Taycan สปอร์ตซาลูนไฟฟ้ารุ่นแรกจาก Porsche: กำเนิดใหม่จิตวิญญาณแห่งรถสปอร์ต
Porsche Taycan โมเดลที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกจากผู้ผลิตรถสปอร์ตชื่อดังสัญชาติเยอรมัน เปิดตัวสู่สาธารณชนอย่างเป็นทางการพร้อมกัน 3 ทวีปทั่วโลก ในประเทศแคนาดา, เยอรมัน และจีน เปรียบได้กับสะพานที่เชื่อมโยงระหว่างเกียรติ ประวัติอันยาวนานไปสู่โลกอนาคต
Taycan สปอร์ตซาลูน 4 ประตูที่เปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว ส่งมอบสมรรถนะชั้นเลิศตามสิ่งที่ปอร์เช่ ยึดถือ และปฏิบัติอย่างเคร่งครัดมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมรองรับการใช้งานในทุกกิจกรรมของชีวิตประจำวัน โดยยังคงรักษาไว้ซึ่งกระบวนการผลิตคุณภาพสูง และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกล้ำสมัยมากมาย จนอาจกล่าวได้ว่า Porsche Taycan คือผู้กำหนดบรรทัดฐานใหม่ให้แก่วงการยนตรกรรมที่เป็นเสมือนตัวแทนของการพัฒนาอย่างยั่งยืน และความทันสมัยในโลกดิจิทัล
“เรารักษาคำมั่นในการสร้างสรรค์ยนตรกรรม Porsche ที่แท้จริง ภายใต้การมาถึงของยุคสมัยแห่งยานพาหนะพลังงานไฟฟ้า–รถสปอร์ตที่สร้างความตื่นเต้นเร้าอารมณ์ ไม่เพียงในแง่ของเทคโนโลยี และการขับขี่ที่เน้นสมรรถนะเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการจุดประกายความปรารถนาให้แก่ผู้คนทั่วโลก ไม่แตกต่างไปจากรถสปอร์ตรุ่นที่ผ่านมา ซึ่งเคยสร้างตำนานอันยิ่งใหญ่มาแล้วในอดีตมากมายหลายคัน บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่เราจะส่งมอบสิ่งที่เราเคยให้สัญญาไว้” Michael Steiner สมาชิกคณะกรรมการบริหาร Porsche AG ผู้กำกับดูแลส่วนงานวิจัย และพัฒนา กล่าวย้ำ[expander_maker id=”4″ more=”อ่านเพิ่มเติม” less=”Read less”]
โมเดลแรกสำหรับการเปิดตัว Porsche Taycan ในฐานะยนตรกรรมรุ่นใหม่ล่าสุดคือ Porsche Taycan Turbo S และ Porsche Taycan Turbo ผลผลิตจากนวัตกรรมพลังขับเคลื่อนสุดล้ำที่ได้รับการถ่ายทอดจากรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าของปอร์เช่ หรือ Porsche E-Performance นี่คือรถสปอร์ตที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมาในสายการผลิตปกติของปอร์เช่ ในส่วนของรถสปอร์ตพลังไฟฟ้าขับเคลื่อน 4 ล้อ รุ่นย่อยอื่นๆ กำลังจะทยอยเปิดตัวตามมาในอีกไม่ช้า
อีกหนึ่งสายพันธุ์ที่จะถูกเพิ่มเติมทางเลือกให้แก่ผู้รักรถสปอร์ตคือ Porsche Taycan Cross Turismo ซึ่งจะเผยโฉมในช่วงปลายปีหน้า ทั้งนี้ก่อนปี 2022 ปอร์เช่ จะทุ่มงบลงทุนในส่วนของการพัฒนาคิดยานพาหนะพลังงานไฟฟ้า เป็นเม็ดเงินจำนวนมากกว่า 6,000 ล้านยูโร
• Porsche Taycan Turbo S: อัตราการใช้กำลังไฟฟ้าเฉลี่ย 26.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 0 กรัม/กิโลเมตร
• Porsche Taycan Turbo: อัตราการใช้กำลังไฟฟ้าเฉลี่ย 26.0 กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 0 กรัม/กิโลเมตร
สมรรถนะชั้นเลิศที่มาพร้อมประสิทธิภาพเหนือระดับ
Porsche Taycan Turbo มีกำลังสูงสุด 625 แรงม้า แรงบิด 850 นิวตันเมตร แต่หากเข้าสู่โหมด Overboost สามารถเพิ่มพลังขึ้นเป็น 680 แรงม้า ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 3.2 วินาที มีระยะการขับสูงสุด 381-450 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟฟ้า 1 ครั้ง (ทดสอบตามมาตรฐาน WLTP)
ในขณะที่ Taycan Turbo S พลังเท่ากันที่ 625 แรงม้า แต่เพิ่มแรงบิดสูงสุดเป็น 1,050 นิวตันเมตร โดยจะเพิ่มเป็น 761 แรงม้า หากใช้ Overboost ออกทะยานจากจุดหยุดนิ่งสู่ความเร็ว 100 กม./ชม. ในเวลา 2.8 วินาที มีระยะทางขับ 388-412 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟฟ้า 1 ครั้ง โดยรถสปอร์ตพลังไฟฟ้าขับเคลื่อน 4 ล้อ All-wheel Drive ทั้ง 2 รุ่นสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 260 กม./ชม.
Porsche Taycan คือรถสปอร์ตจากสายการผลิตปกติรุ่นแรกที่ได้รับการติดตั้งระบบไฟฟ้าแรงขับเคลื่อนสูง 800 โวลต์แทนที่ระบบทั่วไปซึ่งมีแรงขับเคลื่อนเพียง 400 โวลต์ในรถไฟฟ้าคันอื่น และนี่คือข้อได้เปรียบหลักอันดับแรกที่ผู้ขับขี่ Taycan จะได้รับเมื่อนำพารถคันนี้โลดแล่นไปบนท้องถนน ภายในระยะเวลาเพียง 5 นาที ระบบชาร์จพลังงานย้อนกลับ High-power Charging Network จะทำหน้าที่สะสมพลังงานให้แก่แบตเตอรี่ด้วยไฟฟ้ากระแสตรง Direct Current (DC) จนสามารถเดินทางได้เป็นระยะสูงสุดกว่า 100 กิโลเมตร (ทดสอบตามมาตรฐาน WLTP) ใช้ระยะเวลาเพียง 22.5 นาที
ในการชาร์จพลังงานตั้งแต่ความจุแบตเตอรี่ 5–80 เปอร์เซ็นต์ SoC (State of Charge) ภายใต้สภาพแวดล้อมปกติ และมีกำลังไฟฟ้าสูงสุด (Peak) ที่ 270 กิโลวัตต์ ประสิทธิภาพความจุโดยรวมของแบตเตอรี่อยู่ที่ 93.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง นอกจากนี้ผู้ขับขี่Porsche Taycan สามารถชาร์จพลังงานได้อย่างสะดวกสบาย ผ่านไฟฟ้ากระแสสลับ Alternating Current (AC) ขนาด 11 กิโลวัตต์ ที่ใช้อยู่ในที่พักอาศัยทั่วไป
งานออกแบบภายนอกสะท้อนภาพ Porsche DNA
ด้วยงานออกแบบที่เรียบหรู Porsche Taycan สื่อสารแก่ผู้พบเห็นอย่างตรงไปตรงมา ในฐานะสัญลักษณ์แห่งการเริ่มต้นยุคใหม่ของปอร์เช่ ในขณะเดียวกันรถสปอร์ตคันนี้ยังคงรักษาไว้ซึ่งอัตลักษณ์ในงานออกแบบตาม DNA ของปอร์เช่อย่างสมบูรณ์แบบ เริ่มต้นตั้งแต่มุมมองด้านหน้าที่กว้าง และแบนราบ ขนาบด้วยโป่งซุ้มล้อที่โค้งมนสง่างาม ยกระดับรูปทรงโดยรวมให้ปราดเปรียว เฉียบคม ด้วยแนวหลังคาสไตล์สปอร์ตที่เทลาดลงอย่างต่อเนื่องกลมกลืนจรดด้านท้าย
แนวตัวถังด้านข้างที่เปี่ยมไปด้วยบุคลิกเฉพาะตัว มุมมองจากห้องโดยสารที่ปลอดโปร่ง แนวโค้งของเสา C-pillar ที่วางตัวผสานกับซุ้มล้อหลังเป็นหนึ่งเดียวกับสปอยเลอร์ ท้ายรถที่ตอกย้ำถึงความกร้าว แกร่งทรงพลัง อันเป็นสมรรถนะติดตัวรถยนต์ปอร์เช่ทุกคัน เสริมความโดดเด่นด้วยนวัตกรรมล้ำสมัยรายรอบคัน อาทิ ตราสัญลักษณ์ปอร์เช่ ฉายสะท้อนบนกระจกหรือ Glass-effect Porsche Logo ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่รวมอยู่กับ Light Bar บริเวณท้ายรถ และด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน Cd ที่ต่ำเพียง 0.22 รวมทั้งระบบอากาศพลศาสตร์ที่ยอดเยี่ยมจากการออกแบบรูปทรงตัวถังที่เหมาะสม ผลลัพธ์ที่ได้คืออัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าที่ประหยัดและพิสัยระยะเดิน ทางที่ทำได้ไกลมากขึ้น
งานตกแต่งภายในห้องโดยสารเปี่ยมเอกลักษณ์ พร้อมจอแสดงผลขนาดใหญ่
ภายในห้องโดยสารแสดงออกถึงบรรยากาศของการเริ่มต้นเข้าสู่ยุคใหม่ของยนตรกรรมล้ำอนาคต ปลอดโปร่ง ด้วยโครงสร้างและสถาปัตยกรรมใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการจัดวางอุปกรณ์รายรอบ แผงหน้าปัทม์ทรงโค้งมน ในตำแหน่งบนสุดของแผงคอนโซลหน้า ให้มุมมองที่ชัดเจนที่สุดจากสายตาของผู้ขับขี่ คอนโซลกลางติดตั้งหน้าจอ Infotainment ขนาดใหญ่ถึง 10.9-นิ้ว พร้อมหน้าจอสำหรับผู้โดยสารตอนหน้าเป็น
อุปกรณ์พิเศษติดตั้งเพิ่มเติมวางตัวต่อเนื่องกันด้วยแผ่นกระจกที่ให้สัมผัสสไตล์ Black Panel สร้างบรรยากาศที่ กลมกลืนลงตัวกับงานตกแต่งภายในห้องโดยสาร ส่วนต่อประสานกับผู้ใช้งาน ทั้งหมดได้รับการออกแบบใหม่ สำหรับ Porsche Taycan โดยเฉพาะระบบควบคุมการทำงานแบบกลไกดั้งเดิม อาทิ สวิตช์ และปุ่มกดต่างๆ ได้รับการลดจำนวนลงอย่างมาก โดยถูกแทนที่ด้วยระบบควบคุมอัจฉริยะผ่านการสัมผัสหรือการสั่งงานด้วยเสียง Voice Control Function ซึ่งพร้อมตอบสนองต่อคำสั่งเริ่มต้น “Hey Porsche”
สำหรับ Taycan ปอร์เช่ นำเสนอมิติใหม่ของงานตกแต่งภายในที่ปราศจากการใช้วัสดุหนังเป็นครั้งแรก ชิ้นงานภายในประกอบด้วยนวัตกรรมวัสดุรีไซเคิลที่ตอบโจทย์แนวคิดในการพัฒนารถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าอย่างยั่งยืนยาวนานในชื่อว่า “Foot Garages”–ติดตั้งชุดแบตเตอรี่ในบริเวณที่พักเท้าของห้องโดยสารตอนหลัง–เพื่อให้มั่นใจว่าผู้โดยสารจะสามารถนั่งประจำที่ได้ด้วยความสะดวกสบาย และเบาะนั่งจะวางตัวในระดับต่ำตามลักษณะเฉพาะตัวของรถสปอร์ตพันธ์แท้ พื้นที่บรรทุกสัมภาระมีให้ใช้งานได้ถึง 2 จุด: โดยด้านหน้ามีความจุ 81 ลิตร และด้านท้ายรถมีความจุถึง 366 ลิตร
นวัตกรรมมอเตอร์ขับเคลื่อน และระบบส่งกำลังประสิทธิภาพสูง
Porsche Taycan Turbo S และ Porsche Taycan Turbo ถือกำเนิดขึ้นในฐานะกลจักร ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าประสิทธิภาพชั้นเลิศถึง 2 ส่วน หนึ่งคือชุดขับเคลื่อนล้อหน้า และสองคือชุดขับเคลื่อนล้อหลัง หมายความว่ารถสปอร์ตคันนี้ได้รับการติดตั้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ All-wheel Drive ส่งผลต่อความเหนือระดับทั้งในแง่ของพิสัยการเดินทางสูงสุด และพละกำลังที่ต่อเนื่อง ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่เกิดขึ้นผ่าน การทำงานที่สอดประสานกันอย่างลงตัวระหว่างชุดขับเคลื่อนทั้ง 2 ชิ้นส่วนของ Electric Machine ระบบส่งกำลัง และชุดควบคุม Pulse-controlled Inverter ถูกผสานรวมกันเป็นหนึ่งเดียวภายใต้ขนาดที่กะทัดรัด แต่กลับเปี่ยมล้นไปด้วยพละกำลังที่อัดอยู่ในทุกอณูด้วยความหนาแน่นสูงสุด (กิโลวัตต์ต่อลิตรของพื้นที่อุปกรณ์) เมื่อเปรียบเทียบกับระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าของรถยนต์ในยุคปัจจุบัน
อีกหนึ่งอุปกรณ์พิเศษที่อยู่ในมอเตอร์ไฟฟ้าคือ “Hairpin” อันเป็นส่วนประกอบสำคัญของ Stator Coils เทคโนโลยีดังกล่าวช่วยให้สามารถเพิ่มจำนวนขดลวด ทองแดงที่บรรจุอยู่ใน Stator ได้มากขึ้น เพิ่มกำลัง และแรงบิด ขณะที่มีชิ้นส่วนเท่าเดิม นวัตกรรมระบบส่งกำลังแบบ Two-speed Transmission คิดค้นขึ้นโดยปอร์เช่ ได้รับการติดตั้งในชุดขับเคลื่อนล้อหลัง เกียร์แรกรับหน้าที่สร้างอัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่งที่ดีเยี่ยมให้แก่ Taycan ในส่วนของเกียร์ที่ 2 มีอัตราทดที่ยาวกว่าเพื่อเสริมประสิทธิภาพในการทำงาน และรักษาพละกำลังสูงสุดให้ถ่ายทอดได้อย่างต่อเนื่อง แม้ในการขับขี่ที่ความเร็วสูงก็ตาม
เครือข่ายระบบควบคุมช่วงล่างแบบรวมศูนย์ Centrally Networked Chassis Systems
ระบบ Porsche 4D-Chassis Control ทำหน้าที่วิเคราะห์ และประมวลผลข้อมูลที่ได้จากระบบควบคุมช่วงล่าง ทั้งหมดในแบบ Real time นวัตกรรมดังกล่าวประกอบด้วยระบบช่วงล่างถุงลมปรับระดับอัตโนมัติ Adaptive Air Suspension พร้อมเทคโนโลยี three-chamber รวมทั้งระบบ PASM (Porsche Active Suspension Management) ระบบ Porsche Dynamic Chassis Control Sport (PDCC Sport) ระบบเหล็กกันโคลงอัจฉริยะ และระบบ Porsche Torque Vectoring Plus (PTV Plus) ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ All-wheel Drive ควบคุมด้วยมอเตอร์ประสิทธิภาพสูง ทั้งสองตัว พร้อมระบบสะสมพลังงานย้อนกลับหรือ Recuperation ที่ยอดเยี่ยมเหนือใคร ให้กำลังสูงสุดกว่า 265 กิโลวัตต์ ซึ่งมากกว่าคู่แข่งทุกราย ผลจากการวิ่งทดสอบแสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของแรงเบรกที่ใช้ในการขับขี่ปกติเกิดขึ้นจากกลจักรไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น โดยแทบจะปราศจากการทำงานของระบบเบรกไฮดรอลิกที่ล้อรถ
โหมดการขับขี่ที่แตกต่างกันสามารถเลือกได้ตามความต้องการของผู้ขับขี่ โดยมีพื้นฐานในการออกแบบพัฒนาที่ยึดหลักการเดียวกันกับยนตรกรรมสปอร์ตจากปอร์เช่ทุกคัน เพิ่มเติมด้วยการปรับตั้งลักษณะการตอบสนองให้เหมาะสม กับระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าสมบูรณ์แบบ ประกอบด้วยโหมดการขับขี่ถึง 4 รูปแบบ: “Range”, “Normal”, “Sport” และ “Sport Plus” ยิ่งไปกว่านั้น ยังสามารถเลือกใช้งานโหมด “Individual” ที่ผู้ขับขี่สามารถปรับแต่งรูปแบบการขับขี่ได้เอง
อัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าและอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซ์ ได้รับการตรวจสอบตามมาตรฐานสากล ที่สอดคล้องกับวิธีการ Light Vehicle Test Procedure (WLTP) ล่าสุด สำหรับค่าการตรวจวัดอัตราสิ้นเปลืองตามมาตรฐาน NEDC ที่ระบุในบทความนี้ ใช้อ้างอิงได้เฉพาะสภาพการทดสอบในช่วงเวลาเดียวเท่านั้น ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับค่าการตรวจวัดอัตราสิ้นเปลืองของ NEDC ที่ได้จากวิธีการอื่นใดก่อนหน้าการทดสอบนี้
Porsche Taycan Turbo S และ Porsche Taycan Turbo พร้อมรับคำสั่งซื้อแล้ววันนี้ ราคาจำหน่ายขึ้นอยู่กับอุปกรณ์มาตรฐาน และภาษีมูลค่าเพิ่มในแต่ละประเทศ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมปอร์เช่ บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่ อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ทุกสาขา
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th[/expander_maker]