Nissan X-Trail Hybrid: ทางเลือกของคนที่ไม่อยากเจออะไรเดิมๆ
Nissan X-Trail Hybrid ทดสอบ Test Drive: ในช่วง 2-3 ปีหลัง คนกรุงเทพดูเหมือนจะเคยชินกับภาพที่ถนนสายหลักๆ เปลี่ยนสภาพเป็นคลองชั่วคราวหลังจากสายฝนกระหน่ำลงมาไม่ถึงชั่วโมง เรียกว่าน่าเหนื่อยใจเกินกว่าจะโพสต์สเตตัสบนโซเชียลเน็ตเวิร์คด่าประชดประชันหน่วยงานที่รับผิดชอบ
แถมพอเริ่มต้นปีใหม่มาเพียงไม่กี่วัน ต้องเจอสภาพอากาศที่ขมุกขมัวฝนตกตลอดทั้งวันแทนลมหนาวที่หลายคนคาดหวังจะได้สัมผัสช่วงสั้นๆ ก็ยังดี ถึงจะเหลืออีกหลายเดือนกว่าจะเข้าฤดูฝนอย่างเป็นทางการ แต่หลายคนที่เบื่อความรู้สึกกังวลว่ารถจะเสียเวลาลุยน้ำท่วม และอยากได้ความสบายเวลาต้องเจอรถติดนานๆ ที่เป็นเหมือนแพ็กเกจเสริมมาคู่กับฝน หนีไม่พ้นจะต้องมองไปที่รถแนวเอสยูวี
ไม่ใช่เพียงแค่ตัวรถที่สูงขึ้นเท่านั้น แต่ความอเนกประสงค์ทั้งห้องโดยสารที่กว้างขึ้น และพื้นที่บรรทุกสัมภาระขนาดใหญ่ของรถเอสยูวีสามารถรองรับไลฟ์สไตล์หนุ่มสาวออฟฟิศวัย 30 อัพ ที่เข้าสู่ช่วงเริ่มสร้างครอบครัวได้เป็นอย่างดี
ช่วงปีที่ผ่านมา Nissan X-Trail Hybrid ดูจะเป็นตัวเลือกหนึ่งที่ถูกใจคนวัยทำงาน หากไม่นับแบรนด์รถยนต์ฝั่งยุโรป ถือว่าเป็นเอสยูวีรุ่นเดียวในตลาดรถยนต์บ้านเราที่ใช้ระบบขับเคลื่อนไฮบริดที่มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 15.6 กิโลเมตรต่อลิตร (ตามข้อมูลจากอีโคสติกเกอร์)
เครื่องยนต์ 2.0 MR20DD เป็นตัวเดียวกับที่ใช้ในรุ่นรองของ X-Trail เครื่องยนต์เบนซิน แต่เสริมด้วยระบบมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังเพิ่มอีก 41 แรงม้า โดยการทำงานร่วมกันในโหมดไฮบริดจะมีกำลังสูงสุด 179 แรงม้า เรียกว่าขับสนุก แต่ยังมีความนุ่มนวลในแบบรถญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตามการประหยัดน้ำมันคงไม่ใช่เหตุผลหลักเพียงข้อเดียวที่ทำให้คนสมัยนี้ตัดสินใจซื้อรถยนต์สักคันเท่านั้น ทำให้เอ็กซ์-เทรล ไฮบริด มีการใส่เทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อให้คุณมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นยามอยู่หลังพวงมาลัย และเพิ่มความปลอดภัยให้ครอบครัวที่อยู่ในรถ โดยนิสสัน เคลมว่าเป็นครั้งแรกของโลกที่มีการใช้ระบบ Active Engine Brake (AEB) และ Active Ride Control (ARC)
AEB จะช่วยลดความเร็วรถโดยอัตโนมัติหากคนขับถอนคันเร่งหรือกำลังเข้าสู่โค้ง โดยระบบจะทำงานร่วมกับเกียร์ Xtronic CVT ปรับลดอัตราทดเกียร์เพื่อชะลอความเร็วของรถลงมา ขณะที่ ARC เป็นระบบช่วยลดอาการโยนตัวบนทางขรุขระ จะทำงานเวลาเราขับในสภาพถนนที่เป็นคลื่นต่อเนื่อง ควบคุมตัวถังรถให้อยู่ในแนวระนาบกับพื้นถนนเพื่อประสิทธิภาพในการทรงตัวของรถที่ดีที่สุด
ระบบอื่นๆ ที่มาเป็นมาตรฐานของเอสยูวีค่ายอื่น X-Trail Hybrid มีมาให้พร้อมทั้ง Hill Start Assist ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน, Hill Descent Control ระบบควบความเร็วขณะลงทางลาดชัน, Active Trace Control ช่วยควบคุมเสถียรภาพตัวรถเวลาเข้าโค้ง และ Active Brake Limited Slip ที่จะคอยช่วยส่งแรงเบรกสู่ล้อที่เกิดการลื่นไถลเพื่อช่วยให้คนขับควบคุมรถหรือหักหลบสิ่งกีดขวาได้ทันท่วงที นั่นคือสิ่งที่สัมผัสได้ระหว่างการขับ Nissan X-Trail Hybrid เพื่อ ทดสอบ ในครั้งนี้
อีกเงื่อนไขเวลาซื้อรถเอสยูวีคือการเปิดปิดประตูท้ายที่ต้องสะดวกกับผู้ใช้งาน โดยเฉพาะสาวๆ X-Trail Hybrid จะใช้ระบบ Auto Life Gate เพียงแค่พกกุญแจติดตัวแล้วยื่นมือบริเวณเซ็นเซอร์ที่อยู่เหนือป้ายทะเบียนด้านหลัง ประตูท้ายจะเปิดขึ้นอัตโนมัติ และสามารถตั้งระดับความสูงของการเปิดได้อีกด้วย
ขณะที่การถอยจอดก็เป็นเรื่องง่ายด้วยการ Around View Monitor แสดงภาพแบบ 360 องศา โดยกล้อง 4 ตัวรอบคัน จะประมวลผล และแสดงภาพจากมุมสูงผ่านหน้าจอทัชสกรีนขนาด 7 นิ้วบริเวณคอนโซลกลาง ขณะรถกำลังเคลื่อนตัวจริง เพิ่มความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น สุดท้ายถึงจะเพิ่มความสบายเพื่อให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ของคนในเมืองใหญ่ แต่ Nissan ไม่ลืมใส่อารมณ์การขับแบบออฟโรดด้วยการติดสวิตช์แบบโรเตอร์ในรุ่นท็อป 2.0V เพื่อเลือกโหมดการขับ 3 รูปแบบ ทั้งแบบ 2WD ขับเคลื่อนสองล้อที่เหมาะกับการใช้ชีวิตในเมือง และช่วยประหยัดน้ำมันได้ดี; Auto ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตโนมัติ โดยระบบจะควบคุมกำลังล้อหน้า และล้อหลังให้สัมพันธ์กันเพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุดในการเกาะถนน; Lock จะเป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ใช้เวลาขับบนเส้นทางขรุขระหรือปีนป่ายทางลาดชัน
โดยรวมแล้วถึงจะไม่ได้ใหม่สุดในตลาด แต่ด้วยความครบของออปชั่น Nissan X-Trail Hybrid เป็นทางเลือกที่ดี ก่อนที่หน้าฝนแสนโหดของชาวกรุงเทพ จะกลับมาเยือนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ภาพ: พิศวัส พงษ์พุฒิโสภณ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th
เชื่อว่าเกือบทุกคนที่เลี้ยงสุนัขมองว่ามันไม่ได้มีหน้าที่แค่เฝ้าบ้าน แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของคุณ โดยผลการสำรวจความคิดเห็นจากสมาชิกของ Kennel Club สมาคมสุนัขแห่งประเทศอังกฤษ สามารถยืนยันความจริงในเรื่องนี้เป็นอย่างดี
ทำให้ Nissan ตัดสินใจนำเสียงของคนรักสุนัขส่วนใหญ่ที่ยอมรับว่าหากต้องซื้อรถยนต์คันใหม่จะพิจารณาจากความอเนกประสงค์ในการใช้งานสะดวกในการพาสุนัขของพวกเขาเดินทางไปด้วย
ทั้งหมดนี้กลายเป็นที่มาของ X-Trail 4Dogs Concept ที่นำรถเอสยูวียอดนิยมของพวกเขามาดัดแปลงพื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านหลังที่มีความจุ 445 ลิตร เสริมอุปกรณ์พิเศษที่จำเป็นสามารถรองรับสุนัขไซส์ขนาดกลาง 2 ตัว
ในคลิปวีดิโอโปรโมต X-Trail 4Dogs Concept จะเห็นได้ว่าทีมงาน Nissan ศึกษาความต้องการของผู้ใช้งานมาเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเวลาไปเที่ยวต่างจังหวัด การปล่อยสุนัขวิ่งเล่นจนตัวของมันเปื้อนดินโคลนเปียกน้ำมอมแมมเป็นเรื่องปกติ