Porsche Top High-Performance Models แตกต่างและโดดเด่น
Porsche Top High-Performance Models แตกต่างและโดดเด่น รถปอร์เช่รุ่นสมรรถนะสูงที่มาพร้อมความแตกต่างและโดดเด่นมากยิ่งขึ้น
ปอร์เช่ เพิ่มรูปลักษณ์ภายนอกของรถยนต์รุ่นเทอร์โบ (Turbo Series) ให้มีความประณีตยิ่งขึ้นด้วยความมีคุณภาพสูง หรูหรา และไร้ที่ติ
- ด้วยรูปลักษณ์อันมีเอกลักษณ์ ที่สอดคล้องกันในทุกๆ โมเดลรถ
- โทนสี Turbonite สุดเอ็กซ์คลูซีฟที่ถูกนำมาใช้ในชิ้นส่วนที่ได้คัดสรรไว้ เพื่อความสวยงามและทันสมัย
- ตราสัญลักษณ์แบบพิเศษของปอร์เช่ที่ถูกใช้ทั้งภายนอกและภายใน
เป็นเวลาเกือบ 50 ปีที่รถยนต์รุ่นเทอร์โบ (Turbo) ถือเป็นรุ่นที่สูงสุดในตระกูล Porsche ด้วยสมรรถนะที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์และเป็นตัวแทนของซีรีส์โมเดลรุ่น ปอร์เช่ (Porsche) จึงได้ชูภาพลักษณ์ของรถยนต์รุ่น เทอร์โบ (Turbo) นี้อีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นตราสัญลักษณ์ที่ทันสมัย มีเอกลักษณ์เป็นพิเศษด้วยการใช้โทนสีใหม่ของ Turbonite แทนสีทอง ซึ่งนักออกแบบได้พัฒนาโทนสีเทาเมทัลลิก (metallic grey) อันหรูหรานี้สำหรับรุ่น เทอร์โบ (Turbo) โดยเฉพาะ และถูกนำไปใช้กับชิ้นส่วนที่ถูกเลือกสรรไว้ทั้งภายนอกและภายใน ทำให้รุ่นเทอร์โบ (Turbo) มีรูปลักษณ์ที่ชัดเจนมากขึ้น ปอร์เช่จะนำเสนอความแตกต่างนี้กับรถทุกรุ่นอย่างต่อเนื่อง
ไมเคิล มอลล์ (Michael Mauer) รองประธานฝ่าย Style Porsche กล่าวว่า “ในปี 1974 เราได้นำเสนอ 911 เทอร์โบชาร์จรุ่นแรก นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เทอร์โบ (Turbo) ได้กลายเป็นสัญลักษณ์สำหรับรถรุ่นท็อปที่มีสมรรถนะสูงที่สุด เราต้องการทำให้เทอร์โบ (Turbo) มีลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น และสร้างความแตกต่างอย่างจากรุ่นอื่นๆ เช่น GTS นี่จึงเป็นเหตุผลที่เราพัฒนาความสวยงามของเทอร์โบให้เด่นชัดยิ่งขึ้น นับจากนี้รถยนต์รุ่นเทอร์โบ (Turbo) จะแสดงรูปลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์อย่างโดดเด่นในทุกรุ่นซีรีส์ ซึ่งมีความหรูหรา ลงตัว มีคุณภาพสูง และมีความพิเศษเป็นอย่างมาก”
โทนสีเทอร์โบไนท์ เมทัลลิก (Turbonite Metallic) รุ่นใหม่ถูกสงวนไว้สำหรับรุ่น เทอร์โบ (Turbo) โดยเฉพาะ กระบวนการสร้างสรรค์สีของเราเกิดจากการรังสรรค์อย่างพิถีพิถันโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสีและการตกแต่งของปอร์เช่โดยเสมอมา องค์ประกอบสีทองของรุ่นเทอร์โบ (Turbo) สร้างความสง่างามและหรูหรา มีดีไซน์ตัดกันด้วยสีซาตินที่ชั้นบนสุด ตัวอักษรด้านหลังและ Daylight Opening (DLO) รวมถึงขอบหน้าต่างด้านข้าง จะถูกตกแต่งด้วยสีเทอร์โบไนท์ (Turbonite) ในรุ่นเทอร์โบ (Turbo) ในอนาคต รายละเอียดอื่นๆ เช่น สเกิร์ตหน้า ซี่ล้อ หรือแอโรเบลดในล้ออัลลอยน้ำหนักเบา อาจมีสี เทอร์โบไนท์ (Turbonite) ปรากฎอยู่ด้วยเช่นกันขึ้นอยู่กับรถแต่ละรุ่น
สีเทอร์โบไนท์ (Turbonite) ยังเป็นสีหลักเฉพาะของรุ่นเทอร์โบ (Turbo) และในเร็วๆ บริเวณ ด้านหน้า ล้ออัลลอย และพวงมาลัยของรถเทอร์โบ (Turbo) ทุกรุ่น จะได้รับการประดับตราสัญลักษณ์สุดพิเศษนี้
นอกจากนี้ ชิ้นส่วนภายในห้องโดยสาร เช่น แถบตกแต่งและสายรัดเข็มขัด รวมถึงส่วนควบคุมต่างๆ เช่น สวิตช์ปรับโหมดและแผงควบคุมเครื่องปรับอากาศ จะมาในสีเทอร์โบไนท์ (Turbonite) เช่นกัน ซึ่งรูปแบบการดีไซน์จะขึ้นอยู่กับซีรีส์รถแต่ละรุ่น เพื่อการผสมผสานอย่างลงตัวของการตกแต่งภายในด้วยสีดำ สีเทอร์โบไนท์ (Turbonite) ถูกนำมาใช้เป็นสีที่ตัดสำหรับเส้นด้ายบนเบาะนั่ง ขอบแผงประตู แผงหน้าปัด และพรมปูพื้น อีกด้วย
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติม รวมทั้งภาพยนตร์ และภาพถ่ายได้ที่ Porsche Newsroom: newsroom.porsche.com
รถยนต์ใหม่ทุกคันที่นำเสนอโดยปอร์เช่ (Porsche) ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน WLTP ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 เป็นต้นไป ค่า NEDC ที่เป็นทางการ ซึ่งนำมาจากค่า WLTP จะไม่สามารถนำมาอ้างอิงกับรถใหม่ได้อีกต่อไป จึงไม่สามารถเสนอข้อมูลได้
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงและอัตราการปล่อยก๊าคาร์บอนไดออกไซด์อย่างเป็นทางการสำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลใหม่ โปรดดูเอกสารเผยแพร่ในหัวข้อ “คู่มือการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิง การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานสำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลใหม่” ซึ่งสามารถแจ้งขอรับได้ที่สาขาของตัวแทนจำหน่ายและ DAT (Hellmuth Hirth Strasse 1, D-73760 Ostfildern)
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th
เกี่ยวกับปอร์เช่ ประเทศไทย โดย เอเอเอส กรุ๊ป Porsche Top High-Performance Models
ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย เอเอเอส กรุ๊ป ผู้นำเข้ารถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการ โดยได้รับการแต่งตั้ง จากโรงงานปอร์เช่ ประเทศเยอรมนี ตั้งแต่ปี 2536 ได้สร้างความเชื่อมั่นในด้านการดูแลหลังการขาย ให้กับลูกค้าปอร์เช่ทุกท่าน ด้วยทีมวิศวกรที่ผ่านการทดสอบระดับเหรียญทอง (ZPT3 Gold Theory Test & Recertification) สะท้อนให้เห็นถึง ความสำคัญ ในเรื่องการให้บริการหลังการขาย โดย เอเอเอส กรุ๊ปฯ ทุ่มงบการอบรมบุคลากรให้มีคุณภาพสูงสุด ตามนโยบาย หลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอส ดูแลทั้งรถ และคุณ AAS Looking after YOU and your CAR” เพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่า “AAS The Name you can Trust” ซึ่งพิสูจน์ ให้ท่านได้เห็นแล้วตลอดระยะเวลาดำเนินงานมากกว่า 30 ปี ปัจจุบัน ปอร์เช่ ประเทศไทย มีโชว์รูมและศูนย์บริการเปิดให้บริการ 4 แห่ง คือ Porsche Centre Bangkok , Porsche Centre Pattanakarn, Porsche Studio Siam Paragon ชั้น 2 ,Porsche Studio Bangkok ICONSIAM ชั้น 1 และขยายเพิ่มอีก 3 แห่งในอนาคตอันใกล้ ได้แก่ ศูนย์ปอร์เช่ กัลปพฤกษ์, ศูนย์ปอร์เช่ บางนา และศูนย์ปอร์เช่ พัทยา