Porsche กางแผน 4 ปีพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าอัดงบ 2.34 แสนล้านบาท
Porsche ตัดสินใจครั้งสำคัญในการลงทุนด้วยเม็ดเงินก้อนใหญ่ที่สุดเป็นประวัติการณ์เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายในอนาคตตามแผนกลยุทธ์การพัฒนา โดยภายในปี 2022 บริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตระดับแนวหน้าของโลกแห่งนี้จะใช้งบประมาณรวม 6,000 ล้านยูโร (ประมาณ 2.34 แสนล้านบาท) สำหรับการสร้างสรรค์ยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า
ตามแผนงานนี้ Porsche มุ่งเน้นทั้งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ลูกผสมปลั๊ก-อิน ไฮบริด และรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างสมบูรณ์แบบการตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่นี้ได้รับความเห็นชอบจากการประชุมหาระหว่างคณะกรรมการบริหาร Porsche AG เมื่อไม่นานมานี้
“เราได้ตกลงที่จะเปลี่ยนแปลงงบประมาณในการพัฒนายานยนต์พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น 2 เท่าจากตัวเลขเดิมที่ประมาณ 3,000 ล้านยูโร (ประมาณ 1.17 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้นมากกว่า 6,000 ล้านยูโร” คำอธิบายจาก Oliver Blume ประธานกรรมการบริหาร Porsche AG “ขณะที่เรายังคงพัฒนารถยนต์รุ่นปัจจุบันที่ติดตั้งเครื่องยนต์สันดาปภายใน เรากำลังดำเนินการจัดตั้งอีกหนึ่งโครงการที่มีความสำคัญต่ออนาคตขององค์กรเช่นเดียวกัน” แผนงานดังกล่าวมีความชัดเจนอย่างยิ่งในเชิงของการสนับสนุนเงินทุนราว 3,000 ล้านยูโรให้แก่การจัดซื้อสินทรัพย์ และครึ่งหนึ่งจะถูกใช้เป็นงบประมาณของเงินทุนในการวิจัยพัฒนา
งบประมาณที่เพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 3,000 ล้านยูโร ส่วนหนึ่งราว 500 ล้านยูโร (ประมาณ 1.95 หมื่นล้านบาท) จะถูกนำไปใช้สำหรับโครงการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า Mission E รวมทั้งรุ่นอื่นๆ ในอนุกรมเดียวกันประมาณ 1,000 ล้านยูโร (ประมาณ 3.9 หมื่นล้านบาท) จะถูกใช้เป็นงบประมาณในการเสริมศักยภาพด้านระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า และระบบไฮบริดในรถยนต์รุ่นปัจจุบัน หลายร้อยล้านยูโรสำหรับค่าใช้จ่ายในการขยายโรงงานผลิต และอีก 700 ล้านยูโร (ประมาณ 2.73 หมื่นล้านบาท) เพื่อการค้นคว้านวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ๆ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในส่วนของระบบชาร์จพลังงานรวมไปถึงระบบยานยนต์อัจฉริยะ
ศูนย์บริการสี และตัวถังแห่งใหม่ในสำนักงานใหญ่ที่ Zuffenhausen ได้รับการจัดสรรพื้นที่พร้อมสายการผลิตส่วนหนึ่ง เพื่อวัตถุประสงค์ในการเคลื่อนย้ายตัวถังรถยนต์ที่ผ่านการพ่นสี และชิ้นส่วนของระบบขับเคลื่อนไปยังส่วนงานประกอบขั้นตอนสุดท้าย ทั้งนี้พื้นที่ดังกล่าวกำลังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการก่อสร้าง ทางด้านโรงงานผลิตเครื่องยนต์ปัจจุบัน กำลังจะได้รับการขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า ซึ่งแน่นอนว่าส่วนงานผลิตตัวถังจะต้องได้รับการพิจารณาปรับปรุงเช่นเดียวกัน แผนการใช้จ่ายงบประมาณ ที่วางไว้ยังเกี่ยวเนื่องไปถึงบทบาทหน้าที่ของศูนย์วิจัย และพัฒนา Weissach Development Centre ส่งผลให้โครงการ Mission E สามารถสร้างตำแหน่งงานใหม่เพิ่มขึ้นได้มากถึง 1,200 ตำแหน่ง
Porsche Mission E คือรถสปอร์ตที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างสมบูรณ์แบบ ให้พละกำลังสูงสุดมากกว่า 600 แรงม้า ส่งผลให้มีอัตราเร่งอันยอดเยี่ยม จากจุดหยุดนิ่งไปที่ความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาต่ำกว่า 3.5 วินาที นอกจากนี้สามารถเร่งออกตัว และเบรกอย่างต่อเนื่อง โดยปราศจากการสูญเสียประสิทธิภาพใดๆ พร้อมศักยภาพในการเดินทางสูงสุดได้เป็นระยะทางกว่า 500 กิโลเมตร ตามมาตรฐานการทดสอบ NEDC ด้วยระยะเวลาที่ใช้ในการชาร์จพลังงานเพียงเล็กน้อย: ความล้ำเลิศทั้งหมดข้างต้นเกิดขึ้นจากโครงสร้างระบบไฟฟ้าแรงดันสูง 800 โวลต์ ซึ่งช่วยให้รถวิ่งได้เป็นระยะทางถึง 400 กิโลเมตร ด้วยการชาร์จพลังงานเพียง 15 นาทีเท่านั้น
โครงสร้างพื้นฐานรองรับทางเลือกในการชาร์จพลังงานที่หลากหลาย
Porsche และ Audi ในฐานะตัวแทนของเครือ Volkswagen Group ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ BMW, Daimler AG และ Ford ปฏิบัติการภายใต้สัญญาความร่วมมือกับบริษัท Ionity โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อก่อตั้ง และเปิดดำเนินงานสถานีชาร์จพลังงานประสิทธิภาพสูงมากกว่า 400 แห่ง ตลอดถนนสายหลักหลักทั่วทวีปยุโรปภายในปี 2020 การก่อสร้างได้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี 2017 โดยได้รับการกำกับดูแลจากทีมงานของ Ionity นอกจากนี้เครือข่ายศูนย์บริการของ Porsche ทั่วโลก จะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างพื้นฐานในเชิงของสถานีชาร์จพลังงานประสิทธิภาพสูงเช่นกัน
ปลั๊กอิน-ไฮบริด หนึ่งในความสำเร็จที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วของ Porsche
การเผยโฉมของ New Panamera แสดงให้เห็นถึงอนาคตอันสดใสของยนตรกรรม พลังงานทางเลือกเจเนอเรชั่นที่ 3 จาก Porsche รถยนต์ขุมพลังปลั๊ก-อิน ไฮบริด ทั้ง 2 รุ่นของ Panamera สร้างชื่อเสียงอันเป็นที่ยอมรับทั้งในด้านของศักยภาพในการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวเป็นระยะทางสูงสุดถึง 50 กิโลเมตร และสำหรับ Panamera Turbo S E-Hybrid ในฐานะเรือธงของสายพันธุ์สปอร์ตทัวริ่ง 4 ประตู นี่คือส่วนผสมสุดสมบูรณ์แบบระหว่างสมรรถนะการขับขี่เหนือระดับ และประสิทธิภาพการทำงานอันยอดเยี่ยม เครื่องยนต์เบนซิน V8 ขนาดความจุ 4.0 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้พละกำลังสูงสุด 680 แรงม้า สามารถก้าวขึ้นครองบัลลังก์รถยนต์หรูที่เต็มไปด้วยความสปอร์ตมากที่สุดคันหนึ่งในโลก ไม่มีคำตอบอื่นใดสำหรับคำถามนี้ นอกจากความเหนือชั้นของระบบขับเคลื่อนไฮบริดจาก Porsche
นอกจากนี้ยังเห็นได้ชัดว่าลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของ Porsche ให้ความสนใจและมั่นใจที่จะเลือกใช้รถยนต์รุ่นเครื่องยนต์ไฮบริดเพิ่มขึ้น นับตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรก ประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ของยานพาหนะทั้งหมดที่จำหน่ายในภูมิภาคยุโรปเป็นรถยนต์ที่ได้รับการติดตั้งสุดยอดขุมพลังขับเคลื่อนดังกล่าว สถิติตัวเลขข้างต้นกำลังเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อันเป็นผลมาจากเสียงตอบรับที่ดีของบรรดาผู้ใช้รถในหลายประเทศ และสูงขึ้นถึง 90 เปอร์เซ็นต์ในประเทศแถบสแกนดิเนเวีย
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: Porsche Media
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th