Porsche Taycan จุดเริ่มความแรงจากพลังไฟฟ้า
Porsche เริ่มแสดงเจตนาในการทำรถใช้พลังงานไฟฟ้าล้วนออกสู่ตลาดมาให้เห็นตั้งแต่ปี 2015 เมื่อนำเอารถคอนเซ็ปต์ในชื่อ Mission E ไปจัดแสดงในแฟรงเฟิร์ตมอเตอร์โชว์ และตลอดเวลาที่ผ่านมาผู้ผลิตรถสปอร์ตรายนี้ก็ได้มีการเผยแพร่ขั้นตอนการพัฒนารวมทั้งชื่อ Taycan ที่จะใช้กับรถไฟฟ้ารุ่นแรกของตนออกมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านไป 4 ปีจากการจัดแสดง Mission E ล่าสุดก่อนถึงแฟรงเฟิร์ตมอเตอร์โชว์ 2019 เพียงไม่กี่วันทาง Porsche ก็ได้มีการเปิดตัวรถไฟฟ้ารุ่นแรกของตนในลักษณะของรถ 4 ประตูคูเป้ออกมาแล้วโดยที่มี 2 ระดับกำลังให้เลือก
Porsche Taycan ถูกเปิดตัวออกมา 2 รุ่นคือ Taycan Turbo และ Taycan Turbo S ซึ่งทั้ง 2 รุ่นมีกำลังพื้นฐาน 625 แรงม้าเหมือนกัน แต่ในรุ่น Turbo กำลังจะเพิ่มเป็น 680 แรงม้าด้วย Overboost และมีแรงบิด 850 นิวตัน-เมตร ในขณะที่ Turbo S กำลังจะเพิ่มไปถึง 761 แรงม้า แรงบิด 1,050 นิวตัน-เมตรด้วย Overboost และใช้เวลา 2.8 วินาทีในการเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ซึ่งเร็วกว่ารุ่น Turbo 0.4 วินาที แต่หากสนใจเวลาที่ใช้ในการเร่งความเร็วจาก 0-200 กม./ชม. รุ่น Turbo จะอยู่ที่ 10.6 วินาที ในขณะที่ Turbo S ใช้เวลา 9.8 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดของทั้ง 2 รุ่นเท่ากันที่ 260 กม./ชม.
การพารถเคลื่อนที่ไปบนถนนของ Taycan จะทำผ่านนวัตกรรมการส่งกำลัง 2 สปีดที่ Porsche คิดค้นขึ้นซึ่งถูกติดตั้งไว้ที่เพลาหลัง โดยเกียร์แรกถูกระบุว่าจะใช้เพื่อเน้นไปที่การเร่งความเร็ว ขณะที่เกียร์ที่ 2 จะมีอัตราทดที่ยาวเพื่อการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพรวมทั้งเน้นการสำรองพลังงานให้มากที่สุด[expander_maker id=”4″ more=”อ่านเพิ่มเติม” less=”Read less”]
รถไฟฟ้ารุ่นแรกจาก Porsche ใช้แบตเตอรีลิเธียมไอออน 93.4 kWh ซึ่งแน่นอนว่าย่อมให้ระยะการเดินทางที่แตกต่างกันในแต่ละรุ่นโดยรุ่น Turbo จะเดินทางได้ 450 กิโลเมตร และเหลือ 412 กิโลเมตรในรุ่น Turbo S นอกจากนี้ Taycan ยังใช้ระบบไฟ 800 โวลต์แทนระบบไฟ 400 โวลต์ที่ใช้กันในรถไฟฟ้าทั่วไปซึ่งจะช่วยให้สามารถชาร์จพลังงานเข้าสู่แบตเตอรีได้ 80 เปอร์เซ็นต์ด้วยเวลา 22 นาทีครึ่ง หรือชาร์จพลังงานเพียง 5 นาทีก็สามารถเดินทางได้ 96 กิโลเมตรหากมีเครื่องชาร์จ 270 kW ให้ใช้ แต่หากชาร์จด้วยเครื่องชาร์จแบบเร็ว 150 kW DC จะใช้เวลา 36 นาทีเพื่อชาร์จพลังงาน 80 เปอร์เซ็นต์ ส่วนการชาร์จพลังงานจากไฟ 240 โวลต์ทั่วไปตามบ้านที่ 9.6 kW จะใช้เวลา 11 ชั่วโมง
Porsche ใช้ระบบ Centrally-Networked Control กับแชสซีส์ การวิเคราะห์ และการเชื่อมต่อของระบบการทำงานทั้งหมดบนแชสซีส์ของ Taycan แบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วงล่าง Adaptive Air Suspension รวมทั้งระบบ Porsche Active Suspension Management สำหรับปรับควบคุมโช๊กอัพด้วยอีเล็กทรอนิก โดยที่มี 4 โหมดการขับให้เลือกระหว่าง Normal, Sport, Sport Plus และ Range ซึ่งผู้ขับสามารถกำหนดค่าในแต่ละโหมดการขับได้
ด้านการออกแบบแม้ Taycan จะดูแปลกตาจาก Porsche รุ่นอื่นๆ สักหน่อยที่ด้านหน้าจากทั้งรูปทรงของไฟหน้าและไฟ Daytime Running Light 4 จุดที่ไฟแต่ละฝั่ง แต่ยังเต็มไปด้วยกลิ่นไอรถสปอร์ตของ Porsche จากความโค้งบนฝาประโปรงด้านหลังไฟหน้า การเน้นเส้นด้านข้างรถหลังซุ้มล้อหน้าไปจนถึงด้านหลัง หลังคาโค้งลงที่เสาซีในแบบรถสปอร์ตของ Porsche รวมทั้งยังถูกสร้างความโดดเด่นที่ด้านหลังด้วยสัญลักษณ์ Porsche บนพื้นกระจกที่รวมแถบไฟเอาไว้ด้วย
ภายในห้องโดยสารนอกจากถูกออกแบบโดยเน้นให้ความสำคัญกับผู้ขับอย่างชัดเจน และระบบ Infotainment บนจอขนาด 10.9 นิ้ว รวมไปถึงสามารถเข้าถึงการทำงานบางอย่างของรถด้วยเสียงแล้ว ทาง Porsche สร้างความแตกต่างจากรถรุ่นอื่นของตนด้วยการปราศจากการใช้หนังแท้ แต่ใช้นวัตกรรมวัสดุจากการรีไซเคิลแทน และรถมาพร้อมกับพื้นที่เก็บของ 2 ส่วนคือด้านหน้าซึ่งมีความจุ 81 ลิตร และด้านหลังกับความจุ 366 ลิตร
ทาง Porsche เปิดรับออเดอร์ Taycan แล้วในยุโรปโดยตั้งราคารุ่น Turbo ไว้ที่ 152,136 ยูโร และ 185,456 ยูโรสำหรับ Turbo S แต่หากอยากได้รุ่นที่มีความแรงน้อยกว่านี้รอกันหน่อย เพราะ Porsche ระบุว่าจะมีตามออกมาภายในปีนี้ รวมทั้งจะมี Taycan Cross Turismo ออกมาช่วงปลายปีหน้า ซึ่งจากชื่อรุ่นน่าจะเป็นทางเลือกในแบบรถครอสโอเวอร์
เรื่อง: กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th[/expander_maker]