PEUGEOT e-LEGEND CONCEPT นวัตกรรม…แห่งความคลาสสิก
เมื่อร่วม 1 ปีที่ผ่านมา PEUGEOT ผู้ผลิตรถยนต์จากเมืองน้ำหอม ได้นำเสนอรถต้นแบบ ‘INSTINCT CONCEPT’ ที่มาพร้อมดีไซน์และนวัตกรรมแห่งอนาคตอย่างแท้จริง และในปีนี้ดาวเด่นประจำบูธในงาน 2018 Paris Motor Show ตกเป็นของ ‘e-LEGEND CONCEPT’ นวัตกรรมบางส่วนถูกส่งต่อมาจากรถต้นแบบรุ่นพี่ แต่ไฮไลต์ของรถรุ่นนี้ไม่ใช่มีเพียงแค่ ระบบขับขี่อัตโนมัติ Autonomous, การเป็นรถ EV ไร้มลพิษ และระบบเชื่อมต่อ Connected เพียงเท่านั้น แต่มันเป็นนวัตกรรมทางการออกแบบของ PEUGEOT ที่สั่งสมประสบการณ์มายาวนานกว่า 120 ปี
- รถต้นแบบที่ใช้ DNA ระดับตำนานจาก ‘504 Coupe’ รถซิ่งรุ่นคุณปู่
ดีไซน์ของรถต้นแบบ e-LEGEND ถือกำเนิดจาก DNA ที่ถูกส่งต่อมาจากรถซิ่งรุ่นคุณปู่ ‘504 Coupe’ เป็นรถยนต์ PEUGEOT รุ่นบรรพบุรุษที่ดูคลาสสิกยาวนานมาจนถึงปัจจุบัน เมื่อถูกขัดเกลาด้วยสไตล์การออกแบบสมัยใหม่ ผลลัพธ์ที่ได้ คือ รถในอนาคตที่ตัวถังอัดแน่นไปด้วยเสน่ห์ ชวนมอง น่าสัมผัสในทุกรายละเอียด งาน Retro Design ทำให้ e-LEGEND ฉีกตัวออกมาจากรถต้นแบบทั่วไป เป็นดีไซน์ที่ใกล้เคียงโลกแห่งความเป็นจริง ไม่ได้เป็นเพียงจินตนาการของนักออกแบบที่ขาดองค์ความรู้ทางวิศวกรรมมารองรับ
แนวคิดที่ถูกส่งต่อมาจาก INSTINCT CONCEPT ได้แก่ การผนวกรวม Smart Devices ที่เราใช้งานในชีวิตประจำวัน เข้ามาใช้ในการเดินทาง การทำงาน หรือแม้แต่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้แต่ละบุคคล คำว่า Convergent ถูกใช้ในการนำเสนอ ถึง “การมาบรรจบกัน” ของสิ่งของ หรือฟังก์ชันการทำงานบนอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อให้อุปกรณ์นั้นสามารถใช้งานได้อย่างหลากหลาย สำหรับ e-LEGEND แนวคิดนี้เริ่มต้นจากตัวอักษรย่อ 3 ตัว คือ ‘I.o.T’ ซึ่งย่อมาจาก ‘Internet of Things’ ทุกสิ่งอย่างจะถูกกระทำผ่านโลกของอินเทอร์เน็ต ไม่เว้นแม้แต่การใช้งานรถยนต์ในชีวิตประจำวัน
- ดีไซน์สุดคลาสสิกของ ‘e-LEGEND CONCEPT’ ที่ PEUGEOT เก็บเกี่ยวประสบการณ์ทางการออกแบบมากว่า 120 ปี
‘I.o.T Platform’ จาก PEUGEOT เป็นการพัฒนาร่วมกับผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่อย่าง SAMSUNG ก่อกำเนิดระบบที่เรียกว่า ‘SAMSUNG ARTIK’ เป็นการเชื่อมต่อข้อมูลทั้งหมดผ่าน Cloud ที่เก็บข้อมูลของรถ ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ ข้อมูลการเดินทาง พิกัดของบ้าน ที่ทำงาน ยิม ฯลฯ หรือแม้แต่อีเมลส่วนตัวในแต่ละแอกเคาต์ เพลงโปรด ซีรีส์ที่ชื่นชอบ ไล่เรียงมาจนถึงการนัดหมาย หรือกิจกรรมประจำวันต่างๆ ที่ผู้ใช้บันทึกไว้ใน Calendar บนโทรศัพท์มือถือ ทั้ง iOS และ Android โดยระบบจะเชื่อมโยงข้อมูลจาก Smart Devices ต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน อาทิ Smart Phones, Smart Watches, Smart Televisions, Social Media, Home Automation (บ้านอัจฉริยะ) รวมทั้งรถต้นแบบ e-LEGEND ที่จะกลายเป็น gadget ชิ้นใหญ่ของระบบไปด้วยเช่นเดียวกัน
- เป็น EV ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังรวม 340 kW (455 hp) แรงบิดสูงสุด 800 Nm แบตเต็มเดินทางได้ไกล 500-600 กิโลเมตร
- ใช้ยางขนาด 19 นิ้ว มีพันธมิตรเก่าแก่ชาติเดียวกัน อย่าง Michelin เป็นผู้พัฒนาให้
ห้องโดยสารของ e-LEGEND ถูกเรียกว่า ‘i-Cockpit’ ใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับพฤติกรรมของผู้โดยสารในแต่ละตำแหน่ง เพื่อให้การเดินทางมีความผ่อนคลาย และความสบายในการเดินทาง ออกแบบด้วย Retro Design เช่นเดียวกับตัวถังภายนอก เป็นแบบ 2+2 ที่นั่ง ซึ่งให้ความสบายกับเบาะนั่งคู่หน้ามากเป็นพิเศษตามรูปแบบของรถคูเป้ พวงมาลัยเป็นแบบไฟฟ้า (By-wire Steering Technology) ปราศจากกลไกของระบบบังคับเลี้ยว ในโหมด Autonomous จึงสามารถเลื่อนเก็บเข้าไปในคอนโซลหน้าได้อย่างไร้ร่องรอย และคอนโซลหน้า e-LEGEND ทั้งแผง จะถูกแทนที่ด้วยมอนิเตอร์ Wide screen ขนาดใหญ่ถึง 49 นิ้ว เหนือชุดจอเป็น Sound Bar รองรับในส่วนของความบันเทิง ทั้งภาพและเสียง ขณะที่แผงประตูทั้ง 2 ฝั่ง ถูกออกแบบให้เป็นจอมอนิเตอร์เช่นกัน ในส่วนนี้ใช้สร้างบรรยากาศให้กับห้องโดยสาร
- เบาะนั่ง Retro Design ใน ‘Autonomous Modes’ พวงมาลัยจะเลื่อนตัวเก็บเข้าไปในคอนโซลหน้า เช่นเดียวกับชุดแป้นคันเร่ง แป้นเบรก ที่จะเลื่อนหลบไปชิดผนังห้องโดยสาร
นวัตกรรมล่าสุดใน e-LEGEND เพื่อรองรับโหมด Autonomous อย่างเต็มรูปแบบ เป็นส่วนของการสั่งการทุกระบบในรถด้วยคำสั่งเสียง ซึ่ง PEUGEOT พัฒนาร่วมกับ SOUNDHOUND Inc. บริษัทที่เป็นผู้นำในการใช้ AI (Artificial Intelligence) หรือปัญญาประดิษฐ์ มาช่วยวิเคราะห์คำสั่งเสียง ซึ่งรองรับถึง 17 ภาษา ทาง PEUGEOT ให้ความมั่นใจว่า ระบบ Voice-activated ใน e-LEGEND จะให้ประสบการณ์ที่แตกต่างจากการใช้การสั่งงานระบบต่างๆ ด้วยคำสั่งเสียงแบบที่คุณเคยรู้จัก
e-LEGEND เป็นรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ขับเคลื่อนแบบ AWD ด้วยกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้ารวม 340 kW (455 hp) แรงบิดสูงสุด 800 Nm ใช้แบตเตอรี่ขนาด 100 kWh อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เร็วกว่า 4 วินาที ความเร็วสูงสุด 220 กม./ชม. ต่อการชาร์จ 1 รอบ เดินทางได้ระหว่าง 500-600 กิโลเมตร มาพร้อมระบบชาร์จเร็ว แบตเต็มได้ด้วยเวลาราว 25 นาทีเท่านั้น
- PEUGEOT นำระบบอัจฉริยะมาช่วยให้เกิดอิสระสูงสุดขณะเดินทาง คุณจะทำอะไรก็ได้ แม้นั่งอยู่ในตำแหน่งคนขับ
e-LEGEND มี 2 โหมดในการขับขี่ ได้แก่ ‘Manual Modes’ รถถูกบังคับโดยผู้ขับ และ ‘Autonomous Modes’ รถปรับเข้าสู่โหมดการขับขี่อัตโนมัติเต็มระบบ พวงมาลัยจะเลื่อนตัวเก็บเข้าไปในคอนโซลหน้า เช่นเดียวกับชุดแป้นคันเร่ง ที่จะเลื่อนตัวเก็บเข้าไปใต้พื้นห้องโดยสาร เพื่อให้ผู้ขับ (ที่กำลังจะกลายเป็นผู้โดยสาร) จะได้เหยียดขาได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะไปโดนแป้นคันเร่ง
- รองรับระบบ Wireless Charging
Manual Modes สำหรับการขับด้วยตัวเอง ถูกแตกไปอีก 2 โหมดย่อย คือ ‘BOOST’ น่าจะให้อารมณ์ใกล้เคียงกับโหมด Sport ของรถยนต์ยุคปัจจุบัน และ ‘LEGEND’ เป็นการขับแบบชิลๆ เพื่อสัมผัสความคลาสสิกระดับตำนานจาก 504 Coupe และเน้นความประหยัดไม่แตกต่างจากโหมด Comfort โดยโหมดย่อยนี้จะมีระบบ ADAS (Advance Driving Assistance Systems) มาช่วยให้ผู้ขับสามารถขับรถด้วยความปลอดภัยสูงสุด
เช่นกัน Autonomous Modes หรือโหมดการขับขี่อัตโนมัติ ก็ถูกแตกไปอีก 2 โหมดย่อย ได้แก่ ‘SHARP’ ระบบจะเก็บทุกรายละเอียด เพื่อให้รถเคลื่อนที่แบบไร้คนขับได้อย่างปลอดภัยสูงสุด เช่น การเดินทางในสภาวะฝนตกหนัก และ ‘SOFT’ เน้นความสบาย และสร้างความผ่อนคลายของผู้โดยสารทุกตำแหน่งในการเดินทาง ความรู้สึกน่าจะใกล้เคียงกับการนั่งเล่น หรือนอนพักผ่อนในห้องรับแขก ตื่นมาอีกทีก็ถึงจุดหมายปลายทางเรียบร้อยแล้ว
เรื่อง: พิทักษ์ บุญท้วม
GRAND PRIX MAGAZINE NOVEMBER ISSUE 587
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th