PORSCHE เปิดตัวโครงการ Bangkok Cleanup Project
PORSCHE ผนึกกำลังของ 3 องค์กรใหญ่ เปิดตัวโครงการ Bangkok Cleanup Project มุ่งเน้นเรื่องการดูแลและรักษาโลกอย่างยั่งยืน
ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย เอเอเอส กรุ๊ป ผู้นำเข้า และตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ร่วมกับ Ferry Porsche Foundation และ Audi Environmental Foundation จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ Bangkok Cleanup Project
โดยความร่วมมือของ everwave และมูลนิธิ TerraCycle Thai เนื่องในวันคล้ายวันทำความสะอาดโลก (15 กันยายน) ซึ่งถือเป็นการรวบรวม บุคคลผู้ทรงเกียรติจากแวดวงนักการเมือง กลุ่มบริษัท และอินฟลูเอนเซอร์ เพื่อมาร่วมกันสร้างสิ่งแวดล้อมที่ได้รับผลกระทบด้านมลพิษความสะอาดทางน้ำในเขตกรุงเทพมหานคร
มูลนิธิเฟอร์รี่ ปอร์เช่ (Ferry Porsche Foundation), มูลนิธิอาวดี้ เอ็นไวรอนเมนทอล (Audi Environmental Foundation) และ เอเวอร์เวฟ (everwave) บริษัทสตาร์ทอัพที่ดำเนินธุรกิจเพื่อพัฒนาและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และการบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การผนึกกำลังของ 3 องค์กรใหญ่ เกิดจากการมีเป้าหมายเดียวกัน ในการมุ่งเน้นเรื่องการดูแลและรักษาโลกอย่างยั่งยืน ได้เริ่มทำงานร่วมกันอีกครั้ง ในครั้งนี้วางแผนร่วมกันเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ช่วยกำจัดขยะในแม่น้ำเจ้าพระยา ณ กรุงเทพมหานคร ซึ่ง ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย เอเอเอส กรุ๊ป พร้อมสนับสนุนแคมเปญ มุ่งลดปัญหาภาวะโลกร้อน ช่วยสร้างการตระหนักรู้ด้านการบริหารจัดการขยะ ด้วยการเข้าร่วมกิจกรรมทำความสะอาดรักษาแม่น้ำสายหลักแห่งนี้ เมื่อวันศุกร์ที่ 15 กันยายน 2023
เรือเก็บขยะอัฉริยะ จากประเทศเยอรมนี ได้ทำหน้าที่กำจัดขยะจากแม่น้ำและลำคลองในกรุงเทพฯ ด้วยวิธีการติดตั้งเซ็นเซอร์อัจฉริยะ และสายพานลำเลียง นอกจากนี้ยังรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณ ประเภทขยะ และองค์ประกอบของของเสีย ทั้ง 3 องค์ประกอบนี้ เพื่อเป้าหมายที่จะผลักดันการสร้างมาตรฐาน และวิธีการกำจัดขยะอย่างมืออาชีพในภูมิภาค ด้านมูลนิธิเทอร์ร่าไซเคิล ไทย (TerraCycle Thai) ได้เข้ามาร่วมสนับสนุนและชักชวนพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญระดับมืออาชีพ รวมถึงบุคคลที่มีความสำคัญและมีชื่อเสียงในประเทศไทย มาร่วมกิจกรรมด้วย สำหรับปอร์เช่ ประเทศไทย ได้ดำเนินธุรกิจมาอย่างยาวนาน จวบจนครบรอบ 30 ปีในปีนี้ เล็งเห็นถึงความสำคัญของการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนซึ่งสอดคล้องกับการดำเนินงานของปอร์เช่ที่ได้ดำเนินการมาตลอด ก็มีความตั้งใจสนับสนุนแคมเปญเพื่ออนาคตที่สะอาดเช่นกัน
เรือเก็บขยะเทคโนโลยีสมรรถนะสูง จากประเทศเยอรมนี ได้ใช้เวลา 2-3 เดือนที่ผ่านมา ในการกำจัดขยะจำนวนมากจากแม่น้ำเจ้าพระยาในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์โดยมูลนิธิเฟอร์รี่ ปอร์เช่ (Ferry Porsche Foundation), มูลนิธิอาวดี้ เอ็นไวรอนเมนทอล (Audi Environmental Foundation) และ เอเวอร์เวฟ (everwave) บริษัทสตาร์ทอัพที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตั้งเป้าที่จะสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่มั่นคงสำหรับการแปรรูปขยะในภูมิภาครอบเมืองหลวงของไทย โดยการทำงานร่วมกับมูลนิธิเทอร์ร่าไซเคิล ไทย (TerraCycle Thai) ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาเอกชนในท้องถิ่น
เรือ CollectiX ใช้โดรน กล้อง และ AI ในการตรวจจับและรวบรวมขยะกองใหญ่ และขนส่งขยะขึ้นฝั่งเพื่อคัดแยกและดำเนินการโดยทีมงานจาก NGO ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้มีการกำจัดขยะออกจากแม่น้ำประมาณ 20 ถึง 30 ตันในแต่ละเดือน
การสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน
เซบาสเตียน รูดอล์ฟ (Sebastian Rudolph) ประธานคณะกรรมการมูลนิธิเฟอร์รี่ ปอร์เช่ (Ferry Porsche Foundation) กล่าว “มหาสมุทรของเราเป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางระบบนิเวศ เพราะเป็นหนึ่งในทรัพยากรเพื่อการอยู่อาศัยและดำรงชีวิตที่สำคัญที่สุดของเรา นี่คือเหตุผลที่เราต้องปกป้องมหาสมุทรในระยะยาว และนั่นจำเป็นต้องมีโครงการเชิงยุทธศาสตร์ข้ามพรมแดน เพื่อน้ำสะอาดและอนาคตที่คุ้มค่าต่อการอยู่อาศัย”
เคลเมนส์ ไฟเกิล (Clemens Feigl) ผู้บริหารสูงสุดของ เอเวอร์เวฟ (everwave) กล่าว “ความร่วมมือกับสถาบันในท้องถิ่นได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นสิ่งสำคัญ พลาสติกจำนวนมากในแม่น้ำเจ้าพระยามาจากการฝังกลบขยะมูลฝอยในรูปแบบที่ไม่มีการควบคุมของภูมิภาคนี้ ดังนั้น การจัดการขยะจากแม่น้ำเพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ เราจำเป็นต้องแก้ไขสาเหตุที่แท้จริง นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมความร่วมมือของเรากับมูลนิธิเทอร์ร่าไซเคิล ไทย (TerraCycle Thai) จึงมีความสำคัญมาก เรากำลังสนับสนุนสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการคัดแยกและการรีไซเคิล และในระยะยาว เราต้องการสร้างจุดรวบรวมและคอนเทนเนอร์ด้วย ความร่วมมือระยะเวลา 5 เดือนนี้ถือเป็นการเริ่มต้นโครงการ Cleanup in Bangkok ระยะยาวของ เอเวอร์เวฟ (everwave)”
ปวราภา ดุพัสกูล ผู้อำนวยการฝ่ายขายปอร์เช่ประเทศไทย โดย เอเอเอสกรุ๊ปกล่าวว่า
“รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้เป็นส่วนร่วมของการผนึกกำลังของ 3 องค์กรใหญ่ในครั้งนี้ ด้วยความมุ่งมั่นเกิดจากการมีเป้าหมายเดียวกัน ในการมุ่งเน้นเรื่องการดูแลและรักษาโลกอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงการรักษาสมดุลเพื่อสร้างสรรค์คุณภาพชีวิต นำนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้ควบคู่ไปกับเทคโนโลยีล้ำสมัย มีการวางแผนร่วมกันในการพัฒนากิจกรรมต่าง ๆ ทั้งระยะสั้นและระยะยาว ในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และการบริการที่ใส่ใจกับผู้บริโภค สังคม พร้อมมุ่งสู่การเติบโตที่ยั่งยืนไปด้วยกัน”
แม่น้ำคือ “ถนนทางหลวงพลาสติก”
โครงการริเริ่มนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ที่มูลนิธิเฟอร์รี่ ปอร์เช่ (Ferry Porsche Foundation) ได้ร่วมมือกับมูลนิธิอาวดี้ เอ็นไวรอนเมนทอล (Audi Environmental Foundation) และมุ่งมั่นที่จะต่อสู้กับขยะในแม่น้ำ
จากแม่น้ำเจ้าพระยา พลาสติกประมาณ 385 ตัน ไหลลงสู่อ่าวไทย ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวงไปทางตะวันตก 35 กิโลเมตรทุกปี ผู้ร่วมโครงการหวังที่จะเน้นย้ำถึงความจริงที่ว่าแม่น้ำในลักษณะนี้ทำหน้าที่เป็น “ถนนทางหลวงพลาสติก”
ซึ่งหมายความว่าขยะที่ถูกทิ้งอย่างไม่ระมัดระวังจะลงไปในน้ำก่อนที่จะถูกพัดออกไปสู่ทะเลเปิด การรณรงค์ดังกล่าวจึงควบคู่ไปกับมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมศึกษา
ตัวอย่างเช่น ในฤดูใบไม้ผลิ มูลนิธิเฟอร์รี่ ปอร์เช่ (Ferry Porsche Foundation) เรียกร้องให้โรงเรียนและองค์กรไม่แสวงหากำไรจากบาเดน-เวือร์ทเทมแบร์กและแซกโซนี (Baden-Württemberg and Saxony) ทำความสะอาดบริเวณใกล้เคียงของตนเอง ชั้นเรียนในโรงเรียนจำนวน 21 ชั้นเรียนและองค์กรไม่แสวงผลกำไร 11 องค์กรร่วมกันกำจัดขยะมากกว่า 1 ตันออกจากสภาพแวดล้อมในท้องถิ่นของตน
สำหรับโครงการในกรุงเทพฯ จะมีกิจกรรมร่วมกันทำความสะอาดจากบนฝั่งในวันศุกร์ที่ 15 กันยายน ซึ่งตัวแทนของปอร์เช่ ประเทศไทย ได้เข้าร่วมโครงการนี้ด้วย
การก้าวกระโดดอย่างประสิทธิภาพ
ชาวเรือไทย 2 คนได้รับการว่าจ้างให้ทำงานบนเรือ CollectiX และอีก 2 คนกำลังได้รับการฝึกอบรม สำหรับองค์กรพัฒนาเอกชนในท้องถิ่น การร่วมมือกับโครงการริเริ่มจากประเทศเยอรมนีหมายถึงการก้าวกระโดดอย่างมีประสิทธิภาพ ก่อนที่เรือจะลงเล่นน้ำ สมาชิกของมูลนิธิเทอร์ร่าไซเคิล ไทย (TerraCycle Thai) ได้เก็บขยะจากแม่น้ำด้วยมือหรือใช้อวนจับปลา หวังว่าความน่าสนใจของเรือลำนี้ที่ปฏิบัติการเพื่อแม่น้ำ สามารถนำมาใช้เพื่อดึงดูดพันธมิตรอื่นๆ ซึ่งในระยะยาวจะสามารถสร้างโครงสร้างที่ยั่งยืนสำหรับการหลีกเลี่ยงขยะและเพิ่มการรีไซเคิลได้ “หากผ่านไปด้วยดี แม่น้ำเจ้าพระยาก็อาจปราศจากขยะได้ใน 10-20 ปี” เคลเมนส์ ไฟเกิล (Clemens Feigl) กล่าวอย่างมีความหวัง