RALLIART COME BACK! สัมผัสตำนานฮีโร่แรลลี่อาร์ทตัวจริงในมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 38
บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศเปิดตัวรถยนต์รุ่นพิเศษ ครั้งแรกกับการกลับมาของแบรนด์ระดับไอคอน “แรลลี่อาร์ท” (RALLIART) ด้วยการเปิดตัวรถยนต์มิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ท 2 รุ่น ได้แก่ ไทรทัน แรลลี่อาร์ท และปาเจโร สปอร์ต แรลลี่อาร์ท ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในโลก ในราคาเริ่มต้นที่ 667,000 บาท ที่งานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 38
“มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ได้เรียนรู้ 3 คุณค่าสำคัญจากชัยชนะมากมายจากการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตรายการสุดหฤโหด ทั้งการแข่งปารีส-ดาการ์ แรลลี่ และรายการแข่งขันแรลลี่ชิงแซมป์โลก โดยหลังการเอาชนะเกมการแข่งขันสุดโหดมาได้นั้น เราได้เรียนรู้ว่ารถยนต์ของเราต้องมี ‘สมรรถนะชั้นยอด’ ‘ความแข็งแกร่งทนทาน’ และ ‘ความสะดวกสบาย’ จึงสามารถคว้าชัยชนะมาครอง
ได้อย่างมั่นใจ ซึ่งดีเอ็นเอของความเป็นแซมป์จากการแข่งขันทั้งหมดนี้ฝังอยู่ในรถยนต์รุ่นปัจจุบันของเรา และแรลลี่อาร์ทถือเป็นแบรนด์ที่ดีที่สุดที่สามารถสะท้อนดีเอ็นเอและแรงบันดาลใจอันแรงกล้าของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม” “การกลับมาของรถยนต์รุ่น แรลลี่อาร์ท จะนำ ‘จิตวิญญาณแห่งชัยชนะ’ มาสู่ลูกค้าชาวไทย ทั้งยังช่วยเพิ่มสีสันให้เจ้าของรถยนต์
มิตซูบิชิ เสริมไปกับประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนาน และสไตล์การตกแต่งรถยนต์ที่ดูทันสมัย โดยเราอยากจะส่งต่อแรงบันดาลใจของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส นี้ ให้กับลูกค้าของเราในประเทศไทยให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ด้วยราคาที่สามารถแข่งขันได้ในตลาด สิ่งสำคัญที่สุดคือ นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของแบรนด์แรลลี่อาร์ ที่กลับมาใหม่อีกครั้ง
เราจึงอยากใช้โอกาสพิเศษนี้เปิดโอกาสให้ทุกคนได้ยลโฉมตำนานแชมป์แรลลี่อาร์ทตัวจริงเสียงจริง ที่ส่งตรงจากมิตซูบิชิ ออโต้ แกลเลอรี ประเทศญี่ปุ่น ผมหวังว่าทุกคนจะได้สัมผัสประสบการณ์แห่งความตื่นต้นเร้าใจและแรงบันดาลใจสำคัญ จากทั้งตำนานแชมป์เหล่านี้ และรถยนต์รุ่นใหม่พิเศษเรลลี่อาร์ท” มร. เออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด
รถยนต์รุ่น แรลลี่อาร์ท จะวางจำหน่ายใน 3 รุ่นย่อย จากรถยนตํจำนวน 2 รุ่น ที่ขายดีที่สุดของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทยอย่างไทรทัน และปาเจโร สปอร์ต โดยราคาเริ่มต้นของไทรทัน แรลลี่อาร์ท เมกะ เค็บ อยู่ที่ 667,000 บาท รุ่นไทรทันดับเบิ้ล แค็บ อยู่ที่ 705,000 บาท ในขณะที่รุ่นปาเจโร สปอร์ต แรลลี่อาร์ท ราคา 1,365,000 บาท
สำหรับภายนอกของแรลลี่อาร์ท มาพร้อมชุดอุปกรณ์ตกแต่งของแท้จากโรงงาน อาทิ ลวดลายสติกเกอร์ด้านข้างตัวรถสีแดง สีเงินและสีดำ แผ่นกันโคลนสีแดง รวมถึงชุดตกแต่งใต้กันชนหน้าที่มาพร้อมโลโก้แรลลี่อาร์ท โดยรุ่นแรลลี่อาร์ทจะแตกต่างจากรุ่นธรรมดา ด้วยชุดตกแต่งภายนอกสีดำสุดพิเศษ ออกแบบเฉพาะสำหรับกระจังหน้า ล้ออัลลอย และหลังคา สำหรับภายในตกแต่งด้วยพรมปูพื้นจะมาพร้อมโลโก้แรลลี่อาร์ทด้วยเช่นกัน
ไทรทัน แรลลี่อาร์ท
- จะมาในรุ่น ไทรทัน ตัวเตี้ยโดยมีให้เลือกในรุ่นย่อย ได้แก่ เมกะ แค็บ และดับเบิ้ล แค๊บ ชุดตกแต่งพิเศษประกอบด้วยพื้นปูกระบะท้ายที่มีโลไก้แรลลี่อาร์ท และมือเปิดกระบะท้ายสีดำ เพิ่มลุคสปอร์ตสุดโฉบเฉี่ยวและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังที่ไม่หยุดนิ่ง ของรุ่นไทรทันให้ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
- สีตัวถังรถแรลลี่อาร์ท มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาว Solid White พร้อมหลังคาสีดำ และสีดำ
ปาเจโร สปอร์ต แรลลี่อาร์ท
- ปาเจโร สปอร์ต แรลลี่อาร์ท มาพร้อบชุดตกแต่งใต้กันชนหลัง รวมถึงชุดตกแต่งซุ้มล้อสีดำที่ช่วยอัลลอย และยางโดดเด่นยิ่งขึ้น อีกทั้งเพิ่มความแตกต่างจากนธรรมดาด้วยไฟหน้ารมดำ ล้ออัลลอยสีดำ ราวหลังคาสีดำ เสาอากาศแบบครีบฉลามสีดำ ลสปอยเลอร์หลังสีดำ ที่ติดตั้งมาสำหรับรุ่นนี้โดยเฉพาะ เพิ่มความสปอร์ตและสไตล์ที่หรูหราให้กับปาเจโร สปอร์ต ได้อย่างลงตัว
- สีตัวถังรถ และแรลลี่อาร์ท มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาว White Diamond พร้อมหลังคาสีดำ และสีดำ Jet Black Mica
ในปีนี้ เพื่อฉลองครบรอบ 60 ปี ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในประเทศไทย บริษัทฯ ต้องการพาทุกท่านไปสัมผัสกับประวัติศาสตร์ พร้อมแสดงความขอบคุณคนไทย ด้วยการจัดแสดงรยนต์ระดับตำนาน 3 รุ่น ที่เปรียบเสมือนตัวแทนความสำเร็จแห่งยุคสมัยของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ทั้งในตลาดรถยนต์ชิงพาณิชย์และสนามการแข่งขันแรลลี่ระดับโลก ที่งานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 38 ครั้งนี้ด้วย โดยตำนานรถยนต์ทั้ง 3 รุ่นได้แก่
1) สามล้อรุ่น ‘ลิโอ‘ ซึ่งเป็นรถยนต์มิตซูบิชิคันแรกที่วางจำหน่ายในประเทศไทย รถยนต์มิตซูบิชิ สามล้อ ลีโอ วางจำหน่ายครั้งแรกที่ญี่ปุ่นเมื่อปี พ.ศ. 2502 รถยนต์สามล้อรุ่นนี้ มอบประสบการณ์การขับขี่ในแบบสกิตเตอร์ และเป็นรถสามล้อที่มีห้องโดยสารที่ทำจากเหล็กทั้งหมดเป็นครั้งแรก พร้อมติดตั้งที่นั่ง 2 ตำแหน่ง ภายหลังเปิดตัว มิตซูบิชิ สิโอ ก็ติดอันดับรถยนต์ที่ขายดีที่สุดด้วยยอดการผลิตสูงถึง 1,000 คันต่อเดือน จากนั้นมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ได้ส่งออก มิตซูชิ ลีโอ จากญี่ปุ่นเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยในปี พ.ศ. 2504
2) ปาเจโร รุ่นปี 1985 มิตซูบิชิ ปาเจโร ร่วมแข่งขันรายการ ดาการ์ แรลลี่ ถึง 26 ครั้ง ระหว่างช่วงปีพ.ศ. 2526-2552 และสามารถคว้าชัยชนะมาครองได้ถึง 12 ครั้ง สร้างสถิติชนะสูงถึง 50 เปอร์เซ็นต์ในช่วงเวลาดังกล่าว โดยป่าเจโร รุ่นปี 1985 สามารถคว้าชัยในการแข่งขันประเภทรวมโอเวอร์ออลครั้งแรกในร้ายการ ดาการ์ แรลลี่ และมีชื่อเสี่ยงโด่งดังในฐานะแบรนด์รถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นรายแรกที่สามารถคว้าชัยชนะครั้งใหญ่มาครองได้สำเร็จเมื่อปี พ.ศ. 2528 และในปีเดียวกันนั้นเอง มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ได้เปิดตัวรถยนต์ต้นแบบ ปาเจโร/มอนเตโร โดยนำเอาพื้นฐานโครงสร้างแชสซี และตัวถังของรถยนต์ในสายการผลิตที่ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.6 ลิตร รหัส 4G54 ที่มาพร้อมกับ เทอร์โบชาร์จ และอินเตอร์คูลเลอร์ มีกำลังสูงสุด 225 แรงม้า มาทำการปรับอัตราทดเฟืองท้ายใหม่ จึงส่งผลให้รถต้นแบบนี้สามารถทำความเร็วสูงสุดถึง 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
3) แลนเซอร์ ดับบลิวอาร์ซี 05 พัฒนาต่อเนื่องจากรถยนต์มิตซูบิชิรุ่น แลนเซอร์ อีโวลูชั่น ซึ่งได้รับสมญานามว่า “เจ้าแห่งสนามเวิลด์แรลลี่แซมเปี้ยนชิพ” โดยรถยนต์รุ่นมิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีโวลูชั่น มาพร้อมกับเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนสี่ลัอที่ล้ำสมัยที่รู้จักในนามของ Super AI-Wheel Control ที่ได้รับการพัฒนามาจากประสบการณ์การแข่งขันแรลลี่ชิงแซมป์โลก เทคโนโลยีดังกล่าวนี้เอง อยู่เบื้องหลังของการคว้าชัยชนะรายการแข่งขันแรลลี่ชิงแชมป์โลก ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ถึง 34 สมัย ระหว่างช่วงปี พ.ศ. 2510-2551 โดยชัยชนะ 26 ครั้งจาก 34 ครั้ง มาจากรุ่นมิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีโวลูชั่น ซึ่งโชว์ฟอร์มสุดยอดด้วยชัยชนะติดกันถึง 4 ปีซ้อนในช่วงปีพ.ศ. 2539-2542 โดยรุ่นแลนเซอร์ ดับบลิวอาร์ชี 05 ยังได้เข้าร่วมรายการแข่งขันแรลลี่ชิงแชมป์โลก เมื่อปีพ.ศ. 2548 ภายใต้กฎข้อบังคับใหม่ของการแข่งขัน รถยนต์รุ่นนี้ ได้ถูกพัฒนาอย่างมากในหลายๆ ส่วน อาทิ ขนาดความกว้างของตัวรถที่ขยายกว้างขึ้น ช่วงล่างที่มีความสูงเพิ่มขึ้น เพลาขับใหม่ และทำการปรับแต่งองศาช่วงล่างใหม่หมดเพื่อให้ได้สมรรถนะสูงสุด ระบบควบคุมการทำงานของเครื่องยนใหม่เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด และยังได้ติดตั้งเกียร์กึ่งอัตโนมัติพร้อมชุดคลัทช์ใหม่ จากการผสมผสานของการพัฒนาในจุดต่าง ๆ และการปรับแต่งอย่างพิถีพิถัน จึงทำให้รถคันนี้มีประสิทธิภาพการขับขี่สูงขึ้น
นอกจากนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังได้จัดแสดง รถยนต์ มิตซูบิชิ เอ็กซ์เพนเดอร์ สเปเชียล เอคิชั่น และมิตซูบิชิ ปาเจโรสปอร์ต สเปเซียล เอคิชั่น เพื่อเอาใจสาวกคนรักรถยนต์มิตซูบิชิ ที่ต่างรอคอยการปรับแต่งเพิ่มเติมของรถยนต์มิตบิชิรุ่นต่างๆภายในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 38 โดยมิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ‘สเปเชียล เอดิชั่น’ มาพร้อมความสปอร์ตแบบพรีเมียมที่เหนือระดับมากยิ่งขึ้น ความแข็งแกร่ง และความโจบเอี่ยวอย่างมีสไตส์ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ทุกไลฟ์สไตล์ ลูกค้ายังเพลิดเพลินไปกับ ระบบความบันเทิงรุ่นใหม่พร้อมหน้าจอแบบสัมผัสงนาค 9 นิ้ว ที่รองรับ Apple Carplay และAndroid Auto มิตซูบิชิ เอ็กซ์เพนเดอร์ ‘สเปเชียล เอดิชั่น’ มีให้เลือกทั้งหมด 3 สีที่โดดเด่นสะกดทุกสายตา ได้แก่สีแดง Spirit Red สีดำ Jet Black Mica แล:สีขาว (uartz White Pearl! ในขณะที่วิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ‘สเปเชียล เอคิชั่น’มาพร้อมกับตัวรกสีแดง Medium Red ที่มีเอกลักษณ์ พร้อมอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติมเพื่ออลองครบรอบ 60 ปีของมิตซูบิชิมอเตอร์ส ประเทศไทย โดยมิตซูบัชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ‘สเปซียล เอดิชั่น’ และมิตซูบิชิ ปาเโร สปอร์ต ‘สเปเชียล เอคิชั่น’ มีวางจำหน่ายในจำนวนจำกัด
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ไม่เพียงแค่มุ่งมั่นที่จะส่งมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าเท่านั้น แต่ความพึงพอใจของลูกค้าก็เป็นหัวใจของพันธกิจหลักที่มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ให้ความสำคัญตลอดมา เราเดินหน้าให้การดูแลบริการลูกค้าอย่างดีที่สุดผ่านเครือข่ายผู้จำหน่ายรถยนต์มิตซูบิชิ ทั้ง 231 แห่งทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง ทำให้เราสามารถมอบประสบการณ์การดูแลที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า และเราจะยังคงครองตำเหน่งผู้นำด้านบริการการขายและหลังการขาย การันตีคุณภาพด้วย จาก 4 รางวัลธุรกิจยานยนต์ยอดนิยมประจำปี 2563 ในด้านความพึงพอใจของลูกค้า
นอกจากนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังคงสานต่อพันกิจในการสนับสนุนช่วยเหลือสังคมตามหลักสำคัญ 3 ด้าน อันได้แก่ สิ่งแวดล้อม สุขภาพ และการศึกษา ควบคู่ไปกับ การขับเคลื่อนอุตสาหกรรบยานยนต์ไทยให้ก้าวไกลไปสู่การเตินโตของเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน สำหรับเป้าหมายด้านการอนุรักษ์สิ่งแวคล้อม เรามุ่งมั่นที่จะมีบทบาทสำคัญในการช่วยผลักดันประเทศไทยไปสู่สังคมคาร์บอนสมดุล โดยมีการริเริ่มโครงการและกิจกรรมหลายอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ส่งเสริมการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างเต็มกำลังผ่านโครงการ ‘ปลูกป่า 60 ปี 60 ไร่’ รวมถึงติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาโรงงานที่แหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี จากการใช้พลังงานหมุนเวียนผ่านการติดตั้งแผงโซลาร์สำหรับทุกโครงการที่ศูนย์การผลิตรถยนต์มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ตั้งเป้าช่วยลตการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์ลงมากกว่า 6,100 ตันต่อปี
ในส่วนของการพัฒนารถยนต์ ที่มาช่วยตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทยได้เปิดตัว มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี รกยนต์ปล็กอินไฮบริดระดับพรีเมี่ยม ที่โดดเด่นด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม และปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำในประเทศไทยจากการศึกษาการประเมินการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ตามวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ (Life Cycle Assessment – LCA) ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น พบว่า ตราบจนปัจจุบัน รถยนต์ประเภทปลั๊กอินไฮบริดเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดีที่สุดเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เมื่อพิจารณาปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์พาจากปลายท่อไอเสียรนต์ แต่หมายรวมถึงทั้งกระบวนการการผลิตทั้งหมด ทั้งจากการผลิตการผลิตกระแสไฟฟ้า และจากกระบวนการการผลิตรถยนต์อีกด้วย
มิตซูบิชิ ไทรทัน แรลลี่อาร์ท, ปาเจโร สปอร์ต แรลลี่อาร์ท, เอ็กซ์แพนเดอร์ สเปเชียล เอดิชั่น และปาเจโร สปอร์ต สเปเซียล เอดิชั่น เปิดให้จองและเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ โดยลูกค้าที่สนใจสามารถเข้ามาเยี่ยมชมที่บูรมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย (A07) ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 38 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-12 ธันจาคม 2564 ณ อาคารซาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพค เมืองทองธานี
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ได้ที่ www.grandprix.co.th