก โดยถูกออกแบบให้แสดงข้อมูลที่จำเป็นที่สุดสำหรับผู้ขับขี่ทันที ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์การขับขี่ ซึ่งกราฟิกเหล่านี้มาจากความร่วมมือกับบริษัทผู้ผลิตเกมขับรถชั้นนำ Polyphony Digital Inc.
ในโหมด R ห้องโดยสารจะปรับแสงบรรยากาศเป็นสีแดง และสร้างพื้นขับขี่ที่ใช้งานง่ายซึ่งโฟกัสไปที่คนขับเพื่อทำให้เกิดสมาธิแผงบนแผงหน้าปัดขยายออกไปบริเวณที่นั่งเพื่อเพิ่มความรู้สึกของการขับขี่ หน้าจอแสดงผล 4 จอรอบตัวและรอบพวงมาลัยจะแสดงความดันลมยาง และอุณหภูมิ ความดันอากาศ อุณหภูมิของจานเบรก การกระจายกำลัง และข้อมูลอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการแข่งรถ
สำหรับโหมด GT ห้องโดยสารจะปรับแสงสว่างเป็นสีน้ำเงิน และหน้าจอที่อยู่รอบพวงมาลัยจะเคลื่อนออกไปและรวมเข้าด้วยกันมอบประสบการณ์ที่ดื่มด่ำด้วยอินเทอร์เฟซในระบบอินโฟเทนเมนต์ที่เรียบง่ายยิ่งขึ้น รวมถึงการตั้งค่าระบบปรับอากาศ เครื่องเสียง ระบบกันสะเทือน และระบบกันการโคลง เพื่อการขับขี่ที่สะดวกสบาย โดยระบบกันสะเทือน และเหล็กกันโคลงได้รับการออกแบบให้เป็นรายแรกของโลกที่สามารถสั่งการบนหน้าจอได้อย่างง่ายดายระหว่างการขับขี่
ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญในสมการของ Hyper Force ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติขั้นสูงพร้อมเทคโนโลยีระบบการหลบหลีกการชนทำงานผ่าน Hyper LIDAR (Light Detection and Ranging) และเซ็นเซอร์ต่างๆ ที่ปรับแต่งมาสำหรับการขับขี่แบบสปอร์ต รถยนต์ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยระดับสูงทั้งบนถนนสาธารณะ และในสนามแข่ง
ทั้งหมดนี้ทำให้ Nissan Hyper Force เป็นการเปลี่ยนมุมมองรวมถึงกระบวนทัศน์ในกลุ่มรถยนต์สมรรถนะสูง ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาโดยคำนึงถึงความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สมรรถนะที่ได้จากพลังงานไฟฟ้า และอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ล้ำสมัย รถยนต์ต้นแบบคันนี้จึงเป็นวิสัยทัศน์ของนิสสัน สำหรับซุูเปอร์คาร์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงรุ่นต่อไป
นอกจากนี้ นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย เตรียมรถยนต์รุ่นยอดนิยมมาจัดแสดงครบครันทั้ง นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์, นิสสัน อัลเมร่า, นิสสัน เทอร์ร่า, นิสสัน นาวารา และนิสสัน จีที-อาร์ พร้อมโปรโมชั่นที่น่าสนใจให้ผู้เข้าชมงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ที่ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม-7 เมษายนนี้
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: Nissan Global Media
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th