Polestar 2 ปรับโฉมเพิ่มกำลัง ระยะการเดินทาง และเปลี่ยนล้อขับเคลื่อน
หลังจาก Polestar 2 ใหม่ ทำตลาดมาได้ 3 ปีล่าสุดรถไฟฟ้ารุ่นนี้เพิ่งได้รับการปรับโฉมจากผู้ผลิตโดยมีการปรับดีไซน์ของรถเล็กน้อย แต่มีการใช้มอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรีใหม่ซึ่งทำให้มีกำลังและระยะการเดินทางต่อการชาร์จเพิ่มขึ้น รวมทั้งยังเปลี่ยนล้อขับเคลื่อนในรุ่นมอเตอร์เดี่ยว
ด้านรูปลักษณ์ของ Polestar 2 ใหม่ มีในส่วนของกระจังหน้าเป็นมาในสีเดียวกับตัวรถพร้อมกับเรียกว่า Smart Zone เพราะเป็นจุดที่มีเซ็นเซอร์ส่วนใหญ่ของระบบช่วยขับอยู่ ขณะที่ส่วนอื่นๆ ของตัวรถไม่มีความเปลี่ยนแปลงยกเว้นในส่วนชองล้ออัลลอยที่มีลายใหม่ ส่วนในห้องโดยสารทางผู้ผลิตไม่ได้ระบุถึงการเปลี่ยนแปลงออกมา ยกเว้นการมีระบบช่วยขับเพิ่มขึ้นและมีที่ชาร์จอุปกรณ์ไร้สายเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ความเปลี่ยนแปงอื่นในรถไฟฟ้ารุ่นปรับโฉมคือการใช้แบตเตอรี 82 kWh จาก CATL ที่รองรับการชาร์จเร็ว 205 kW รวมทั้งยังให้ระยะการเดินทางต่อการชาร์จเพิ่มขึ้นเป็น 635 กิโลเมตรสำหรับรุ่น Long Range Single Motor ในขณะที่รุ่นมอเตอร์คู่หรือ Dual Motor มีระยะการเดินทางเพิ่มขึ้นเป็น 592 กิโลเมตรต่อการชาร์จ ส่วนรุ่นพื้นฐานมอเตอร์เดี่ยว Standard Range Single Motor ใช้แบตเตอรี 69 kWh จาก LG Chem ให้ระยะการเดินทางได้ 518 กิโลเมตรต่อการชาร์จ
นอกจากนี้ความเปลี่ยนแปลงยังมีในส่วนล้อขับเคลื่อนของรุ่นมอเตอร์เดี่ยวทั้งรุ่นพื้นฐานและ Long Range ที่เปลี่ยนมาใช้ล้อหลังขับเคลื่อนแทนล้อหน้า รวมไปถึงมีการใช้มอเตอร์ไฟฟ้าใหม่ทำให้รุ่นมอเตอร์เดี่ยว Long Range มีกำลังขับเคลื่อน 299 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 490 นิวตัน-เมตร มีกำลังเพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อน 68 แรงม้า แรงบิดเพิ่มขึ้น 160 นิวตัน-เมตร และใช้เวลาเร็วขึ้น 1.2 วินาทีในการทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. เป็น 6.2 วินาที
ส่วนรุ่นมอเตอร์คู่ Long Range ที่ขับเคลื่อนด้วยทุกล้อของรถมีการใช้มอเตอร์หลังเดิมร่วมกับมอเตอร์ Asynchronous ใหม่ที่ด้านหน้า ทำให้มีกำลังขับเคลื่อนเพิ่มขึ้นเป็น 421 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 740 นิวตัน-เมตร ใช้เวลา 4.5 วินาทีเพื่อทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. มีกำลังเพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อน 13 แรงม้าและมีแรงบิดเพิ่มขึ้น 80 นิวตัน-เมตร แต่หากเป็นรุ่น Dual Motor พร้อม Performance Pack จะมาพร้อมกับกำลัง 476 แรงม้า และอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ด้วยเวลา 4.2 วินาที โดยนอกจากมีแรงม้าและอัตราเร่งดีขึ้นแล้วรถยังมาพร้อมกับเบรก Brembo ด้านหลังล้อขนาด 20 นิ้วลายเฉพาะ รวมทั้งมีชุดแดมเปอร์ Ohlins Dual Flow Valve เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ทางผู้ผลิตรถยนต์จากสวีเดนเริ่มขายรถลิฟต์แบ็กไฟฟ้ารุ่นปรับโฉมของตนทันทีที่ยุโรป แต่การส่งมอบรถจะเริ่มในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2023 ส่วนราคารถเริ่มต้นที่ 50,190 ยูโรในรุ่นพื้นฐานมอเตอร์เดี่ยว Standard Range
เรื่อง: กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th